เทียบความเร็วพอร์ต USB แต่ละเวอร์ชั่น ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟ

เทียบความเร็วพอร์ต USB แต่ละเวอร์ชั่น ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟ

แฟลชไดร์ฟในยุคปัจจุบันนี้มีรูปแบบมากมายหลายรูปแบบเพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น Rubber Usb, Recycle Usb, Pen Usb เป็นต้น และอย่างที่ทราบกันดีว่าในการเลือกซื้อเลือกหาแฟลชไดร์ฟสักตัวไว้ใช้งานนั้นมีสเปคหลายส่วนที่ผู้ใช้งานอย่างเราๆ ต้องคำนึงถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสเปคที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพในการใช้งานโดยตรง ซึ่งนับว่ามีหลายจุดทีเดียวที่ผู้ใช้งานต้องพิจารณาให้ดี แม้ว่าแฟลชไดร์ฟนั้นดูจะเป็นเพียงแก็ดเจ็ตชิ้นเล็กๆ ที่ดูไม่น่าจะมีอะไรซับซ้อนก็ตาม โดยจุดสำคัญที่ผู้ใช้งานหลายคนมักนึกถึงเป็นลำดับแรกๆ เสมอก็แน่นอนว่าเป็นในส่วนของขนาดความจุข้อมูล ซึ่งเป็นตัวกำหนดว่าเราจะสามารถบันทึกข้อมูลลงในตัวแฟลชไดร์ฟตัวนั้นๆ ได้มากน้อยแค่ไหน และสเปคส่วนต่อมาที่ผู้ใช้งานมักจะนึกถึงเป็นลำดับต่อมาก็คือ Type ของพอร์ตเชื่อมต่อ ว่าเป็น USB Type ไหนนั่นเอง ซึ่ง Type ที่ผู้ใช้งานนิยมเลือกใช้ในปัจจุบันนี้ก็คือ Type C หรือ USB-C ที่เป็นเหมือนพอร์ตมาตรฐานของอุปกรณ์พกพาเจเนอเรชั่นใหม่ๆ อย่างไรก็ตามนอกจาก Type หรือลักษณะของหัวพอร์ต USB แล้ว สเปคอีกส่วนนึงที่สำคัญไม่แพ้กันและส่งผลต่อประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลของแฟลชไดร์ฟตัวนั้นๆ โดยตรง แต่ผู้ใช้งานหลายคนกลับมองข้ามไปก็คือ เวอร์ชั่นของพอร์ต USB ที่ผู้ผลิตเลือกใส่มานั่นเอง ในบทความนี้จึงจะมาเปรียบเทียบความเร็วของพอร์ต USB แต่ละเวอร์ชั่นให้ได้เห็นกันชัดๆ ว่า แตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน เพื่อให้ผู้ใช้งานได้นำไปใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟสักตัวให้ได้ประสิทธิภาพการใช้งานตรงตามความต้องการ

USB 1.0 เวอร์ชั่นดั้งเดิมของพอร์ต USB ที่แน่นอนว่าเป็นเวอร์ชั่นที่อยู่มานานที่สุดแล้ว และผู้ใช้งานหลายคนก็ล้วนเคยผ่านการใช้งานบนอุปกรณ์ต่างๆ กันมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อยก็คือ เวอร์ชั่น USB 1.0 โดย USB 1.0 นี้ถูกใช้งานกับแฟลชไดร์ฟเจเนอเรชั่นแรกๆ ที่ถูกผลิตออกมาวางจำหน่ายครั้งแรกๆเมื่อกว่าสิบปีก่อน ซึ่งปัจจุบันต้องบอกว่าแทบจะไม่มีอุปกรณ์และแก็ดเจ็ตที่เลือกใช้ USB เวอร์ชั่นนี้แล้ว โดยประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลของ USB 1.0 นี้อยู่ที่ 1.5 Mbps (Megabit per Second) หรือก็คือใน 1 วินาที สามารถส่งข้อมูลผ่านพอร์ตดังกล่าวนี้ได้เพียง 1.5 บิต นั่นเอง และด้วยประสิทธิภาพการรับส่งข้อมูลที่จำกัดมากๆ ดังกล่าวนี้เอง ทำให้พอร์ต USB ถูกพัฒนาต่อมาเป็นเวอร์ USB 1.1 โดยมีความเร็วก้าวกระโดดมาอยู่ที่ 12 Mbps

USB 2.0 การพัฒนาเวอร์ชั่นพอร์ต USB ที่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญก็คือการพัฒนาจากเวอร์ชั่น 1.1 มาเป็นเวอร์ชั่น 2.0 นั่นเอง โดยการมาของ USB 2.0 ถือว่ามีส่วนช่วยให้การใช้งานแก็ดเจ็ตแฟลชไดร์ฟแพร่หลายมากยิ่งขึ้นไปด้วย เพราะประสิทธิภาพการรับส่งข้อมูลที่ถูกอัพเกรดขึ้นมานั้น ถือว่าดีกว่าเดิมชนิดทิ้งกันไม่เห็นฝุ่นเลยทีเดียว โดยพอร์ต USB 2.0 ทำความเร็วในการรับส่งข้อมูลได้ถึง 480 Mbps และด้วยประสิทธิภาพดังกล่าวนี้เองที่ทำให้ พอร์ตเวอร์ชั่นนี้ถูกใช้งานบนอุปกรณ์ต่างๆ มายาวนานต่อเนื่องกันเป็นเวลาหลายปี และแม้ว่าปัจจุบันจะมีพอร์ตเวอร์ชั่นใหม่ๆ ออกมาที่สามารถทำความเร็วได้ดีกว่า แต่ USB 2.0 ก็ยังคงถูกผู้ผลิตอุปกรณ์ไอที และผู้ผลิตแก็ดเจ็ตแฟลชไดร์ฟรายต่างๆ เลือกใช้ในสินค้ารุ่นราคาประหยัดของตนเอง

USB 3 มากันถึงซีรีย์ของเวอร์ชั่น USB 3 กันบ้าง ซึ่งนับว่าเป็นการก้าวกระโดดอีกครั้งของประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูล โดยเวอร์ชั่น USB 3 พัฒนาเริ่มต้นมาจาก USB 3.0 ก่อนจะอัพเกรดต่อเรื่อยๆ เป็น 3.1, และ 3.2 ซึ่งมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ตามลำดับ เริ่มจาก USB 3.0 ที่รับส่งข้อมูลได้เร็ว 5 Gbps USB 3.1 ที่ 10 Gbps และ USB 3.2 ทำความเร็วได้ที่ 20 Gbps จะเห็นได้ว่า USB เวอร์ชั่น 3 เป็นต้นมามีประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลที่ขยับขึ้นมาจากระดับเมกะบิต เป็น กิกะบิต ดังนั้นแน่นอนว่าการเลือกใช้แฟลชไดร์ฟ USB 3 กับ USB 2 ย่อมมีความแตกต่างเรื่องประสิทธิภาพอยู่พอสมควร ทว่าข้อจำกัดที่ตามมาก็คือเรื่องของราคานั่นเอง โดยแฟลชไดร์ฟที่เลือกใช้พอร์ต USB ตั้งแต่เวอร์ชั่น 3 ขึ้นมา ย่อมมีราคาที่สูงกว่าเวอร์ชั่น 2 พอสมควรเช่นกัน และหากหากใครกำลังลังเลว่าจะทำ Gift Set ดีไหมเพื่อนำไปแจกในงานสำคัญต่าง ๆ บอกเลยว่าควรค่าแก่การนำไปทำ Gift Set มากๆ

Leave Comment