มาตรฐานแฟลชไดร์ฟ ปี 2023
การพัฒนาแก็ดเจ็ตจัดเก็บข้อมูลแบบพกพาอย่างแฟลชไดร์ฟ ที่มีให้เลือกหลายแบบ เช่น แฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟโลหะ หรือ แฟลชไดร์ฟยาง มีรูปทรงให้เลือกหลายหลาย ไม่ว่าจะเป็น แฟลชไดร์ฟปากกา แฟลชไดร์ฟการ์ด หรือจะเป็นแฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ที่คุ้นเคยกันดี จากแบรนด์ผู้ผลิตเจ้าต่างๆ ถือได้มีว่ารูปแบบการพัฒนาที่คล้ายกับแก็ดเจ็ต หรืออุปกรณ์ไอทีชนิดอื่นๆ ซึ่งจะมีการอัพเกรดสเปคเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ดังนั้นในฐานะของลูกค้า หรือผู้ใช้งาน การจะเลือกซื้อเลือกหาอุปกรณ์ แก็ดเจ็ตใดๆ มาใช้งาน ก็จำเป็นค้นหาข้อมูลก่อนการตัดสินใจซื้อ เพื่อให้ได้แก็ดเจ็ด หรืออุปกรณ์ที่คุณภาพเหมาะสมกับลักษณะการใช้งานในปัจจุบัน เพราะแม้ว่าเทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์ชิ้นนั้นๆ จะถูกพัฒนาขึ้นแล้ว แต่สินค้าที่มีวางจำหน่ายจริงในตลาดนั้นก็ล้วนปะปนไปด้วยสินค้ารุ่นเก่า หรือเจเนอเรชั่นเดิม และสินค้ารุ่นใหม่ๆ ที่เพิ่งถูกผลิตด้วยมาตรฐานการผลิตใหม่ และด้วยเหตุนี้เองในบทความนี้จึงได้นำเอามาตรฐานใหม่ในปี 2023 ของแก็ดเจ็ตอย่างแฟลชไดร์ฟ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแก็ดเจ็ตสามัญประจำตัวสำหรับคนทำงาน มาบอกกล่าวให้หนุ่มสาวออฟฟิศได้ใช้เป็นไกด์ในการเลือกซื้อเลือกหา เพื่อให้ได้แฟลชไดร์ฟชิ้นที่ตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบันมากที่สุด
มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลตั้งแต่ 128GB ขึ้นไป ด้วยขนาดโดยเฉลี่ยของไฟล์ข้อมูลดิจิทัลต่างๆ ที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มีความละเอียดขึ้น และมีลักษณะข้อมูลที่หลากหลายขึ้น ประกอบกับไลฟ์สไตล์การทำงานและใช้ชีวิตของผู้ใช้งานในปัจจุบันที่สัมพันธ์กับการใช้งานไฟล์ และสื่อดิจิทัลมากกว่าแต่ก่อน ทำให้แฟลชไดร์ฟ หรืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลพกพาใดๆ ที่มีความจุต่ำกว่า 128GB ดูจะไม่เพียงพอสำหรับรองรับการใช้งานในปัจจุบันแล้ว ดังนั้นสเปคแรกที่ควรคำนึงถึงในการเลือกหาแฟลชไดร์ฟคู่ใจอันใหม่ก็คือ ระดับความจุข้อมูลที่ไม่ควรน้อยกว่า 128GB นั่นเอง
พอร์ต USB-A เวอร์ชั่น 3.1 ขึ้นไป พอร์ตเชื่อมต่อ USB นั้นก็เช่นเดียวกับส่วนประกอบของไอทีส่วนอื่นๆ ซึ่งมีการอัพเกรดเวอร์ชั่นมาเรื่อยๆ เพื่อให้มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้งานได้มากขึ้น ทั้งนี้หากพูดถึงการใช้งานแฟลชไดร์ฟ รวมถึงอุปกรณ์อย่าง PC หรือแล็ปท็อปในช่วงยุคเริ่มแรกเราอาจจะคุ้นเคยกับพอร์ต USB 2.0 หรือก็คือ USB Type A เวอร์ชั่น 2.0 ซึ่ง ณ ตอนนั้นถือว่ามีประสิทธิภาพการใช้งาน ความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่น่าพึงพอใจในระดับนึงเลยทีเดียว แต่สำหรับยุคสมัยปัจจุบันที่ความละเอียดของข้อมูลไฟล์ดิจิทัลสูงขึ้น ขนาดใหญ่ขึ้น USB 2.0 ก็ดูจะมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอที่จะตอบสนองผู้ใช้งานให้ได้รับประสบการณ์ใช้งานที่ดีแล้ว พอร์ต USB-A จึงถูกพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ จนล่าสุดมาถึงเวอร์ชั่น 3.2 แล้ว ซึ่งหากต้องการให้การรับส่ง โอนถ่ายข้อมูล ไฟล์ดิจิทัลต่างๆเป็นไปอย่างลื่นไหล รวดเร็ว เราก็ควรเลือกแฟลชไดร์ฟที่มาพร้อมกับพอร์ต USB-A 3.1 เป็นอย่างน้อย
มีพอร์ตเชื่อมต่อแบบ Dual อีกหนึ่งสเปคที่ควรจะเป็นมาตรฐานใหม่ของแก็ดเจ็ตแฟลชไดร์ฟในปี 2023 ก็คือการให้พอร์ตเชื่อมต่อมาแบบ Dual หรือก็คือมีสองหัวนั่นเอง โดยหัวนึงเป็นพอร์ตหลักอย่าง USB-A ส่วนอีกหัวนึงอาจเป็น USB-C หรือ Lightning ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานปรับใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างสะดวกมากขึ้น ลดความยุ่งยากในการอัพโหลดไฟล์งานขึ้นคลาวด์ในกรณีที่ต้องการโอนถ่ายไฟล์ข้อมูลข้ามอุปกรณ์ ไปยังอุปกรณ์พกพาอย่างแท็บเล็ต สมาร์ทโฟน รวมถึงช่วยลดการพึ่งพาเครือข่ายอินเตอร์เน็ต กล่าวคือการใช้งานแฟลชไดร์ฟแบบ Dual Port นั้นจะช่วยให้เราทำงานพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณ WIFI หรือไม่ได้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้อย่างลื่นไหลขึ้นนั่นเอง แต่ทั้งนั้นทั้งนี้การจะเลือกใช้งานแฟลชไดร์ฟที่มีสเปคแบบ Dual Port ก็อาจต้องคำถึงลักษณะการใช้งานจริงของเราร่วมด้วย ซึ่งหากโดยปกติเราใช้งานแค่เฉพาะการโอนถ่ายข้อมูลกับ PC หรือ Laptop ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเลือกแฟลชไดร์ฟแบบ Dual Port สักเท่าไหร่ เพราะแน่นอนว่าการได้มาซึ่งสเปคดังกล่าวย่อมต้องแลกด้วยราคาที่สูงขึ้นตามไปด้วย