แฟลชไดร์ฟ-แฟลชไดร์ฟตกน้ำ ทำอย่างไร

แฟลชไดร์ฟตกน้ำ ทำอย่างไร

แฟลชไดร์ฟ ถือเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชิ้นหนึ่ง ที่มีลายแบบหลายรูปทรงให้เลือกใช้งาน เช่น แฟลชไดร์ฟปากกา แฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟโลหะ หรือ จะเป็นแฟลชไดร์ฟคลาสสิคจำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแลในระดับหนึ่ง เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ชิ้นเล็ก ดังนั้นหลายคนเมื่อหยิบแฟลชไดร์ฟมาใช้งาน อาจจะประสบปัญหาในด้านการใช้งานบางอย่างขึ้น บางคนอาจจะทำหายอยู่บ่อยๆ หรือบางคนอาจเกิดการชำรุดเสียหายบางประการ และการชำรุดเสียหาย มีอยู่อย่างหนึ่งที่หลายคนมักจะเป็นกัน คือการเผลอทำแฟลชไดร์ฟตกน้ำ สิ่งนี้อาจจะเกิดขึ้นได้กับใครหลายคน และอาจจะคิดไป อาจทำให้อุปกรณ์นี้เสียหายแล้ว ไม่สามารถที่จะกู้คืนไฟล์เอกสารข้างในได้ แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น ยังมีข้อปฏิบัติบางประการ ที่เรายังคงทำได้อยู่ ดังนั้นในวันนี้ เราจะมานำเสนอวิธีการ ว่าเราจะทำอย่างไรดี เมื่อเราทำแฟลชไดร์ฟ ตกน้ำ

 

หากเราพบเห็น ควรนำขึ้นมาจากน้ำให้รวดเร็วที่สุด

 

แน่นอนว่าวิธีการปฏิบัติอย่างแรก ที่เราพึงกระทำหลังจากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เมื่อเราพบเห็นได้ภายในทันที เราควรจะนำขึ้นมาจากน้ำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ยิ่งเรานำขึ้นมาจากน้ำได้เร็วเท่าไหร่ ความเสียหายที่เกิดขึ้น อาจจะไม่ได้หนักหนาเท่าไหร่นัก หากเราโชคดี น้ำอาจจะไม่ซึมเข้าไปในแฟลชไดร์ฟ และเรายังสามารถหยิบมาใช้งานได้ปกติ แต่หากเราโชคร้ายหน่อย เราก็ต้องไปดูกันต่อ ว่าเราควรจะทำอย่างไรต่อไป เพื่อให้สามารถหยิบอุปกรณ์นี้มาใช้งานได้เหมือนเดิม

 

ตรวจสอบสภาพหลังจากนำขึ้นมาจากน้ำแล้ว

 

หลังจากที่เรานำขึ้นมาจากน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ เราจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบ ว่าแฟลชไดร์ฟของเรานั้น มีน้ำซึมลงไปข้างใน หรือเกิดการชำรุดเสียหายภายนอกหรือไม่ การตรวจสอบสภาพ ไม่ได้หมายความว่าให้นำไปเสียบใช้งานในทันที เพียงแต่เราควรจะเช็คบริเวณรอบๆ ดูว่าน้ำเข้าไปถึงส่วนไหน แล้วเราจะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างไรบ้าง วิธีการตรวจสอบคือ ให้เราทำการแกะแฟลชไดร์ฟ และตรวจสอบสภาพทั้งภายในและภายนอก

 

ทำให้แฟลชไดร์ฟแห้ง

 

เมื่อเราทำการแกะแฟลชไดร์ฟ ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่เราควรทำก็คือ ทำให้อุปกรณ์ของเราแห้งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อย่างแรกคือ ให้นำผ้ามาซับให้แห้ง ทำการเช็ดทั้งภายนอกและภายใน เมื่อเราทำการเช็ดให้แห้งแล้ว เราควรตรวจสอบว่า มีน้ำซึมออกมาจากอุปกรณ์ของเราหรือไม่ การทำให้แห้งนั้น เราควรที่จะหลีกเลี่ยงการนำไปตากแดด เนื่องจากอาจโดนความร้อนที่สูงจนเกินไป อาจจะทำให้อุปกรณ์ของเราเกิดความเสียหายได้ เราอาจจะเอาไดร์เป่าผม แล้วเปิดเบอร์อ่อน ทำการเป่าเบาๆ ลงบนอุปกรณ์ของเรา โดยที่เราอาจจะไม่ได้ใช้ลมร้อนเลยก็ได้ เพราะก็มีคุณสมบัติคล้ายกับการนำไปตากแดด อาจทำให้อุปกรณ์ของเราเกิดความเสียหายบางประการได้

 

หากแกะออกไม่ได้ เช็ดภายนอกให้แห้ง

 

หากว่าอุปกรณ์ของเรา ไม่สามารถที่จะแกะออกมาเช็ด หรือทำให้แห้งได้จากภายใน อาจทำให้เราไม่สามารถที่จะไล่ความชื้นออกมาได้ อย่างน้อยที่สุดเราก็ควรที่จะเช็ดภายนอกให้แห้งสนิท และห้ามทำการเขย่า เพื่อให้นำออกมาโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้แผงวงจรภายในนั้นเกิดความเสียหายได้ หลังจากที่เราทำให้แห้งแล้ว อาจจะนำไปทำให้แห้งเพิ่มเติม โดยการนำไปแช่ในถังข้าวสาร หรืออาจนำไปใส่ไว้ในโถ ที่เราได้ทำการใส่ตัวช่วยดูดความชื้นออก แบบนี้ก็ช่วยได้เหมือนกัน

 

ห้ามนำมาใช้งานในทันที

 

นี่เป็นข้อที่มีความสำคัญมากที่สุด หากเราทำอุปกรณ์ของเราเกิดความชื้น ในที่นี้คือ หากเราทำมันตกน้ำแล้ว แน่นอนว่าเราไม่ควรที่จะหยุดมันมาใช้งานในทันที นอกจากอาจจะทำให้อุปกรณ์ของเราเกิดความเสียหายได้แล้ว ยังลามไปถึงเครื่องที่เราเอาไปเสียบ อาจจะทำให้คอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊คของเราเกิดความเสียหายได้ด้วยเช่นเดียวกัน

Leave Comment