เป็นพนักงานออฟฟิศมืออาชีพ ไปกับ แฟลชไดร์ฟ คู่ใจ

เมื่อได้บรรจุเป็นพนักงานออฟฟิศกับบริษัทหรือสำนักงานใดสักแห่ง สำหรับเด็กจบใหม่การเตรียมพร้อมถือเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อแสดงออกถึงความรอบคอบให้ผู้ใหญ่ในที่ทำงานเกิดความไว้วางใจ โดยถ้าหากนึกถึงการเตรียมพร้อมแล้ว นอกจากความรู้และภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ...

เมื่อได้บรรจุเป็นพนักงานออฟฟิศกับบริษัทหรือสำนักงานใดสักแห่ง สำหรับเด็กจบใหม่การเตรียมพร้อมถือเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อแสดงออกถึงความรอบคอบให้ผู้ใหญ่ในที่ทำงานเกิดความไว้วางใจ โดยถ้าหากนึกถึงการเตรียมพร้อมแล้ว นอกจากความรู้และภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ อุปกรณ์การทำงานก็ต้องมีให้ครบด้วยเช่นกัน

บทบาทของ แฟลชไดร์ฟ ในสถานที่ทำงาน

แฟลชไดร์ฟ ( Flashdrive ) เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลโดยไม่อาศัยพลังงานไฟฟ้า แต่จะอาศัยเซลล์ของหน่วยความจำ ซึ่งในแต่ละเซลล์จะมีการกักเก็บอิเล็กตรอนเอาไว้เพื่อใช้แทนค่า 1 กับ 0 เป็นอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ทุกรูปแบบที่มีช่องพอร์ต USB ติดตั้งไว้

สำหรับผู้ที่ได้ประจำตำแหน่งหน้าโต๊ะคอม ไม่ว่าจะในฐานะนักบัญชี ฝ่ายบุคคล หรืองานสายใดก็ตาม ที่ต้องพึ่งพาการทำงานจากคอมพิวเตอร์ จะไม่สามารถละเลยการนำ แฟลชไดร์ฟ มาใช้ประกอบการทำงานได้เลย เพราะจำเป็นจะต้องมีการเก็บและขนย้ายข้อมูลอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะทำทั้งในที่ทำงานหรือนำไปทำยังนอกสถานที่โดยเฉพาะการเอามาทำต่อที่บ้านเพื่อให้งานเกิดความต่อเนื่องจนแล้วเสร็จทันตามกำหนดเวลา นอกจากนี้ก็อาจจะมีการขอใช้ไฟล์จากหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงาน ก็ถือเป็นสถานการณ์ที่พบเจอได้บ่อยเช่นเดียวกัน

วิธีการเลือก แฟลชไดร์ฟ อย่างเหมาะสม

1.เลือกขนาดให้เข้ากับลักษณะงาน
แฟลชไดร์ฟที่วางจำหน่ายกันอยู่ในปัจจุบันจะมีความจุต่ำสุดที่ 2-4 GB และมีขนาดความจุสูงสุดตั้งแต่ 128 Gb ขึ้นไป ยิ่งปริมาณมากราคาก็ยิ่งสูงตาม ซึ่งถ้าหากงานไฟล์ของคุณเป็นลักษณะไฟล์บันทึกข้อความ หรือภาพงานทั่วไป ปริมาณขนาด 4 GB ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว แต่ถ้าหากมีการเก็บไฟล์ปริมาณมาก มีโปรแกรมขนาดใหญ่ ภาพกับวิดีโอที่มีความคมชัดสูง ความจุตั้งแต่ 32-64 GB ขึ้นไป ถือว่าแนะนำ

2.เลือกสินค้าแท้ ที่ได้มาตรฐาน
การซื้อแฟลชไดร์ฟจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียง จะช่วยการันตีถึงคุณภาพสินค้าที่สามารถใช้งานได้จริงและมีอายุยาวนาน เนื่องจากในยุคปัจจุบันมีสินค้าเลียนแบบมากมายอยู่เกลื่อนตลาดซึ่งมักวางจำหน่ายในราคาที่ถูก โดยสามารถหลีกเลี่ยงปัญหานี้จากการเลือกแฟลชไดร์ฟในร้านค้าที่น่าเชื่อถือ มีตำแหน่งที่ตั้งแน่นอน และสามารถรับประกันสินค้าได้ ก็จะทำให้คุณครอบครองแฟลชไดร์ฟคุณภาพได้ไม่ยาก

อุปกรณ์เก็บ แฟลชไดร์ฟ สำคัญไฉน
ถึงแม้ว่าดูเผินๆแล้ว แฟลชไดร์ฟ อาจเป็นอุปกรณ์ที่มีความทนทาน ด้วยน้ำหนักที่เบาเล็กกะทัดรัดอย่าง Recycle Usb, Wooden Usb เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเมื่อมันได้รับแรงกระแทกบ่อย ๆ อยู่ท่ามกลางสภาพอากาศชื้นหรือร้อนจัด มันก็สามารถเสียหายได้เหมือนกับอุปกรณ์ไอทีทั่ว ๆ ไป ดังนั้นเพื่อยืดอายุการใช้งาน เราควรหา PACKAGE ที่สามารถเก็บแฟลชไดร์ฟได้ดี จะได้ไม่ต้องเผลอทำตกหรือวางลืมไว้ที่ไหนนั่นเอง

อุปกรณ์เก็บ แฟลชไดร์ฟ มีอะไรบ้าง ?
‌อุปกรณ์สายคล้องห้อยคอ
‌กล่องเก็บแฟลชไดร์ฟ
‌พวงกุญแจห้อย แฟลชไดร์ฟ

