แฟลชไดร์ฟ ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการจัดเก็บข้อมูลต่างๆไม่ว่าจะเป็นไฟล์แบบใด

แฟลชไดร์ฟ ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการจัดเก็บข้อมูลต่างๆไม่ว่าจะเป็นไฟล์แบบใด ชนิดใด หรือขนาดเท่าไหร่ แฟลชไดร์ฟสามารถเก็บและดูแลรักษาไฟล์เหล่านั้นได้อย่างดีเยี่ยม แต่ด้วยความสะดวกในการใช้งานของแฟลชไดร์ฟที่ไม่ว่าคุณจะต้องการเก็บข้อมูลจากเครื่องหนึ่งหรือส่งต่อข้อมูลต่อไปกับเครื่องอื่นๆจึงทำให้เกิดความเสี่ยงเป็นอย่างมากที่จะทำให้ไปเจอกับศัตรูตัวฉกาจในการทำลายข้อมูลและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อย่าง ไวรัส วันนี้เราจึงมีวิธีการดูแลรักษาแฟลชไดร์ฟให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยจากไวรัส 1.มองหาโปรแกรม Antivirus ติดเครื่องไว้เสมอ โปรแกรม Antivirus จะเป็นตัวช่วยที่ดีอย่างมากในการทำการปองกันและกำจัดไวรัสที่อาจจซ่อมตัวหรือแทรกซึมเข้ามาจากแฟลชไดร์ฟของเราได้ ยกตัวอย่างเช่น Avast Virus Cleanner Tools, Ad-Awere SE Profressional, RemoveT Pro SE หรือ Trend Micro Sysclean Packege ซึ่งโปรแกรมต่างๆก็มีความสามารถและความโดดเด่นที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ว่าต้องการกำจัดไวรัสตัวใดชนิดในเป็นสำคัญ 2.ไม่ควรใช้แฟลชไดร์ฟร่วมกันกับผู้ใช้อื่นๆ แม้ว่าแฟลชไดร์ฟจะสามารถใช้ร่วมกันคอมพิวเตอร์ได้ทุกๆเครื่อง แต่ก็ไม่ใช่ว่าคุณจะปล่อยให้ใครต่อใครก็ได้นำแฟลชไดร์ฟที่เต็มไปด้วยข้อมูลสำคัญ เพราะเราไม่สามารถจะทราบได้เลยว่าเขาเหล่านั้นนำแฟลชไดร์ฟไปใช้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือดึงเอาข้อมูลที่เต็มไปด้วยไวรัสเช้ามาด้วยหรือไม่ 3. ศึกษาวิธีการสังเกตุและวิธีการกำจัดไวรัสด้วยตนเอง มีไวรัสบางตัวที่สามารถหลุดรอดจากการสแกนหรือกำจัดของโปรแกรม Antivirus ต่างๆได้ ฉะนั้นเราจึงควรมองหาวิธีการกำจัดไวรัสต่างๆ เช่น wormdrive หรือ ไวรัส autorun เพื่อป้องกันไม่ให้อาการของไวรัสนั้นสร้างความเสียหายให้กับข้อมูลภายในของคุณได้ 4.หมั่นอัพเดทโปรแกรม Antivirus อยู่เสมอ ไวรัสก็เหมือนกับโปรแกรมหรือเทคโนโลยีอื่นๆ เพราะมันมีการพัฒนาความสามารถในการแทรกซึมและทำร้ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในแบบใหม่ๆอยู่เสมอ ฉะนั้นเราต้องหมั่นอัพเดทโปรแกรม Antivirus ประจำเครื่องของเราอยู่อย่างสม่ำเสมอ […]

หากเราจะนึกถึงอุปกรณ์สักชิ้นหนึ่งเพื่อจะช่วยในการเก็บข้อมูลที่สำคัญของเราไว้ใช้จากคอมพิวเตอร์หนึ่งไปสู่คอมพิวเตอร์นึง

