เช็คความจุแฟลชไดร์ฟปลอมหรือไม่? วิธีตรวจสอบ GB จริงแบบมืออาชีพ
ในยุคที่เทคโนโลยีเก็บข้อมูลเคลื่อนที่อย่าง แฟลชไดร์ฟ ได้กลายเป็นของใช้สามัญ ไม่ว่าจะในที่ทำงานหรือชีวิตประจำวัน การเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟที่มีความจุตรงตามที่ระบุไว้บนบรรจุภัณฑ์จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง อย่างไรก็ตาม ในตลาดออนไลน์ปัจจุบันยังมีสินค้าปลอมที่แสดงความจุเกินจริงให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักวิธีเช็คว่าความจุตรงจริงหรือไม่ พร้อมแนะนำเครื่องมือทดสอบเชิงลึกที่ใช้ได้ฟรี และเข้าใจได้ง่าย แม้ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านไอที
แฟลชไดร์ฟปลอม: ปัญหาที่หลายคนอาจมองข้าม
ปัจจุบันผู้บริโภคจำนวนมากตกเป็นเหยื่อของแฟลชไดร์ฟปลอมที่วางขายในราคาต่ำกว่าท้องตลาด โดยเฉพาะผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ไม่มีการตรวจสอบคุณภาพสินค้าอย่างเข้มงวด แฟลชไดร์ฟเหล่านี้มักจะแสดงค่าความจุสูง เช่น 128GB หรือ 256GB แต่ในความเป็นจริงภายในอาจมีชิปหน่วยความจำเพียงแค่ 8GB หรือ 16GB เท่านั้น
กลไกการหลอกลวงมักอาศัยการปรับแต่งเฟิร์มแวร์เพื่อให้ระบบปฏิบัติการอ่านค่าความจุเกินจริง เมื่อผู้ใช้บันทึกข้อมูลเกินความจุจริง ไฟล์บางส่วนจะสูญหายหรือเสียหายโดยไม่สามารถกู้คืนได้ ส่งผลให้ข้อมูลสำคัญสูญเสียอย่างถาวร
การระมัดระวังตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกซื้อ ไปจนถึงการตรวจสอบก่อนใช้งานจริงจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามโดยเฉพาะเมื่อเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟที่มีการออกแบบพิเศษ เช่น แฟลชไดร์ฟโลหะ หรือแฟลชไดร์ฟไม้ ที่อาจมีราคาสูงและต้องการความน่าเชื่อถือเป็นพิเศษ
วิธีตรวจสอบว่าแฟลชไดร์ฟตรงจริงหรือไม่
- เช็คด้วยเครื่องมือ Windows เบื้องต้น
– Format Properties ขั้นตอนนี้ง่ายที่สุด เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป:
– เสียบเข้าคอมพิวเตอร์แล้วคลิกขวาที่ไดรฟ์ เลือก “Properties”
ตรวจสอบความจุรวม (Capacity) ที่ระบบแสดงว่าเท่ากับที่ระบุไว้หรือไม่ เช่น หากซื้อ 32GB ควรเห็นความจุประมาณ 28.8–29.5GB (ขึ้นกับระบบฟอร์แมต) หากตัวเลขต่างกันอย่างชัดเจน เช่น ซื้อ 64GB แต่เห็นเพียง 8GB หรือ 16GB ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจเป็นของปลอม
– Disk Management
– ใช้คำสั่ง Windows + X แล้วเลือก Disk Management
– หน้าต่างนี้จะแสดงข้อมูลการแบ่งพาร์ติชันของแฟลชไดร์ฟ รวมถึงความจุจริงที่ระบบรับรู้
– หากพบว่ามีพาร์ติชันแปลกๆ หรือขนาดความจุไม่ตรงกับที่คาดไว้ ควรพิจารณาทดสอบเชิงลึกเพิ่มเติม
- ใช้โปรแกรมทดสอบเชิงลึก (ฟรี)
โปรแกรม H2testw (Windows)
หนึ่งในโปรแกรมยอดนิยมที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง เป็นเครื่องมือที่เขียนไฟล์ทดสอบลงในแฟลชไดร์ฟจนเต็ม แล้วอ่านกลับมาเพื่อตรวจสอบว่าข้อมูลที่เขียนไว้ถูกต้องหรือไม่:
– ดาวน์โหลดฟรีจากเว็บไซต์ heise.de หรือค้นหาคำว่า “H2testw download”
– โปรแกรมใช้งานง่าย ไม่ต้องติดตั้ง
– เมื่อรันโปรแกรม จะใช้เวลาหลายนาทีถึงชั่วโมง (ขึ้นกับขนาดไดร์ฟ)
– หากแสดงข้อความว่า “The media is likely to be defective” แปลว่าอาจเป็นของปลอม
โปรแกรม ChipGenius
แม้จะไม่ได้ตรวจสอบความจุโดยตรง แต่สามารถดูรายละเอียดชิปหน่วยความจำภายใน เช่น ผู้ผลิต รุ่น และความจุจริง:
– ใช้สำหรับตรวจเช็กข้อมูลเบื้องต้นเพื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลที่ระบุไว้บนตัวสินค้า
– หากพบว่าข้อมูลไม่ตรงกัน เช่น ชิปขนาด 8GB แต่ระบุว่า 64GB ก็เชัดเจนว่ามีการปลอมแปลง
ความเสี่ยงจากการใช้แฟลชไดร์ฟปลอม
ความเสี่ยงจากการใช้ของปลอมไม่ได้จำกัดแค่ข้อมูลสูญหาย ยังรวมถึงผลกระทบในระดับองค์กร เช่น:
ข้อมูลสำคัญเสียหาย: โดยเฉพาะหากใช้เก็บไฟล์ลูกค้า สัญญา หรือเอกสารสำคัญอื่น ๆ
ไม่สามารถกู้คืนได้: ความเสียหายจากของปลอมมักเป็นแบบถาวร ไม่สามารถใช้ซอฟต์แวร์กู้ข้อมูลได้
บทสรุป: ความรู้คือการป้องกันที่ดีที่สุด
การตรวจสอบว่าแฟลชไดร์ฟที่คุณถืออยู่นั้นตรงตามความจุจริงหรือไม่ ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด เพียงใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง และสังเกตพฤติกรรมของอุปกรณ์อย่างใกล้ชิด คุณก็สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการสูญเสียข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญก่อนเลือกซื้อควรดูที่แพคเกจแฟลชไดร์ฟว่าชำรุดเสียหายหรือไม่ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสมหรือเป็นของปลอม
หากคุณต้องการความมั่นใจมากขึ้นในการเลือกแฟลชไดร์ฟสำหรับใช้งานหรือแจกในองค์กร ลองเลือกแบรนด์ที่มีมาตรฐาน พร้อมบริการตรวจสอบคุณภาพทุกชิ้น เช่น usb-perfect.com