ควรมีแฟลชไดร์ฟครอบครอง 2 อัน
อย่างที่ได้กล่าวไปว่าการทำงานในออฟฟิศอาจมีสถานการณ์จำเป็นที่ต้องทำให้แชร์แฟลชไดร์ฟระหว่างกัน เพื่อให้งานบรรลุตามเป้าได้ ซึ่งการแชร์กันบ่อย ๆ อาจส่งผลต่ออายุการใช้งานให้สั้นลงเร็ว เนื่องจากเราไม่รู้ว่าบุคคลที่ยืมเอาไปใช้นั้นจะรักษามันได้ดีมากน้อยแค่ไหน รวมถึงการเสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นก็อาจเสี่ยงต่อปัญหาติดไวรัสตามมา ดังนั้นเราจึงควรซื้อแฟลชไดร์ฟมาใช้ 2 อัน โดยแบ่งเป็นอันหนึ่งสำหรับใช้ส่วนตัวและอีกอันสำหรับใช้แบบสาธารณะ ซึ่งในแฟลชไดร์ฟแบบใช้ร่วมกันนี้ จะซื้อแบบความจุต่ำกว่าที่ใช้งานส่วนตัวก็ได้ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายนั่นเอง หรือนอกจากนี้เรายังสามารถใช้เป็นแฟลชไดร์ฟสำรองในกรณีฉุกเฉินที่แฟลชไดร์ฟส่วนตัวเกิดเสียใช้งานไม่ได้ แต่บางบริษัทอาจจะมีการทำเป็นของพรีเมี่ยมโดยทำเป็น GIFT SET ร่วมกับสินค้าอื่น ๆ แจกแฟลชไดร์ฟให้แก่พนักงาน

การทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์เป็นที่ทราบกันดีว่าผู้ใช้จำเป็นจะต้องมีความพร้อมอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะทักษะทางคอมพิวเตอร์และการใช้งานอุปกรณ์เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงานให้สูงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวมถึงการรับมือในเรื่องไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ อย่างคอมเสียหรือระบบล่ม แฟลชไดร์ฟ จึงเป็นอีกหนึ่งปกรณ์ที่จะช่วยให้คุณจัดการกับข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่นในทุกสถานการณ์

เหตุผลที่ควรใช้แฟลชไดร์ฟแบ็คอัพข้อมูล ก่อนการโอนย้ายข้อมูลระหว่างอุปกรณ์

อย่างที่ทราบกันดีว่าการใช้งานอุปกรณ์ไอทีต่าง ๆ ในปัจจุบันมีกิจกรรมนึงที่ผู้ใช้งานหลายคนอาจต้องเจออยู่เป็นระยะ ๆ ซึ่งก็คือการโอนย้ายข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ หรือก็คือการส่งต่อข้อมูลจากอุปกรณ์นึงไปยังอุปกรณ์นึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอุปกรณ์แบบพกพาอย่างสมาร์ทโฟน...

