ข้อควรรู้ ก่อนนำแฟลชไดร์ฟมาทำเป็นของพรีเมี่ยม

ข้อควรรู้ ก่อนนำแฟลชไดร์ฟมาทำเป็นของพรีเมี่ยม

ของหนึ่งชนิดยอดนิยม ที่แบรนด์ต่าง ๆ นำมาจัดทำเป็นของพรีเมี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ที่มีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ก็อาจจะเลือกเอาแฟลชไดร์ฟ มาทำเป็นของพรีเมี่ยม ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสามารถพบเห็นได้บ่อย ๆ จะว่าไปแล้วการนำแฟลชไดร์ฟ มาทำเป็นของพรีเมี่ยมนั้น ก็นับว่าตอบโจทย์และถือเป็นไอเดียที่น่าสนใจ ถึงแม้ว่าปัจจุบันอัตราการใช้งานอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟ จะน้อยลงไปมากหากเทียบกับสมัยก่อนก็ตาม แต่เรายังคงเห็นผู้ใช้งานอุปกรณ์นี้ และอุปกรณ์นี้ก็ยังคงเป็นอุปกรณ์สารพัดประโยชน์ ที่ค่อนข้างมีประโยชน์สำหรับคนทำงาน นักเรียนนักศึกษา รวมไปถึงคนทั่วไปด้วยเช่นเดียวกัน แต่ถึงแม้การใช้งานแฟลชไดร์ฟจะน้อยลงไปเรื่อย ๆ แต่แฟลชไดร์ฟก็ถูกผลิตรูปแบบใหม่ ๆ ขึ้นมาเรื่อย ๆ อย่างเช่น PEN USB เป็นแฟลชไดร์ฟที่อยู่ในปากกาและปากกาก็สามารถใช้งานได้จริง ๆ เหมาะสำหรับคนที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์และการเขียนเอกสารบ่อย ๆ RECYCLE USB เป็นแฟลชไดร์ฟรีไซเคิลที่ช่วยลดโลกร้อนได้ เป็นต้น

และสำหรับทางแบรนด์เอง ที่ต้องการนำเอาแฟลชไดร์ฟ มาทำเป็นของพรีเมี่ยมนั้น ไม่ว่าจะของพรีเมี่ยมในรูปแบบการแจกให้กับพนักงานแบบ GIFT SET ที่แจกในองค์กร หรือจะเป็นรูปแบบการมอบให้กับผู้ที่มีอุปการคุณหรือลูกค้า ก็มีครอบครัวรู้ หรือเรื่องที่น่าสนใจที่เราอาจจะมองข้ามไปอยู่ด้วย ดังนั้นวันนี้เราจะมาคุยกันในเรื่องของข้อควรรู้ ก่อนที่คุณจะนำเอาอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟ ไปแจกให้กับลูกค้าหรือพนักงาน หรือก็คือการนำไปทำของพรีเมี่ยมนั่นเอง

วัสดุในการทำ หรือฮาร์ดแวร์

ส่วนแรกที่มีความสำคัญมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ที่จะมีส่วนทำให้แฟลชไดร์ฟ ออกมามีคุณภาพดีหรือไม่ดีมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการทำ หรือที่เราเรียกกันว่าฮาร์ดแวร์นั่นเอง ชิ้นส่วนวัสดุที่นำมาประกอบนี้ ผู้ผลิตหรือโรงงานผลิต จะเป็นคนเลือกวัสดุเหล่านี้มาใช้งาน ซึ่งตัวแบรนด์เอง ไม่สามารถที่จะรู้ถึงรายละเอียดของวัสดุที่นำมาใช้ได้เลย วิธีเดียวที่จะสามารถตรวจสอบ ว่าฮาร์ดแวร์ที่นำมาใช้นั้นมีคุณภาพมากน้อยเพียงใด อย่างง่ายที่สุดก็คือการรับความเห็นจากลูกค้า หากลูกค้าหรือผู้ใช้งานพึงพอใจในคุณภาพของตัวแฟลชไดร์ฟ นั้นก็หมายความว่าฮาร์ดแวร์หรือวัสดุที่ทางบริษัทผลิตนำมาใช้ ถือเป็นวัสดุที่ค่อนข้างมีคุณภาพ และน่าจะเหมาะสมกับการใช้งานบริษัทผลิตนี้ในครั้งถัดไป ความคิดเห็นดังกล่าว ที่ทางแบรนด์จะต้องตรวจสอบอยู่ด้วยกันมากมายหลากหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความทนทานในการใช้งาน อายุการใช้งานที่สามารถนำมาใช้งานได้จริง และเรื่องอื่น ๆ ที่เป็นรายละเอียดยิบย่อยร่วมด้วย

เวอร์ชั่นสำหรับยูเอสบีที่นำมาใช้

เวอร์ชั่นสำหรับยูเอสบีที่นำมาใช้ อันนี้ก็ค่อนข้างมีความสำคัญเช่นเดียวกัน เวอร์ชั่นดังกล่าว มีผลกระทบโดยตรงกับความเร็วในการรับส่งข้อมูลของอุปกรณ์ของเรา หากเป็นเมื่อก่อน อุปกรณ์ชนิดนี้ก็อาจจะใช้ยูเอสบีเวอร์ชั่น 2.0 แต่ในปัจจุบันนั้น มีการพัฒนาเป็นรูปแบบของ 3.0 หรืออาจจะจนถึง 3.2 ก็มีให้เราเห็นอยู่มากมาย เวอร์ชั่นต่าง ๆ นั้น การที่เราจะผลิตอุปกรณ์ออกมา ยิ่งเป็นเวอร์ชั่นใหม่ที่มีเทคโนโลยีดีขึ้น อัตราการรับส่งข้อมูลเร็วมากขึ้น ต้นทุนการผลิตก็ยิ่งราคาสูงตามไปด้วย ดังนั้นไม่ได้หมายความว่า การที่ใช้ยูเอสบีเวอร์ชั่นใหม่สุด จะดีที่สุด ทั้งนี้เลือกแบบที่ตอบสนองการใช้งานของคุณ เพื่อลดต้นทุนได้ก็ดีเยี่ยมไม่น้อย

การออกแบบและดีไซน์

เรื่องของดีไซน์และการออกแบบนั้น ถึงเหมือนจะไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่อันที่จริงแล้วมันก็มีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว ที่มักจะสร้างปัญหาให้กับผู้ใช้งาน ก็มักจะจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ที่ไม่ค่อยมีความสำคัญกับการนำไปใช้งานนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่นหากเราต้องการที่จะพกพาไปไหนมาไหนได้ง่าย ก็ไม่ควรออกแบบให้มีความแหลมคม บางครั้งบางครั้งการออกแบบที่ผิดไปจากรูปแบบหรือรูปทรงมาตรฐาน อาจทำออกมายอดเยี่ยมและทำให้อุปกรณ์ของเราโดดเด่นขึ้นมา น่านำไปใช้งาน ในทางกลับกัน หากออกแบบมาได้ไม่ดีนัก แทนที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดี มันอาจจะได้ผลตรงกันข้ามก็ได้

Leave Comment