USB flash drive ยังนิยมใช้กันงานกันอยู่ไหม?
อุปกรณ์ยอดฮิตที่เชื่อว่าหลายคนในปัจจุบันยังคงใช้กันอยู่ ถึงแม้จะมีระบบคลาวน์มาแทนในการฝากไฟล์แล้วก็ตาม แต่ความคลาสสิคของการใช้แฟลชไดร์ฟก็ยังคงอยู่แล้วยังมีการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
หากย้อนไปเมื่อประมาณ 12 ปี ก่อน แฟลชไดร์ฟนั้นได้เริ่มมีวางขายในท้องตลาด โดยในช่วงแรกนั้นแฟลชไดร์ฟมีความจุไม่ถึง 100 Mb และยังมีราคาที่ค่อยข้างสูงเอาเรื่องเลยทีเดียว ต่างกับในปัจจุบันนี้ที่ความจุของแฟลชไดร์ฟนั้นเพิ่มมากขึ้นไปถึง 100 GB เลยทีเดียว แถมความจุยอดฮิตที่นิยมนำมาวางขายส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 4 – 32 GB และมีราคาที่ค่อยข้างถูกมากเลยทีเดียว
ที่ทุกวันนี้หลายคนยังคงใช้งานแฟลชไดร์ฟอยู่นั่นเพราะว่า แฟลชไดร์ฟนั้นสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว พกพาง่าย สามารถ copy ไฟล์ต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย และสามารถลบออกได้อย่างสะดวกอีกด้วย และมีความทนทานมากยิ่งขึ้น ต่อให้หล่นพื้นกี่ครั้งก็ไม่พังง่าย ๆ อย่างแน่นอน แต่บนข้อดีก็ยังมีข้อเสียอย่างเรื่องของไวรัส เพราะหากนำแฟลชไดร์ฟไปใช้งานบนคอมพิวเตอร์ที่มีไวรัส ก็อาจจะนำพาไวรัสเข้าสู่แฟลชไดร์ฟและกระจายต่อไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ได้อย่างรวมเร็วหากมีการใช้งานหลายเครื่อง ไวรัสเปรียบเสมือนโรคติดต่อทางไอที ทางที่ดีควรมีการแสกนไวรัสเป็นประจำ สม่ำเสมอนั่นเอง เพื่อเป็นการป้องกันการติดไวรัสขั้นต้น เพราะไวรัสบางตัวอาจไม่สามารถสแกนไวรัสผ่านโปรแกรมแอนตี้ไวรัสตัวเดียวได้
ในปัจจุบันแฟลชไดร์ฟไม่ได้ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ได้แค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์อื่น ๆ อีกอย่าง เครื่องเสียงในรถยนต์ เครื่องเล่น DVD โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น เพราะฉะนั้นแล้วเวลาจะเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟซักหนึ่งชิ้นควรคำนึงถึงการใช้งานของเราด้วยว่าจะนำแฟลชไดร์ฟมาใช้งานในด้านใด เพราะแฟลชไดร์ฟแต่ละชนิดมีการส่งข้อมูลที่แตกต่างกันออกไปรวมทั้งเรื่องราคาอีกด้วยเช่นกัน นอกจากนี้การเลือกแฟลชไดร์ฟยังควรคำนึงในเรื่องของ
1.ความจุ
แฟลชไดร์ฟนั้นมีความจุให้เลือกตั้งแต่ 1 GB ไปจนถึง 32 GB ยิ่งความจุมาก ราคาก็ยิ่งสูงตามไปด้วย หากจะใช้แฟลชไดร์ฟสำหรับเก้บงานทั่วไปส่วนใหญ่นิยมใช้ 8 GB เท่านั้น เพราะมีราคาถูกและสามารถเก็บไฟล์ได้แบบเหลือ ๆ
2.พอร์ตเชื่อมต่อ
ตามปกติแล้วแฟลชไดร์ฟสมัยนี้จะมีพอร์ตเชื่อมต่อเป็นแบบ USB 2.0 ที่มีราคาถูกกว่า USB 3.0 ที่สามารถถ่ายโอนไฟล์ข้อมูลได้เร็วกว่า USB 2.0
3.การรับประกัน
การรรับประกันเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากเลยทีเดียว ในผู้จัดจำหน่ายหลายเจ้าส่วนใหญ่จะมีการรรับประกินสินค้า 1 ปี 2 ปี 5 ปี แต่มีผู้ผลิตของพรีเมี่ยมบางเจ้าที่การันตีการรับประกันสูงถึง 10 ปี เรียกได้ว่ารับประกันตลอดอายุการใช้งานกันเลยทีเดียว
4.รูปแบบของแฟลชไดร์ฟ
สามารถเลือกได้ตามใจเลยไม่ว่าจะเป็น แฟลชไดร์ฟ ไม้ แฟลชไดร์ฟ การ์ด แฟลชไดร์ฟ โลหะ แฟลชไดร์ฟ รีไซเคิล แฟลชไดร์ฟ คลาสสิค แฟลชไดร์ฟ ยาง แฟลชไดร์ฟ ทวิสเตอร์ แฟลชไดร์ฟ หนัง แฟลชไดร์ฟ ปากกา แฟลชไดร์ฟ คริสตัล เป็นต้น
5.ของก๊อปปี้หรือของปลอม
ในปัจจุบันนั้นมีพ่อค้าหัวใสนำแฟลชไดร์ฟของปลอมออกมาขายให้กับคนที่ชอบหาซื้อสินค้าราคาถูก หากเราทำการซื้อมาใช้งานในช่วงแรกอาจจะใช้งานได้ตามปกติแต่พอทำการใช้งานไปสักระยะหนึ่งจะพบกับปัญหาจนต้องทิ้งแฟลชไดร์ฟที่ซื้อมาลงถังขยะไปในทันที เพราะไม่มีการรรับประกันที่ถูกต้องจากผู้จัดจำหน่ายเลย และไม่สามารถส่งเคลมกับทางร้านได้อีกด้วย จึงทำให้อาจจะเสียเงินไปกับการซื้อแฟลชไดร์ฟไปฟรี ๆ ได้นั่นเอง