อย่างที่ทราบกันดีว่าการใช้งานอุปกรณ์ไอทีต่าง ๆ ในปัจจุบันมีกิจกรรมนึงที่ผู้ใช้งานหลายคนอาจต้องเจออยู่เป็นระยะ ๆ ซึ่งก็คือการโอนย้ายข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ หรือก็คือการส่งต่อข้อมูลจากอุปกรณ์นึงไปยังอุปกรณ์นึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอุปกรณ์แบบพกพาอย่างสมาร์ทโฟน ซึ่งผู้ใช้งานมักจะมีการเปลี่ยนเครื่อง ซื้อเครื่องใหม่มาใช้งานทดแทนเครื่องเดิมบ่อยกว่าอุปกรณ์ประเภทอื่น ๆ ซึ่งก่อนที่เครื่องใหม่จะพร้อมใช้งานแทนเครื่องเดิมได้ก็ต้องมีการโอนถ่ายข้อมูล ทั้งไฟล์ต่าง ๆ และแอปพลิเคชั่น บัญชีผู้ใช้ รหัสผ่านมาจากเครื่องเก่าซะก่อน ทั้งนี้ในการโอนถ่ายข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ในปัจจุบันถือว่าทำได้ค่อนข้างสะดวก โดยสามารถใช้ซอฟท์แวร์ช่วยในการโอนย้ายข้อมูลของแบรนด์ผู้ผลิตที่มีติดมาให้กับอุปกรณ์ หรือซอฟท์แวร์ช่วยในการโอนย้ายข้อมูลของระบบปฏิบัติการก็ได้เช่นกัน ขณะที่การสำรองข้อมูล หรือแบ็คอัพไฟล์ก่อนการโอนย้ายก็มีวิธีให้เลือกหลากหลายทั้งการสำรองไว้บนระบบคลาวด์ หรือกระทั่งสำรองไปยังอุปกรณ์อื่นที่เราใช้งานอยู่ เช่น แท็บเล็ต แล็ปท็อป คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ซึ่งก็ด้วยเหตุนี้เองทำให้ผู้ใช้งานหลายคนมองข้ามวิธีแบ็คอัพไฟล์ด้วยแฟลชไดร์ฟ ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในวิธีแบ็คอัพไฟล์ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดวิธีนึงไป ว่ากันง่าย ๆ ก็คือ ผู้ใช้งานบางส่วนเริ่มมองว่าการแบ็คอัพไฟล์ด้วยแฟลชไดร์ฟเป็นสิ่งที่ไม่มีความจำเป็นในปัจจุบันแล้วนั่นเอง อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้วการแบ็คอัพไฟล์ด้วยแฟลชไดร์ฟก็ยังคงมีประโยชน์ และข้อดีหลายอย่างที่การแบ็คอัพไฟล์รูปแบบอื่น ๆ ให้ไม่ได้ ซึ่งในบทความนี้เองจะมากล่าวถึงข้อดี และประโยชน์ดังกล่าว ซึ่งเป็นเหตุผลที่เรายังควรเลือกใช้งานแฟลชไดร์ฟในการสำรองข้อมูลก่อนการโอนถ่ายข้อมูลระหว่างอุปกรณ์มาบอกกล่าวให้ได้ทราบกัน
สะดวก ปลอดภัยต่อการเข้าถึงโดยบุคคลอื่น ข้อดีแรกที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ ยังควรเลือกวิธีแบ็คอัพไฟล์ด้วยแฟลชไดร์ฟก็คือ ความสะดวก และความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลนั่นเองนอกจากนี้แฟลชไดร์ฟในปัจจุบันก็ยังมีหลากหลายแบบอีกด้วย เช่น pen usb, wooden usb, metal usb เป็นต้น อย่างที่ทราบกันดีว่าการใช้งานแฟลชไดร์ฟสามารถทำได้อย่างสะดวกผ่านพอร์ต USB-A สำหรับอุปกรณ์อย่างคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แล็ปท็อป ขณะที่อุปกรณ์พกพาอย่างสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตปัจจุบันก็สามารถใช้งานอย่างสะดวกได้ผ่านพอร์ต USB-C ซึ่งการเลือกหาแฟลชไดร์ฟสักอันมาใช้งานก็อาจเลือกรุ่นที่มาพร้อมทั้งพอร์ต USB-A และ USB-C ก็จะช่วยให้ใช้งานได้ครอบคลุมกับแทบทุกอุปกรณ์ ทั้งนี้การจัดเก็บข้อมูลบนแฟลชไดร์ฟนั้นเป็นการจัดเก็บในรูปแบบออฟไลน์ ซึ่งปลอดภัยต่อการถูกแฮก และมีความเป็นส่วนตัวสูงกว่าการแบ็คอัพผ่านระบบคลาวด์บนครือข่ายอินเตอร์เน็ต
ช่วยป้องกันไฟล์สำคัญสูญหายจากความผิดพลาดของซอฟท์แวร์ช่วยในโอนย้ายข้อมูล อย่างที่ทราบกันดีว่าวิธีที่สะดวกที่สุดในการโอนย้ายข้อมูลระหว่างอุปกรณ์พกพาในปัจจุบันก็คือการใช้ซอฟท์แวร์ช่วยในการโอนย้ายข้อมูล ซึ่งอาจเป็นซอฟท์แวร์จากทางแบรนด์ผู้ผลิตอุปกรณ์นั้น ๆ หรือซอฟท์แวร์จากตัวระบบปฏิบัติการ อย่างไรก็ตามในขั้นตอนการโอนย้ายข้อมูลด้วยวิธีดังกล่าวอาจมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากซอฟท์แวร์ดังกล่าวไม่ใช่เวอร์ชั่นล่าสุด ก็ยิ่งมีความเสี่ยงที่ในขั้นตอนการโอนย้ายจะพบเจอกับบัคต่าง ๆ จนทำให้ไฟล์ข้อมูลบางส่วนโอนย้ายไม่สำเร็จ และสูญหายระหว่างขั้นตอน ซึ่งการเลือกใช้แฟลชไดร์ฟแบ็คอัพไฟล์ข้อมูลสำคัญ ๆ ไว้ก่อนจะช่วยป้องกันความเสียหายจากความผิดพลาดดังกล่าวนี้ได้
สามารถส่งต่อไฟล์ไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ได้สะดวก อย่างที่ทราบกันว่าปัจจุบันไลฟ์สไตล์การใช้งานอุปกรณ์ไอทีต่าง ๆ ของผู้ใช้งานหลายคนนั้นไม่ได้จำกัดอยู่ที่อุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง โดยอาจมีการใช้งานอุปกรณ์ที่หลากหลายความเหมาะสมของงาน หรือกิจกรรมนั้น ๆ ซึ่งการแบ็คอัพไฟล์ด้วยแฟลชไดร์ฟที่เป็นแก็ดเจ็ตตัวกลางแทนที่จะโอนย้ายไฟล์จากอุปกรณ์ใดไปยังอุปกรณ์ใดตรง ๆ จะช่วยให้การส่งต่อไฟล์ โอนถ่ายไฟล์ให้เหมาะสมกับการใช้งานในอนาคตทำได้อย่างสะดวกมากขึ้น นอกจากที่แฟลชไดร์ฟจะถูกนำมาแบ็คอัพข้อมูลได้แล้วนั้น แฟลชไดร์ฟยังถูกนำไปทำของพรีเมี่ยม โดยเอาไปทำไปทำ GIFT SET เพื่อแจกเนื่องในงานต่าง ๆ

ข้อควรรู้ ก่อนนำแฟลชไดร์ฟมาทำเป็นของพรีเมี่ยม

ของหนึ่งชนิดยอดนิยม ที่แบรนด์ต่าง ๆ นำมาจัดทำเป็นของพรีเมี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ที่มีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ก็อาจจะเลือกเอาแฟลชไดร์ฟ มาทำเป็นของพรีเมี่ยม ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสามารถพบเห็นได้บ่อย ๆ จะว่าไปแล้วการนำแฟลชไดร์ฟ มาทำเป็นของพรีเมี่ยมนั้น...

ของหนึ่งชนิดยอดนิยม ที่แบรนด์ต่าง ๆ นำมาจัดทำเป็นของพรีเมี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ที่มีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ก็อาจจะเลือกเอาแฟลชไดร์ฟ มาทำเป็นของพรีเมี่ยม ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสามารถพบเห็นได้บ่อย ๆ จะว่าไปแล้วการนำแฟลชไดร์ฟ มาทำเป็นของพรีเมี่ยมนั้น ก็นับว่าตอบโจทย์และถือเป็นไอเดียที่น่าสนใจ ถึงแม้ว่าปัจจุบันอัตราการใช้งานอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟ จะน้อยลงไปมากหากเทียบกับสมัยก่อนก็ตาม แต่เรายังคงเห็นผู้ใช้งานอุปกรณ์นี้ และอุปกรณ์นี้ก็ยังคงเป็นอุปกรณ์สารพัดประโยชน์ ที่ค่อนข้างมีประโยชน์สำหรับคนทำงาน นักเรียนนักศึกษา รวมไปถึงคนทั่วไปด้วยเช่นเดียวกัน แต่ถึงแม้การใช้งานแฟลชไดร์ฟจะน้อยลงไปเรื่อย ๆ แต่แฟลชไดร์ฟก็ถูกผลิตรูปแบบใหม่ ๆ ขึ้นมาเรื่อย ๆ อย่างเช่น PEN USB เป็นแฟลชไดร์ฟที่อยู่ในปากกาและปากกาก็สามารถใช้งานได้จริง ๆ เหมาะสำหรับคนที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์และการเขียนเอกสารบ่อย ๆ RECYCLE USB เป็นแฟลชไดร์ฟรีไซเคิลที่ช่วยลดโลกร้อนได้ เป็นต้น