หากเราจะนึกถึงอุปกรณ์สักชิ้นหนึ่งเพื่อจะช่วยในการเก็บข้อมูลที่สำคัญของเราไว้ใช้จากคอมพิวเตอร์หนึ่งไปสู่คอมพิวเตอร์นึง แน่นอนว่า แฟลชไดร์ฟ ถือว่าเป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลชิ้นแรกๆที่พวกเราต้องนึกถึงอย่างแน่นอน แต่เมื่อโลกได้ก้าวผ่านไปพร้อมด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆที่เข้ามา จึงทำให้รูปแบบในการจัดเก็บข้อมูลต่างๆไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ ไฟล์งานต่างๆ ไฟล์เพลง หรือข้อมูลต่างๆที่ผู้จัดเก็บต้องการ เพราะนี่คือยุคที่เราเริ่มใช้เทคโนโลยีในการจัดเก็บข้อมูลแบบออนไลน์นั่นเอง แฟลชไดร์ฟ คืออุปกรณ์ในการจัดเก็บข้อมูลชิ้นแรกๆของโลกที่ช่วยเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบและทำหน้าที่ในการจัดเก็บข้อมูล โอนถ่ายข้อมูล และสามารถใช้ได้กับอุปกรณ์มากมายหลายชนิด ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนั้นเราจะเห็นว่าแฟลชไดร์ฟได้พัฒนาอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนารูปแบบในการเชื่อมต่อซึ่งโดยปกติแล้วแฟลชไดร์ฟจะเลือกใช้การเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB แทบทั้งหมด ฉะนั้นเมื่อมีเทคโนโลยี USB ใหม่ๆอย่าง USB 3.0 ก็เสมือนว่าแฟลชไดร์ฟได้เพิ่มศักยภาพในการส่งโอนข้อมูลผ่านการเชื่อมต่อที่รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนั้นแฟลชไดร์ฟยังมีขนาดความจุที่เพิ่มขึ้นจากแต่ก่อนเป็นอย่างมาก เมื่อแต่ก่อนเราจะเห็นได้ว่าแฟลชไดร์ฟมีความจุอยู่แค่เพียง 128mb แต่ในปัจจุบันมีความจุสูงถึง 128 Gb เลยทีเดียวทำให้เราสามารถนำแฟลชไดร์ฟมาเก็บข้อมูลที่มีขนาดไฟล์ใหญ่ได้มากยิ่งขึ้น เช่น วิดิโอ เพลง เกมส์ ภาพยนต์ความละเอียดสูงหรือแม้แต่ไฟล์งานจำนวนมากๆ จึงทำให้คุณไม่จำเป็นต้องมองหาแฟลชไดร์ฟหลายๆชิ้นเพื่อสำรองไว้สำหรับการเก็บข้อมูล โดยคู่แข่งปัจจุบันของแฟลชไดร์ฟคือผู้ให้บริการรับฝากไฟล์หรือโฮสสำหรับการจัดเก็บข้อมูลไม่ว่าจะเป็น Google Drive, iClound หรือ Dropbox เพราะไม่จำเป็นที่จะต้องพกพาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลไปด้วยเสมอ ขอเพียงแค่มีอินเตอร์เน็ตในการทำงานเชื่อมต่อเท่านั้นเอง จริงอยู่ที่โลกของเราในปัจจุบันนั้นเต็มไปด้วยความต้องการของระบบออนไลน์เพื่อความสะดวกสบายที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น แต่ใช่ว่ามันจะปราศจากข้อเสียใดๆเลยเพราะหากเราไม่สามารถทำการเชื่อมต่อหรือดึงนำเอาข้อมูลที่ทำการฝากไว้บนโฮสจัดเก็บข้อมูลออนไลน์ต่างๆได้ อาจจะทำให้เกิดความเสียหาย เสียเวลา และสร้างความลำบากเมื่อคุณต้องการนำข้อมูลนั้นๆมาส่งต่อหรือโอนถ่ายลงบนคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆนั่นเอง ฉะนั้นหากคุณยังมีแฟลชไดร์ฟติดตัวไว้จะช่วยทำให้การเก็บข้อมูลและโอนถ่ายข้อมูลหรือไฟล์งานต่างๆเป็นไปได้อย่างสะดวกและเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น เราจึงกล้าฟันธงได้เลยว่าแฟลชไดร์ฟจะยังคงเป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่จะคู่กับเราไปอีกแสนนานเลยทีเดียว