เช็คลิสต์ ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟไอโฟนมาใช้งาน

เช็คลิสต์ ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟไอโฟนมาใช้งาน

อย่างที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันหนึ่งในทางเลือกในการเพิ่มขนาดพื้นที่ในการจัดเก็บไฟล์บนมือถือ หรือสมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็คือการใช้งานแก็ดเจ็ตอย่างแฟลชไดร์ฟเชื่อมต่อเข้าตัวสมาร์ทโฟนโดยตรงเพื่อโอนถ่ายไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ มาไว้บนแฟลชไดร์ฟแทนก่อนที่จะทำการลบไฟล์ที่อยู่บนสมาร์ทโฟน เพื่อเคลียร์พื้นที่หน่วยความจำให้เหลือว่างเพียงพอสำหรับรองรับไฟล์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสมาร์ทโฟนจากแบรนด์เจ้าอย่างดังอย่างแอปเปิ้ล ซึ่งแต่ละรุ่นไม่ได้ทำออกมารองรับการเพิ่มพื้นที่ความจำภายใน หรือการใส่ SD Card เข้าไปในตัวโทรศัพท์ ทำให้ผู้ใช้งานต้องหาวิธีจัดการกับปัญหาพื้นที่ความจำภายในเครื่องเต็มมากกว่าผู้ใช้งานฝั่งสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่แต่ละรุ่น แต่ละแบรนด์มักจะมาพร้อมระบบรองรับการเพิ่มความจำเสริมตั้งแต่ 64GB ขึ้นไป อย่างไรก็ตามการเลือกหาแฟลชไดร์ฟสำหรับใช้งานกับไอโฟนให้ตอบโจทย์การใช้งานจริง และสามารถใช้งานได้ในระยะยาวแบบไม่มีปัญหาติดขัดใด ๆ ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน เพราะโดยพื้นฐานของแก็ดเจ็ตชิ้นนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับใช้งานกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ หรือแล็ปท็อป โดยความพยายามในการพัฒนาตัวแก็ดเจ็ตให้ซัพพอร์ตอุปกรณ์พกพาอย่างสมาร์ทโฟนเพิ่งจะเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีหลังนี้ อีกทั้งตัวเลือกแบรนด์แฟลชไดร์ฟที่มีให้เราได้เลือกใช้งานในตลาดตอนนี้ก็มีมากมายซะจนแยกได้ยากว่าแบรนด์ไหนบ้างที่มีคุณภาพดีตรงตามคำโฆษณาอีกทั้งยังมีหลากหลายรูปแบบเช่น metal usb, leather usb, twister usb ในบทความนี้จึงได้นำเอาข้อควรรู้ต่าง ๆ ในการใช้งานแฟลชไดร์ฟไอโฟนมาแนะนำบอกกล่าวให้ผู้ใช้งานได้ใช้เป็นเช็คลิสต์ก่อนตัดสินใจซื้อมาใช้งานกัน

เลือกพอร์ตเชื่อมต่อให้ตรงกับรุ่นไอโฟนที่เราใช้งาน ข้อควรระวังจุดแรกที่ผู้ใช้งานอาจจะพลาดได้ง่าย ๆ ก็คือพอร์ตเชื่อมต่อของแฟลชไดร์ฟที่เราจะตัดสินใจเลือกซื้อเลือกหามาใช้งานนั่นเอง เพราะสมาร์ทโฟนไอโฟนเจเนอเรชั่นเดิม ๆ นั้นจะมาพร้อมกับพอร์ต Lightning ที่หลายคนคุ้นเคยกันมานานหลายปี แต่สำหรับเจเนอเรชั่นหลัง ๆ ที่วางจำหน่ายในช่วงไม่กี่หลังนี้ได้มีการเปลี่ยนไปใช้พอร์ตมาตรฐานเดียวกับสมาร์ทโฟแอนดรอยด์ ซึ่งก็คือพอร์ต USB-C ดังนั้นก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟรุ่นใด ๆ จากแบรนด์ ๆ จึงต้องเช็คให้แน่ใจก่อนว่าพอร์ตเชื่อมต่อเป็นแบบใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งไม่สามารถตรวจเช็คสินค้าจริงก่อนได้ อีกทั้งแบรนด์ผู้ผลิตบางรายก็อาจระบุในคำโฆษณาเพียงข้อความ “For iPhone” ที่อาจทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจผิดได้ว่าสามารถใช้กับไอโฟนของตนเองได้