และสำหรับทางแบรนด์เอง ที่ต้องการนำเอาแฟลชไดร์ฟ มาทำเป็นของพรีเมี่ยมนั้น ไม่ว่าจะของพรีเมี่ยมในรูปแบบการแจกให้กับพนักงานแบบ GIFT SET ที่แจกในองค์กร หรือจะเป็นรูปแบบการมอบให้กับผู้ที่มีอุปการคุณหรือลูกค้า ก็มีครอบครัวรู้ หรือเรื่องที่น่าสนใจที่เราอาจจะมองข้ามไปอยู่ด้วย ดังนั้นวันนี้เราจะมาคุยกันในเรื่องของข้อควรรู้ ก่อนที่คุณจะนำเอาอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟ ไปแจกให้กับลูกค้าหรือพนักงาน หรือก็คือการนำไปทำของพรีเมี่ยมนั่นเอง

วัสดุในการทำ หรือฮาร์ดแวร์

ส่วนแรกที่มีความสำคัญมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ที่จะมีส่วนทำให้แฟลชไดร์ฟ ออกมามีคุณภาพดีหรือไม่ดีมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการทำ หรือที่เราเรียกกันว่าฮาร์ดแวร์นั่นเอง ชิ้นส่วนวัสดุที่นำมาประกอบนี้ ผู้ผลิตหรือโรงงานผลิต จะเป็นคนเลือกวัสดุเหล่านี้มาใช้งาน ซึ่งตัวแบรนด์เอง ไม่สามารถที่จะรู้ถึงรายละเอียดของวัสดุที่นำมาใช้ได้เลย วิธีเดียวที่จะสามารถตรวจสอบ ว่าฮาร์ดแวร์ที่นำมาใช้นั้นมีคุณภาพมากน้อยเพียงใด อย่างง่ายที่สุดก็คือการรับความเห็นจากลูกค้า หากลูกค้าหรือผู้ใช้งานพึงพอใจในคุณภาพของตัวแฟลชไดร์ฟ นั้นก็หมายความว่าฮาร์ดแวร์หรือวัสดุที่ทางบริษัทผลิตนำมาใช้ ถือเป็นวัสดุที่ค่อนข้างมีคุณภาพ และน่าจะเหมาะสมกับการใช้งานบริษัทผลิตนี้ในครั้งถัดไป ความคิดเห็นดังกล่าว ที่ทางแบรนด์จะต้องตรวจสอบอยู่ด้วยกันมากมายหลากหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความทนทานในการใช้งาน อายุการใช้งานที่สามารถนำมาใช้งานได้จริง และเรื่องอื่น ๆ ที่เป็นรายละเอียดยิบย่อยร่วมด้วย

เวอร์ชั่นสำหรับยูเอสบีที่นำมาใช้

เวอร์ชั่นสำหรับยูเอสบีที่นำมาใช้ อันนี้ก็ค่อนข้างมีความสำคัญเช่นเดียวกัน เวอร์ชั่นดังกล่าว มีผลกระทบโดยตรงกับความเร็วในการรับส่งข้อมูลของอุปกรณ์ของเรา หากเป็นเมื่อก่อน อุปกรณ์ชนิดนี้ก็อาจจะใช้ยูเอสบีเวอร์ชั่น 2.0 แต่ในปัจจุบันนั้น มีการพัฒนาเป็นรูปแบบของ 3.0 หรืออาจจะจนถึง 3.2 ก็มีให้เราเห็นอยู่มากมาย เวอร์ชั่นต่าง ๆ นั้น การที่เราจะผลิตอุปกรณ์ออกมา ยิ่งเป็นเวอร์ชั่นใหม่ที่มีเทคโนโลยีดีขึ้น อัตราการรับส่งข้อมูลเร็วมากขึ้น ต้นทุนการผลิตก็ยิ่งราคาสูงตามไปด้วย ดังนั้นไม่ได้หมายความว่า การที่ใช้ยูเอสบีเวอร์ชั่นใหม่สุด จะดีที่สุด ทั้งนี้เลือกแบบที่ตอบสนองการใช้งานของคุณ เพื่อลดต้นทุนได้ก็ดีเยี่ยมไม่น้อย

การออกแบบและดีไซน์

เรื่องของดีไซน์และการออกแบบนั้น ถึงเหมือนจะไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่อันที่จริงแล้วมันก็มีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว ที่มักจะสร้างปัญหาให้กับผู้ใช้งาน ก็มักจะจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ที่ไม่ค่อยมีความสำคัญกับการนำไปใช้งานนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่นหากเราต้องการที่จะพกพาไปไหนมาไหนได้ง่าย ก็ไม่ควรออกแบบให้มีความแหลมคม บางครั้งบางครั้งการออกแบบที่ผิดไปจากรูปแบบหรือรูปทรงมาตรฐาน อาจทำออกมายอดเยี่ยมและทำให้อุปกรณ์ของเราโดดเด่นขึ้นมา น่านำไปใช้งาน ในทางกลับกัน หากออกแบบมาได้ไม่ดีนัก แทนที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดี มันอาจจะได้ผลตรงกันข้ามก็ได้

ผลงานผลิตแฟลชไดร์ฟ โลโก้ กลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล

...

ผลงาน แฟลชไดร์ฟ สกรีนโลโก้ usb-perfect

โรงงานผลิตแฟลชไดร์ฟ พร้อมสกรีนโลโก้ฟรี! ขั้นต่ำน้อย มีโรงงานในไทย มีโกดังสต็อคในไทย พร้อมผลิต

  • สั่งทำเพื่อเป็นของแจก ของสมนาคุณ ของพรีเมี่ยม หรือของขวัญในโอกาสต่าง ๆ
  • สามารถสั่งทำเป็นชื่อ ข้อความ โลโก้ ลวดลาย ได้ตามต้องการ

สนใจสินค้า โทร. 02-4081377 หรือ ไลน์ @premiumperfect

ผลงานแฟลชไดร์ฟอื่น ๆ













แฟลชไดร์ฟในเวลานี้ตกยุคแล้วหรือยัง ?

เมื่อพูดถึงศักยภาพการพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในช่วงตลอด 10 ปี ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นอะไรที่รวดเร็วมาก อย่างการถือกำเนิดของวงการBlockchain และ AI ที่เข้ามามีบทบาทจนโลกต้องรีบปรับตัวตามให้ทัน ไหนจะการมาของเครื่องมือหรืออุปกรณ์ใหม่ ๆ ที่เข้ามาช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น...

เมื่อพูดถึงศักยภาพการพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในช่วงตลอด 10 ปี ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นอะไรที่รวดเร็วมาก อย่างการถือกำเนิดของวงการ
Blockchain และ AI ที่เข้ามามีบทบาทจนโลกต้องรีบปรับตัวตามให้ทัน ไหนจะการมาของเครื่องมือหรืออุปกรณ์ใหม่ ๆ ที่เข้ามาช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่เราเห็นกันคุ้นตาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันมันก็ยังเป็นสินค้าที่มีขายกันอยู่ทุกที่อย่างแฟลชไดร์ฟกลับยังคงเป็นสิ่งที่ผู้คนต่างเรียกหากันอยู่ตลอด

แฟลชไดร์ฟคืออะไร ?
แฟลชไดร์ฟเป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลชนิดหนึ่งที่ถูกออกแบบมาให้สามารถพกพาและเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เพื่อทำการถ่ายโอนข้อมูลภายในคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะไฟล์เอกสาร โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ไฟล์เพลงหรือไฟล์วิดีโอ ก็สามารถจัดการได้หมด โดยการจำหน่ายแฟลชไดร์ฟจะมีราคาแตกต่างกันไปตามขนาดความจุภายในเป็นหลัก ตั้งแต่ 4 GB ถึง 2 TB มีหลากหลายแบบเช่น METAL USB, WOODEN USB, TWISTER USB เป็นต้น

การมาของแฟลชไดร์ฟ
เดิมทีก่อนที่ผู้ควรจะหันมาใช้งานแฟลชไดร์ฟกันอย่างแพร่หลาย ก่อนหน้านั้นเคยเป็นยุคของ CD-ROM Drive หรือที่เรียกกันว่า “ แผ่นซีดีรอม “ ซึ่งมีน้ำหนักเบา มีความบางเล็กสามารถพกพาได้ การทำงานค่อนข้างมีประสิทธิภาพในยุคนั้น โดยจะทำงานด้วยการสะท้อนแสงเลเซอร์ไปยังตัวอ่านข้อมูล แล้วส่งต่อให้ CPU ไปทำการประมวลผล ซึ่งทำได้รวดเร็วและประหยัดเวลา

อย่างไรก็ตามเมื่อมีการผลิตแฟลชไดร์ฟออกมาจำหน่ายมันก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ด้วยคุณสมบัติที่ทำได้เหนือกว่า CD-ROM Drive ทุกประการ ทั้งการถ่ายโอนข้อมูลที่ทำได้รวดเร็วกว่า ปริมาณความจุข้อมูลที่มากกว่า ความทนทานที่ไม่เสียหายง่าย รวมถึงความสะดวกด้านการพกพาที่ทำได้ง่ายกว่าอย่างชัดเจน แฟลชไดร์ฟจึงกลายมาเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญของผู้ที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์จะขาดไปไม่ได้ ซึ่งในเวลานี้โรงงานผลิต CD-ROM Drive สำหรับเก็บข้อมูล ก็ได้ประกาศปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

การถ่ายโอนและเก็บข้อมูลในปัจจุบัน
แน่นอนว่าวงการเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ย่อมต้องได้รับการพัฒนาไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งตอนนี้โลกก็ได้มีเครื่องมือสำหรับการเก็บและถ่ายโอนข้อมูลใหม่ ๆ ออกมาแล้ว ทั้ง External Hard Drive ที่เป็นฮาร์ดดิสก์แบบพกพาซึ่งสามารถเก็บข้อมูลได้ในระดับเทเลไบต์ ( TB ) พร้อมกับอ่านข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว กับ Cloud Storage บริการเก็บข้อมูลบนพื้นที่ออนไลน์ ที่ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้ออุปกรณ์ใดเพิ่มเติม ขอแค่คุณมีอินเทอร์เน็ตก็สามารถฝากเก็บไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ และยังสามารถเรียกใช้ข้อมูลได้จากอุปกรณ์ทุกเครื่องในต่างสถานที่ได้อีกด้วย

แฟลชไดร์ฟยังจำเป็นอยู่ไหม ?
เมื่อถามว่าแฟลชไดร์ฟยังน่าใช้อยู่ไหมในยุคปัจจุบัน ก็คงต้องตอบว่า แฟลชไดร์ฟยังคงเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นและควรมีพกติดไว้คู่กับการทำงาน เนื่องจากแฟลชไดร์ฟก็มีข้อดีที่น่าใช้งานซึ่งต่างกับ External Hard Drive และ Cloud Storage อยู่ โดยแบ่งออกได้ดังต่อไปนี้

ความต่างกับ External Hard Drive
ถึงแม้ว่า แฟลชไดร์ฟจะสามารถเก็บข้อมูลได้น้อยกว่า แต่ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันถือว่ายังมีน้อยนักที่ใครจะมีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลไว้มากถึงระดับเทเลไบต์ นอกจากผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์โดยตรงอย่าง นักพัฒนาซอฟต์แวร์ เป็นต้น ขณะที่การทำงานส่วนใหญ่ในออฟฟิศทั่วไปจะยังคงเก็บข้อมูลในระดับกิกะไบต์กันอยู่ ซึ่งบางคนอาจไม่เคยเก็บไฟล์ได้มากถึง 32 GB เลยด้วยซ้ำ
นอกจากนี้แล้วแฟลชไดร์ฟยังมีขนาดเล็กที่พกพาได้สะดวกกว่ามาก พกเก็บไว้ตาม กระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง หรือห้อยติดกับสายคล้องคอเลยก็ได้ ด้วยเหตุนี้พนักงานส่วนมากจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องถึงกับซื้อ External Hard Drive มาใช้งาน

