OTG คืออะไร? จำเป็นต่อการใช้งานแฟลชไดร์ฟ Type-C อย่างไร
เป็นที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันแก็ดเจ็ตจัดเก็บข้อมูลพกพาอย่างแฟลชไดร์ฟ ทุกรูปแบบและวัสดุ เช่น แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟยาง หรือแฟลชไดร์ฟไม้ ได้พัฒนามาถึงจุดที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์พกพาอย่างโทรศัพท์ หรือแท็บเล็ตได้โดยตรงแล้ว ทำให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกในการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์มากขึ้น จากเดิมที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การถ่ายโอนข้อมูลแบบออฟไลน์ต้องอาศัยตัวกลางเป็นอุปกรณ์ขนาดใหญ่อย่างคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ หรือแล็ปท็อป กล่าวคือหากต้องการถ่ายโอนข้อมูลจากโทรศัพท์เครื่องนึงไปยังโทรศัพท์อีกเครื่องนึง ก็จะต้องทำการคัดลอก หรือย้ายข้อมูลจากโทรศัพท์เครื่องแรกลงบนคอมพิวเตอร์ซะก่อน จากนั้นจึงค่อยนำโทรศัพท์เครื่องที่สองมาทำการเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อคัดลอกข้อมูลนั้นๆ ลงไปอีกที ขณะที่การถ่ายโอนโดยสัญญาณไร้สาย เช่น Bluetooth ก็ยังคงมีข้อจำกัดเรื่องของระยะเวลาในการรับส่งที่อาจไม่เหมาะสำหรับการถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ หรือถ่ายโอนครั้งละมากๆ ทั้งนี้แก็ดเจ็ตแฟลชไดร์ฟที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตได้โดยตรงจะมาพร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อ USB-C ซึ่งเป็นพอร์ตมาตรฐานของอุปกรณ์เจเนอเรชั่นใหม่ๆ แทนพอร์ต USB-A หรือในบางรุ่น บางแบรนด์ก็อาจมาพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อสองหัว คือด้านนึงเป็นพอร์ตมาตรฐานดั้งเดิม usb-a และอีกด้านนึงเป็น usb-c อย่างไรก็ตามแม้ว่าพอร์ตมาตรฐานใหม่อย่าง USB-C นั้นดูจะช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกในการใช้งานแฟลชไดร์ฟเพื่อโอนถ่ายข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ขนาดเล็กมากขึ้น แต่ก็ยังคงมีผู้ใช้งานจำนวนมากที่ยังลังเลในการตัดสินใจเลือกซื้อเลือกหาแฟลชไดร์ฟ Type-C มาใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลองค้นหาข้อมูล หรือสอบถามผู้ขายแล้วมักจะได้เจอคำแนะนำว่าให้ตรวจสอบก่อนว่าโทรศัพท์ หรืออุปกรณ์ของเรานั้นรองรับ OTG หรือไม่ ในบทความนี้จึงจะมาอธิบายให้ได้ทราบกันว่า OTG คืออะไร และมีความจำเป็น หรือสำคัญต่อการใช้งานแฟลชไดร์ฟ Typ-C อย่างไร
OTG ย่อมาจาก USB On to Go หมายถึงระบบรองรับการเชื่อมต่อกับไดร์ฟ หรืออุปกรณ์ภายนอกผ่านพอร์ต USB ทั้งนี้โดยทั่วไปแล้วพอร์ต USB บนอุปกรณ์มาตรฐานอย่างคอมพิวเตอร์ หรือแล็ปท็อปนั้นจะรองรับ OTG อยู่แล้ว เพราะผู้ใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวจำเป็นต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับไดร์ฟภายนอก หรือแก็ดเจ็ตเสริมต่างๆ เช่น เม้าส์ คีย์บอร์ด ลำโพง เป็นปกติอยู่แล้ว แต่สำหรับอุปกรณ์ขนาดเล็กอย่างสมาร์ทโฟนในยุคเริ่มต้นนั้น แบรนด์ผู้ผลิตมักจะไม่ใส่ฟังก์ชั่น OTG นี้เข้ามา เพราะผู้ใช้งานส่วนใหญ่ไม่มีความต้องการเชื่อมต่อโทรศัพท์กับไดร์ฟ หรืออุปกรณ์เสริมภายนอกใดๆ ทว่าปัจจุบันสเกลการใช้งานสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตขยายใหญ่ขึ้นกว่าช่วงหลายปีก่อนมาก ผู้ใช้งานมีความต้องการเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับไดร์ฟภายนอก และอุปกรณ์เสริมต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้แบรนด์ผู้ผลิตเจ้าต่างๆ ใส่ฟังก์ชั่น OTG เข้ามาในอุปกรณ์เจนฯ ใหม่ของตัวเองในหลายๆ รุ่น กล่าวสรุปง่ายๆ ได้ว่า โดยประโยชน์พื้นฐานแล้ว พอร์ต USB ที่ติดมากับสมาร์ทโฟนจะใช้สำหรับการชาร์จไฟ หรือแบตเตอรี่เท่านั้น แต่ฟังก์ชั่น OTG ที่เพิ่มเข้าจะช่วยให้พอร์ตดังกล่าวสามารถเชื่อมต่อกับไดร์ฟ หรืออุปกรณ์ภายนอก เช่น แฟลชไดร์ฟได้ด้วยนั่นเอง
จะตรวจเช็คอย่างไรว่าสมาร์ทโฟนของเรารองรับ OTG หรือไม่? โดยทั่วไปแล้วหากเป็นอุปกรณ์เจนฯใหม่ๆ ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2021 ในรุ่นระดับกลางขึ้นไปของแบรนด์เจ้าดังต่างๆ มักจะใส่ฟังก์ชั่น OTG เข้ามาด้วยอยู่แล้ว ซึ่งเท่ากับว่าโดยส่วนใหญ่แล้วอุปกรณ์รุ่นใหม่รองรับการใช้งานเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟ Type-C ได้นั่นเอง อย่างไรก็ตามวิธีตรวจเช็คที่ง่ายที่สุดก็คือการสอบถามทางกับทางผู้ขาย หรือซัพพอร์ทของแบรนด์สมาร์ทโฟน แท็บเล็ตเจ้านั้นๆ โดยตรงว่าอุปกรณ์รุ่นนั้นๆรองรับ OTG หรือไม่ แต่ทั้งนั้นทั้งนี้นอกเหนือจากฟังก์ชั่น OTG แล้ว การเริ่มต้นใช้งานแฟลชไดร์ฟ Type-C ร่วมกับสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตก็ยังมีข้อควรรู้ที่สำคัญอีกอย่างนึง ซึ่งก็คือการฟอร์แมตแฟลชไดร์ฟก่อนการใช้งานนั่นเอง โดยเราจะต้องทำการฟอร์แมตให้เป็นนามสกุลที่ระบบ Android หรือ IOS รองรับ ซึ่งก็คือ exFAT หรือ NTFS จึงจะสามารถเขียน อ่านข้อมูลในไดร์ฟนั้นๆ บนสมาร์ทโฟนได้