แฟลชไดร์ฟ อุปกรณ์สำหรับเก็บข้อมูลของคนยุคใหม่

แฟลชไดร์ฟ อุปกรณ์เก็บข้อมูลที่ถูกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากผู้ใช้งานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ ต่างล้วนมีความจำเป็นในการพึ่งพาอุปกรณ์เก็บข้อมูลเพื่อใช้ทำงานในต่างสถานที่ และเพื่อเป็นการแบ่งปันข้อมูลสู่อุปกรณ์อื่น ๆ ที่ทำได้ง่ายยิ่งขึ้น

 

แต่เพราะว่าเป็นสิ่งได้รับความนิยม มันจึงทำให้มีผู้ผลิตมากมายต่างพากันออกแบบแข่งขึ้นมา ดังนั้นผู้ใช้อย่างเรา ๆ จึงจำเป็นต้องพิจารณาสินค้าก่อนซื้อให้ดี เพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับการใช้งานของตนเองมากที่สุด

 

 

ข้อพิจารณาในการเลือก แฟลชไดร์ฟ

 

1.ความจุ

 

ถือเป็นส่วนที่ผู้ซื้อต่างให้ความสำคัญกันเป็นข้อแรกเนื่องจากมันมีผลต่อการใช้งานโดยตรง ซึ่งความจุของแฟลชไดร์ฟนั้นจะมีบอกติดกับสินค้าไว้เลย โดยถ้าจะเลือกใช้งานอุปกรณ์ในปัจจุบันควรจะเลือกใช้ตั้งแต่ขนาด 4GB หรือ 8GB ขึ้นไป เนื่องจากไฟล์ยุคใหม่ต่างมีขนาดที่ใหญ่กันมากขึ้นแล้ว โดยสูงสุดที่เห็นมีขายกันตามร้านก็คือ  64GB กับ 128GB ไว้ใช้สำหรับใส่โปรแกรมหรือเกมที่ใช้พื้นที่มาก

 

2.คุณสมบัติพิเศษ

 

นอกจากความสามารถในการเก็บข้อมูลแล้ว ใน แฟลชไดร์ฟ บางรุ่นก็ยังมีการใส่ความสามารถอื่นเพิ่มเติมลงไปแบบ 2 in 1 ด้วย ตัวอย่างเช่น แฟลชไดร์ฟที่มีการใส่อุปกรณ์บันทึกเสียงในตัว, แฟลชไดร์ฟที่มีการใส่อุปกรณ์เครื่องเล่น MP3 หรือ ช่องสำหรับเสียบหูฟังเพื่อเล่นเพลง, แฟลชไดร์ฟที่มีการใส่คุณสมบัติบูทเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านการเปิดโปรแกรมแบบอัตโนมัติ และ แฟลชไดร์ฟที่ใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนได้โดยตรง เป็นต้น

 

3.พอร์ตเชื่อมต่อของแฟลชไดร์ฟ

 

พอร์ตเชื่อมต่อนั้นมีผลโดยตรงกับความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลร่วมถึงการเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์บางประเภท ซึ่งพอร์ตที่ใช้กันในปัจจุบันสำหรับแฟลชไดร์ฟก็มีตั้งแต่ USB 2.0, USB 3.0, USB 3.1 ไปจนถึง USB Type C โดยถ้าหากการเสียบพอร์ตที่ไม่เข้ากันมันก็จะไม่ส่งผลต่อความเร็วให้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นผู้สนใจจึงควรสังเกตก่อนว่าอุปกรณ์ที่ใช้นั้นเป็นพอร์ตแบบใด เพื่อให้ได้มาซึ่งแฟลชไดร์ฟที่โอนข้อมูลได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

 

 

4.ราคาและประกันสินค้า

 

แน่นอนไม่เพียงแค่คุณภาพของสินค้าเท่านั้นแต่ ราคา ก็ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ผู้ซื้อให้ความสำคัญ ซึ่งราคานั้นก็จะขึ้นอยู่กับขนาดความจุหรือความสามารถพิเศษอื่น ๆ ดังข้อ 2 เป็นส่วนประกอบหลัก แต่ทั้งนี้ปัญหาที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ต่างเจอคือ ซื้อ แฟลชไดร์ฟ ไปแล้วใช้งานไม่คุ้มค่า เช่น ซื้อไปตั้ง 64GB แต่ใช้จริงแค่ประมาณ 10-15 GB เท่านั้น ดังนั้นการเลือกซื้อควรจะกะให้พอประมาณโดยเหลือเผื่อพื้นที่ว่างที่ไม่ต้องมากจนเกินไป

 

ส่วนในเรื่องของประกันสินค้านั้นถือเป็นเรื่องที่ผู้ใช้ยุคใหม่ต้องคำนึง เนื่องจากอุปกรณ์ไอทีบางชิ้นอาจมีความไม่แน่นอนทางคุณภาพสินค้า ซื้อไปใช้เพียงไม่กี่วันสินค้าอาจเกิดพังเสียหาย ดังนั้นเพื่อป้องกันการซื้อของใช้ใหม่อย่างสิ้นเปลือง ผู้ใช้ควรจะถามหาประกันกับผู้ขายทุกครั้งเมื่อตัดสินใจซื้อ

 

เพียงแค่ทำความเข้าใจกับหลัก 3 ข้อนี้ก็ทำให้คุณผู้อ่านสามารถเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับตนเองได้มากขึ้นแล้วและมีแฟลชไดร์ฟต่างๆมากมายให้เลือกช่น แฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟคลาสสิค และแฟลชไดร์ฟอื่นๆอีกมากมายให้เลือก

Leave Comment