5 ประโยชน์ของแฟลชไดร์ฟ ในยุคดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่หลายคนมองข้ามไป
เมื่อพูดถึงการใช้งานแฟลชไดร์ฟในปัจจุบัน ก็แน่นอนว่าผู้ใช้งานหลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นแก็ดเจ็ตชิ้นนึงที่มีประโยชน์ในการช่วยจัดเก็บ บันทึกไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงใช้เป็นตัวช่วยในการโอนถ่ายไฟล์ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ แต่ขณะเดียวผู้ใช้งานหลายคนก็มองว่าในยุคสมัยปัจจุบันนี้ไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้งาน หรือพึ่งพาแก็ดเจ็ตชิ้นนี้สักเท่าไหร่ เพราะมีตัวเลือกบริการจัดการข้อมูลแบบอื่น ๆ ที่สามารถทดแทนกันได้ เช่น ระบบคลาวด์ หรือการใช้พื้นที่ความจำของอุปกรณ์พกพาแทน เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เป็นต้น อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าในแง่ของประโยชน์ใช้งานหลักสำหรับจัดเก็บ บันทึกไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ ลงบนแฟลชไดร์ฟนั้น เราจะสามารถใช้ทางเลือกจัดการข้อมูลอื่น ๆ ทดแทนกันได้จริงดังกล่าว แต่ทว่าประโยชน์ใช้งานจริงของแฟลชไดร์ฟในยุคดิจิทัลไลฟ์สไตล์อย่างในปัจจุบันนี้ต้องบอกว่ามีมากกว่าที่หลายคนคิดไว้อย่างเช่น PEN USB ที่เป็นปากกาแฟลชไดร์ฟ โดยสามารถใช้งานได้ทั้งการเขียนและการใช้งานแฟลชไดร์ฟ, RUBBER USB เป็นสายรัดข้อมือ นอกจะสามารถใช้งานจริงได้แล้วยังสามารถใส่เป็นแฟชั่นได้ด้วย และในหลาย ๆ บริบทก็มีส่วนช่วยให้ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ในแต่ละวันของเราลื่นไหล และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย ในบทความนี้จึงได้สรุป 5 ประโยชน์ของแฟลชไดร์ฟ ที่จะช่วยให้ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ของเราลื่นไหลยิ่งขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมการทำงาน การเรียน และชีวิตส่วนตัวเป็นไปอย่างราบรื่นขึ้นด้วยนั้นมาบอกกล่าวให้ได้ทราบกัน
ช่วยจำแนกกลุ่มไฟล์ ประโยชน์อย่างแรกของแฟลชไดร์ฟที่ผู้ใช้งานหลายคนมักหลงลืม มองข้ามไปก็คือ ประโยชน์ในการช่วยจำแนก แยกจัดเก็บไฟล์ต่างประเภทกันนั่นเอง ทั้งนี้อย่างที่ทราบกันว่าในยุคดิจิทัลไลฟ์สไตล์อย่างในปัจจุบันนี้ ไฟล์ข้อมูลดิจิทัลต่าง ๆ ที่เราจำเป็นต้องจัดเก็บและใช้งานในแต่ละวันนั้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ไฟล์สำหรับกิจกรรมการเรียน หรือการทำงานเท่านั้น แต่ยังมีไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตส่วนตัว ไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับสังคม ความสัมพันธ์ หรือกิจกรรม ไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ เฉพาะบุคคล และบ่อยครั้งไฟล์เหล่านี้มักจะปะปนกันอยู่บนอุปกรณ์ใด อุปกรณ์หนึ่ง เช่น สมาร์ทโฟน แล็ปท็อป เป็นต้น ทำให้การค้นหา เรียกใช้งานแต่ละครั้งยุ่งยาก และกินเวลานาน การใช้แฟลชไดร์ฟเข้ามาช่วยแยกไฟล์ต่างประเภทกันออกจากอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น แยกไฟล์งานออกจากไฟล์ส่วนตัวต่าง ๆ บนสมาร์ทโฟน หรือแยกไฟล์สื่อบันเทิงต่าง ๆ บนแล็ปท็อปออกจากไฟล์งาน จะช่วยให้การจัดการกับไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ สะดวกมากขึ้น ค้นหา และเรียกใช้ได้อย่างลื่นไหลขึ้น