ความต่างกับ Cloud Storage
เมื่อพูดถึง Cloud Storage ไม่ว่าใครก็ต้องนึกถึง Google drive อันเป็นบริการที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด เพราะเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุด แต่ทั้งนี้การจะใช้งานมันคุณก็จำเป็นจะต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วมากพอต่อการถ่ายโอนไฟล์ ซึ่งถ้าหากมีสัญญาณไม่สมดุลก็อาจทำให้การดาวน์โหลดไฟล์มีปัญหาหรือทำไม่ได้เลย ในขณะที่แฟลชไดร์ฟนั่นไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ตแต่อย่างใด
ขณะเดียวกันแม้จะเป็นบริการฟรี แต่มันก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของปริมาณพื้นที่ ซึ่งถ้าหากต้องการจะขยายความจุให้เพิ่มขึ้น ผู้ใช้จำเป็นจะต้องเสียค่าสมัครบริการแบบรายเดือนหรือรายปี โดยนับเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจุกจิกพอสมควร

สรุปแล้ว แฟลชไดร์ฟยังถือเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นต่อการทำงานอยู่เหมือนเดิม และยังมีความสอดคล้องกับสายงานอีกมากมาย เพราะมีการใช้งานที่เรียบง่าย อีกทั้งยังมีราคาที่ถูกหาซื้อได้ง่ายและยังถูกใช้เป็นของพรีเมี่ยมโดยจัดเป็น GIFT SET รวมกับสินค้าอื่น ๆ เพื่อใช้เป็นของแจกของสมนาคุณต่าง ๆ

แฟลชไดร์ฟที่เราใช้งานกัน ที่จริงมันทำงานยังไง

อุปกรณ์สำคัญที่เราไว้ใช้ในการเก็บข้อมูลอย่างแฟลชไดร์ฟนั้น ทุกวันนี้ก็ยังถือเป็นอุปกรณ์สามัญสำหรับใครหลายคนอยู่ดี เนื่องจากมีการใช้งานหรือการใช้ประโยชน์ไม่เพียงแค่เป็นการเก็บ หรือการสำรองข้อมูลเพียงเท่านั้น แต่ยังใช้แฟลชไดร์ฟด้วยกันได้ในหลากหลายกรณี...

อุปกรณ์สำคัญที่เราไว้ใช้ในการเก็บข้อมูลอย่างแฟลชไดร์ฟนั้น ทุกวันนี้ก็ยังถือเป็นอุปกรณ์สามัญสำหรับใครหลายคนอยู่ดี เนื่องจากมีการใช้งานหรือการใช้ประโยชน์ไม่เพียงแค่เป็นการเก็บ หรือการสำรองข้อมูลเพียงเท่านั้น แต่ยังใช้แฟลชไดร์ฟด้วยกันได้ในหลากหลายกรณี หรือหลากหลายการใช้งานยกตัวอย่างเช่นการลง Windows ใหม่ อะไรแบบนี้เป็นต้นก็ยังนิยมที่จะใช้แฟลชไดร์ฟกันอยู่ และในยุคปัจจุบันนี้มีการผลิตแฟลชไดร์ฟออกมาหลายรูปแบบให้เข้ากับยุคปัจจุบันยกตัวอย่างเช่น PEN USB ทั่งทั้งสามารถเขียนเอกสารได้จริง ๆ และยังสามารถเป็นแฟลชไดร์ฟที่เก็บข้อมูลได้อีกด้วยและ CARD USB ที่เป็นบัตรคล้ายกับบัตรเคดิต สามารถพกใส่กระเป๋าตังค์ได้สบาย อีกทั้งยังสามารถทำเป็นนามบัตรได้อีกด้วย

แต่สำหรับใครหลายคนที่ใช้อุปกรณ์ชนิดนี้กันอยู่แล้ว อาจจะมีข้อสงสัยกันอยู่บ้างว่าแท้จริงแล้ว อุปกรณ์แฟลชไดร์ฟสามารถที่จะเก็บข้อมูลได้อย่างไร หลักการทำงานของมันเป็นแบบไหน หรือปัจจัยใดส่งผลกระทบต่อข้อมูล หรือมันสามารถที่จะเก็บข้อมูลได้ยาวนานขนาดไหน วันนี้เราจะชวนคุณมาหาคำตอบหรือมาอธิบายให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับแฟลชไดร์ฟของคุณกัน

แฟลชไดร์ฟ สามารถเก็บข้อมูลได้อย่างไร

อุปกรณ์แฟลชไดร์ฟจะมีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า NAND Flash Memory เพื่อใช้สำหรับการบันทึกข้อมูล เจ้าตัวนี้เองสามารถที่จะเก็บข้อมูลหรือบันทึกข้อมูลได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยพลังงานไฟฟ้าเพื่อไปหล่อเลี้ยงหรือไปอยู่ หรือเพื่อสามารถให้คงข้อมูลนั้นเอาไว้ได้ ดังนั้นเจ้าตัวนี้เองจึงมีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมากในการนำมาผลิตอุปกรณ์สำหรับเก็บข้อมูลพกพาได้อย่างสะดวกสบาย ภายในเจ้าตัว NAND Flash Memory ดังกล่าวนี้จะประกอบไปด้วยเซลล์ของหน่วยความจำ ซึ่งเซลล์แต่ละเซลล์ดังกล่าวนั้น จะมีการกักเก็บอิเล็กตรอนเอาไว้ โดยจะใช้ตัวเลขแทนค่า 1 และค่า 0 เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า อิเล็กตรอนบางตัวที่ถูกกักเก็บอยู่จะหลุดออกไป ส่งผลให้การอ่านข้อมูลที่ว่าทำได้ยากขึ้น และนี่เองทำให้อุปกรณ์แฟลชไดร์ฟมีอายุการใช้งานเช่นเดียวกัน