หลีกเลี่ยงแบรนด์โนเนมที่ไม่รู้จัก ปัญหายอดฮิตปัญหานึงที่ผู้ใช้งานแฟลชไดร์ฟไอโฟนหลายคนพบเจอก็คือ พลาดเลือกใช้งานแบรนด์ที่มีคุณภาพฮาร์ดแวร์ไม่ดี หรือไม่ได้มาตรฐานนั่นเอง ซึ่งผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือเมื่อใช้งานไปได้สักพัก การเชื่อมต่อแฟลชไดร์ฟเข้ากับไอโฟนของตัวเองจะเกิดข้อผิดพลาด อุปกรณ์อาจมองไม่เห็นข้อมูล อ่านข้อมูลใด ๆ บนไดร์ฟได้เลย หรือสามารถมองเห็นข้อมูลบนไดร์ฟได้ แต่ไม่สามารถเปิด เรียกดู คัดลอก โอนย้ายได้ เป็นต้น ดังนั้นในการเลือกซื้อเลือกหาแฟลชไดร์ฟสำหรับใช้งานกับไอโฟนจึงควรหลีกเลี่ยงแบรนด์โนเนมที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแบรนด์ที่พยายามพรีเซนต์ว่าเป็นแฟลชไดร์ฟสำหรับไอโฟนโดยเฉพาะ หรือไดร์ฟภายนอกอย่างเป็นทางการสำหรับไอโฟน ซึ่งนับเป็นกลยุทธ์การโฆษณาที่แบรนด์หน้าใหม่มักใช้กระตุ้นให้ผู้ใช้งานไอโฟนตัดสินใจซื้อสินค้าของตัวเองได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ควรรักษาแฟลชไดร์ฟดี ๆ อย่างการใส่ package ที่เป็นกล่องหรือถุงผ้าเพื่อป้องกันการตกหล่นที่ทำให้เกิดการชำรุดเสียหาย นอกจากนี้ไม่เสียบใช้งานแฟลชไดร์ฟกับหลายอุปกรณ์ แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วแฟลชไดร์ฟแต่ละรุ่น แต่ละแบรนด์จะสามารถเสียบเชื่อมต่อได้กับหลายอุปกรณ์ ตัวอย่างเช่น แฟลชไดร์ฟสำหรับไอโฟนที่มาพร้อมกับพอร์ต Lightning ก็อาจมีพอร์ตเชื่อมต่ออีกด้านเป็นแบบ USB-A สำหรับเสียบใช้งานกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แล็ปท็อป แต่สิ่งที่ควรระวังระวังในการใช้งานแฟลชไดร์ฟกับไอโฟนก็คือการหลีกเลี่ยงใช้งานแฟลชไดร์ฟกับหลายอุปกรณ์ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าระบบปฏิบัติการที่รันการทำงานคอมพิวเตอร์ กับสมาร์ทโฟนไอโฟนนั้นแตกต่างกัน การนำแก็ดเจ็ตไปเสียบใช้งานกับหลายอุปกรณ์อาจทำให้มีการเก็บไฟล์ที่รองรับเฉพาะอุปกรณ์ใดอุปกรณ์นึง ซึ่งเมื่อนำกลับไปเสียบเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับก็อาจนำมาซึ่งอาการ Error หรือการรันการทำงานที่ผิดพลาดของตัวเฟิร์มแวร์บนแก็ดเจ็ตจนทำให้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือไอโฟนของเราทำงานผิดพลาด และตามมาด้วยความเสี่ยงที่จะสูญเสียไฟล์ข้อมูลบางไฟล์ไปด้วยนั่นเอง

Leave Comment