สร้างความเป็นส่วนตัวแบบ 100% ประโยชน์ต่อมาที่ผู้ใช้งานหลายคนมักมองข้ามไปเช่นกันก็คือ การช่วยสร้างความเป็นส่วนตัวแบบ 100% นั่นเอง ทั้งนี้แม้ว่าปัจจุบันเราจะมีทางเลือกบริการจัดการไฟล์ออนไลน์ เช่น ระบบคลาวด์ ให้สามารถใช้งานจัดเก็บ บันทึกไฟล์ต่าง ๆ ทดแทนแฟลชไดร์ฟได้ แต่ก็อย่างที่ทราบกันว่าบริการลักษณะนี้ ความเป็นส่วนตัวไม่ได้อยู่ในระดับ 100% เพราะอย่างน้อยที่สุดก็มีผู้ให้บริการที่สามารถเข้าถึงไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ ของเราได้ และหากมีบุคคลใดล่วงรู้รหัสผ่านของบัญชีผู้ใช้คลาวด์ของเรา ความเป็นส่วนตัวก็ย่อมลดน้อยถอยลงไปอีก ขณะที่การบันทึกข้อมูลไว้บนแฟลชไดร์ฟนั้น ความเป็นส่วนตัวในการอนุญาตให้บุคคลใดเข้าถึงไฟล์ข้อมูลจะขึ้นอยู่ที่เรา 100% และยังหมดกังวลเรื่องข้อมูลรั้วไหลผ่านช่องทางออนไลน์อีกด้วย
เป็นตัวช่วยควบคุมชั่วโมงออนไลน์ แม้ว่าในยุคดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ระบบออนไลน์ และกิจกรรมออนไลน์ต่างๆจะมีส่วนช่วยอำนวยความสะดวกให้กับชีวิตของผู้ใช้งานได้มากมาย ทั้งกิจกรรมการเรียน การทำงาน และความบันเทิง แต่ก็อย่างที่ทราบกันดีว่า การใช้เวลาออนไลน์บนอุปกรณ์ต่าง ๆ มากเกินไปนั้นสามารถส่งผลเสียต่อชีวิตได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องของสุขภาพ การเลือกปิดโหมดออนไลน์ หรือปิดการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนอุปกรณ์ต่าง ๆ ในบางช่วงเวลาบ้างจึงจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างดิจิทัลไลฟ์สไตล์แบบสมดุลได้ดีขึ้น ซึ่งการใช้งานแฟลชไดร์ฟจัดเก็บไฟล์ต่าง ๆ แทนระบบออนไลน์นี่เองจะช่วยให้เราสามารถควบคุมชั่วโมงออนไลน์ได้ดีขึ้น และจัดการกับกิจกรรมต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการออนไลน์อยู่บนโลกอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา
ใช้งานไฟล์บางประเภทได้โดยไม่ต้องเปิดหน้าจอ ประโยชน์ต่อมาที่ผู้ใช้งานจำนวนมากหลงลืมไปเช่นกันก็คือ การใช้งานไฟล์บางประเภทจากแฟลชไดร์ฟได้โดยไม่จำเป็นต้องเปิดหน้าจออุปกรณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะกับไฟล์สื่อบันเทิง เช่น ไฟล์เสียง ไฟล์ Audio เพลงของศิลปินต่าง ๆ ซึ่งเราสามารถเปิดไฟล์เหล่านี้ผ่านลำโพงบลูทูธได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้งานหน้าจอคำสั่งบนอุปกรณ์สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์
ช่วยประหยัดค่าบริการพื้นที่จัดเก็บไฟล์ออนไลน์ ประโยชน์อีกหนึ่งอย่างที่ทำให้แฟลชไดร์ฟยังคงเป็นไอเทมที่แสนคุ้มค่าในยุคดิจิทัลไลฟ์สไตล์นี้ก็คือ การช่วยเซฟค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าบริการพื้นที่จัดเก็บไฟล์ออนไลน์ที่จำเป็นต้องจ่ายเป็นประจำทุกเดือน หรือทุกปีนั่นเอง เพราะการควักจ่ายเงินซื้อแฟลชไดร์ฟสักอันนั้นจะทำให้เรามีพื้นที่ใช้งานจัดเก็บไฟล์ต่าง ๆ ได้ยาว ๆ ตราบที่ตัวแก็ดเจ็ตไม่ได้ชำรุด เสียหาย ดังนั้นควรเลือกใช้ PACKAGE เพื่อป้องกันการชำหลุดตกหล่นที่จะก่อให้เกิดความเสียหายของแฟลชไดร์ฟ