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเก็บข้อมูล

มีปัจจัยมากมายที่ส่งผลกระทบต่อการเก็บข้อมูล หรือกล่าวอีกนัยคือส่งผลกระทบต่ออิเล็กตรอนที่เก็บอยู่ในแต่ละเซลล์ความจำ ที่จะสามารถหลุดออกไปได้ หรือกล่าวให้ง่ายก็คือที่จะทำให้แฟลชไดร์ฟของเรามีอายุการใช้งานที่จะจำกัด มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น เรื่องของคุณภาพการผลิต จำนวนรอบในการเขียนข้อมูล หน่วยความจำแบบนี้มีจำนวนรอบในการเขียนข้อมูลได้จำกัด เมื่อจำนวนรอบที่ใช้สำหรับการเขียนข้อมูลครบแล้ว ความเร็วในการเขียนข้อมูลก็จะเริ่มเสื่อมและเริ่มช้าลงตามกาลเวลา อุณหภูมิที่เราใช้สำหรับการเก็บรักษาอุปกรณ์ชนิดนี้ ก็ส่งผลต่อตัวอุปกรณ์ที่จะทำให้อิเล็กตรอนเกิดการรั่วไหลออกไปได้เร็วขึ้นเช่นเดียวกัน รวมถึงปัจจัยภายนอกอื่นๆอย่างเช่นความชื้นหรือฝุ่น เหล่านี้ก็ส่งผลกระทบเช่นเดียวกัน

แล้วเราสามารถใช้ได้นานแค่ไหน หรือมันสามารถเก็บข้อมูลได้นานแค่ไหนกัน

ที่จริงแล้วเราไม่สามารถที่จะฟันธงหรือให้คำตอบได้อย่างแน่นอน ว่าอุปกรณ์ของเรานั้นมีอายุการใช้งานมากน้อยเท่าไหร่ มันขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัยมากๆ อย่างที่กล่าวไปในข้างต้นนี้ หากเรารักษาอุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นอย่างดี มีการใช้งานแบบปกติ ก็อาจจะใช้งานได้อย่างยาวนานเป็นหลักหลายปี แต่คนส่วนมากก็มักจะทำพังหรือทำหายก่อน ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา การที่เรานำมันมาใช้งานว่ามากน้อยเพียงใด รวมถึงอีกหลายปัจจัยที่จะให้พูดก็คงพูดไม่หมด

แต่ไม่ว่าเราจะใช้งานอุปกรณ์ชนิดนี้มากน้อยเพียงใดก็ตาม การที่เราเลือกมันมาใช้งานเราควรที่จะเลือกแบบที่มีคุณภาพที่ดี ผลิตมาดีแต่แรกเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน อาจจะลงทุนซื้อของที่มีราคาแพงสักเล็กน้อย การเก็บรักษาก็สำคัญเช่นเดียวกัน เราควรที่จะเก็บเอาไว้ในที่ที่ค่อนข้างเย็นและแห้ง ไม่โดนแดดจัดเป็นเวลานาน
และแฟลชไดร์ฟนั้นนอกจากจะเอาไว้ใช้งาน ยังสามารถเป็นของขวัญได้ด้วย สามารถซื้อแบบเป็น GIFT SET เพื่อเป็นของขวัญให้ใครสักคนที่อาจจะต้องใช้มัน

ผลงาน ผลิตแฟลชไดร์ฟ สกรีนโลโก้ BELL

...

ผลงาน ผลิตแฟลชไดร์ฟโลหะ สกรีนโลโก้ BELL

ผลงาน แฟลชไดร์ฟ สกรีนโลโก้ usb-perfect

โรงงานผลิตแฟลชไดร์ฟ พร้อมสกรีนโลโก้ฟรี! ขั้นต่ำน้อย มีโรงงานในไทย มีโกดังสต็อคในไทย พร้อมผลิต

  • สั่งทำเพื่อเป็นของแจก ของสมนาคุณ ของพรีเมี่ยม หรือของขวัญในโอกาสต่าง ๆ
  • สามารถสั่งทำเป็นชื่อ ข้อความ โลโก้ ลวดลาย ได้ตามต้องการ

สนใจสินค้า โทร. 02-4081377 หรือ ไลน์ @premiumperfect

ผลงานแฟลชไดร์ฟอื่น ๆ













แฟลชไดร์ฟ VS SD Card มีข้อดี ข้อเสียต่างกันอย่างไร เลือกใช้แบบไหนคุ้มกว่า ?

หากพูดถึงการเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนอุปกรณ์พกพาต่าง ๆ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต กล้องดิจิทัล หรือกระทั่งย้อนไปในยุคที่โทรศัพท์ยังคงเป็นระบบดิจิทัลยุคเริ่มแรก ซึ่งยังไม่ได้เปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคของสมาร์ทโฟนนั้น...

หากพูดถึงการเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนอุปกรณ์พกพาต่าง ๆ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต กล้องดิจิทัล หรือกระทั่งย้อนไปในยุคที่โทรศัพท์ยังคงเป็นระบบดิจิทัลยุคเริ่มแรก ซึ่งยังไม่ได้เปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคของสมาร์ทโฟนนั้น ก็แน่นอนว่าผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะรู้จักคุ้นเคยกันดีกับหน่วยความจำเสริมอย่าง SD Card หรือบางคนก็อาจเรียกติดปากว่า Memory Card โดยเป็นลักษณะของชิปการ์ดขนาดเล็กที่สามารถเสียบใส่ติดไว้กับอุปกรณ์ เพื่อให้อุปกรณ์นั้น ๆ มีพื้นที่ในการจัดเก็บไฟล์รูปภาพ วิดีโอ เอกสารเพิ่มเติมจากพื้นที่หน่วยความจำที่ติดมากับตัวเครื่อง พูดง่าย ๆ ก็คือ SD Card เป็นหน่วยความจำเสริมภายในที่สามารถใส่ติดไว้กับตัวโทรศัพท์ แท็บเล็ต กล้องดิจิทัล ได้ ส่วนแฟลชไดร์ฟนั้นเป็นหน่วยความจำเสริมภายนอกที่ไม่ได้ออกแบบมาให้เสียบติดไว้กับอุปกรณ์ใด ๆ ตลอดเวลา ในมุมของผู้ใช้งานอุปกรณ์พกพาสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์ดิจิทัลขนาดเล็กใด ๆ จึงมักคุ้นเคยกับการใช้งาน SD Card เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลมากกว่านั่นเอง อย่างไรก็ตาม อย่างที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันแฟลชไดร์ฟนั้นถูกพัฒนาให้สามารถเสียบเชื่อมต่อกับอุปกรณ์พกพาอย่างสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ผ่านพอร์ต USB-C หรือ Loghting ได้โดยตรงเช่นกัน แม้ว่าจะไม่สามารถเสียบติดไว้กับตัวอุปกรณ์ได้ตลอดเวลาก็ตาม จึงมีผู้ใช้งานบางส่วนหันไปเลือกใช้แฟลชไดร์ฟในการแบ็กอัพข้อมูลจากสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แทนการเสียบ SD Card ติดไว้กับอุปกรณ์ตลอดเวลานอกจากนี้แฟลชไดร์ฟก็ยังมีหลากหลายรูปแบบเช่น Wooden Usb, Metal Usb, Classic Usb เป็นต้น ในบทความนี้จึงจะมาเปรียบเทียบให้ได้เห็นข้อดี ข้อเสียกันว่าระหว่าง SD Card และ แฟลชไดร์ฟ แตกต่างกันอย่างไร โดยเฉพาะการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์พกพาเช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แบบไหนใช้ได้คุ้มค่ามากกว่ากัน
ความสะดวกในการใช้งาน ข้อเปรียบเทียบข้อแรกที่ถือว่าเป็นข้อดีของ SD Card ก็คือ ความสะดวกในการใช้งานนั่นเอง เพราะดังที่กล่าวข้างต้นว่า SD Card เป็นหน่วยความจำเสริมที่สามารถเสียบติดไว้กับอุปกรณ์ได้ตลอดเวลา ดังนั้นหากต้องการให้อุปกรณ์ใด ๆ ที่เราใช้งานมีพื้นที่มากขึ้นเพื่อรองรับการจัดเก็บรูปภาพ หรือไฟล์ใหม่ ๆ ที่เราอาจสร้างขึ้น หรือดาวน์โหลดมาเพิ่มเติมตลอดเวลา การเลือกหา SD Card มาเสียบติดไว้กับอุปกรณ์ก็ย่อมตอบโจทย์การใช้งานได้ดีกว่าแฟลชไดร์ฟที่มักจะนำมาเสียบต่อเป็นครั้งคราวอยู่แล้ว
SD Card มีข้อจำกัดเรื่องขนาดพื้นที่ และสเปคอุปกรณ์ มากันที่ส่วนที่เป็นข้อจำกัด หรือข้อเสียของ SD Card กันบ้าง ซึ่งก็คือเรื่องของขนาดพื้นที่ ทั้งนี้แม้ว่าปัจจุบันเราจะสามารถเลือกซื้อ sd card ที่มีความจุหลายร้อยกิกะไบต์ได้ในราคาที่ไม่สูงเท่าไหร่นัก แต่อุปกรณ์สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต จากแบรนด์ต่าง ๆ รุ่น ๆ ต่าง ๆ จะมีการกำหนดสเปคสูงสุดที่รองรับได้ไว้ เช่น บางอุปกรณ์กำหนดไว้ที่ 128 GB บางอุปกรณ์กำหนดไว้ที่ 256 GB เป็นต้น ทั้งนี้ก็เพราะการใช้งานพื้นที่ความจำของ SD Card บนอุปกรณ์นั้น ๆ จะกินทรัพยากรเครื่องไปด้วยนั่นเอง ในอุปกรณ์ที่สเปคฮาร์ดแวร์ไม่สูงนัก จึงมักจะรองรับการเพิ่มพื้นที่ความจำเสริมได้ไม่มากนัก ขณะที่การใช้งานแฟลชไดร์ฟเพื่อเสียบเชื่อมต่อ แบ็กอัพ หรือโอนย้ายข้อมูลกับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตใด ๆ นั้น ไม่มีข้อจำกัดเรื่องของขนาดพื้นที่ เราสามารถใช้แฟลชไดร์ฟที่มีขนาดความจุเท่าไหร่ก็ได้มาเสียบเชื่อมต่อเพื่อแบ็กอัพข้อมูลต่าง ๆ ที่ต้องการ
SD Card อาจรบกวนประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์ที่สเปคไม่สูง อย่างที่ทราบกันว่าความแตกต่างของ SD Card และ แฟลชไดร์ฟก็คือ การเป็นหน่วยความจำเสริมแบบภายใน และแบบภายนอกนั้นเอง ซึ่งข้อดีของการใช้งานหน่วยความจำเสริมภายนอกอย่างแฟลชไดร์ฟก็คือ การใช้งานนั้นแทบจะไม่กินทรัพยากรเครื่อง ขณะที่การใช้งานหน่วยความจำเสริมภายในแบบ sd card นั้นจะใช้งานทรัพยากรเครื่องอยู่ตลอดเวลา เพราะเท่ากับว่าอุปกรณ์จะต้องมีการอ่าน เรียกดู หรือดึงข้อมูลจากทั้งความจำภายในของตัวเครื่องเอง และความจำของ sd card สำหรับรองรับกิจกรรม หรือคำสั่งต่าง ๆ ของผู้ใช้งานตลอดเวลา ดังนั้นหากเป็นอุปกรณ์ที่สเปคฮาร์ดแวร์ต่ำ และไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลอยู่ตลอดเวลา การเลือกใช้แฟลชไดร์ฟ USB-C หรือ Lightning เพื่อแบ็กอัพ โอนถ่ายข้อมูลเป็นครั้งคราวก็น่าจะช่วยให้ถนอมทรัพยากรเครื่องให้สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหลดีกว่าการเลือกเสียบ sd card ติดไว้ตลอด สุดท้ายนี้แฟลชไดร์ฟและ SD Card เป็นสิ่งที่มีขนาดเล็ก ควรจะเก็บรักษาให้ดีเพื่อป้องกันการตกหล่นคือสูญหายทางที่ดีควรใช้ Package ที่เป็นถุงผ้าหรือกล่อง

แฟลชไดร์ฟ คุณภาพธรรมดาทั่วไป และ แฟลชไดร์ฟ ระดับสูงต่างกันอย่างไร

ปัจจุบันเมื่อเทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามากขึ้นรวมไปถึงความเร็วของ อินเทอร์เน็ต ที่มีมากขึ้นตามไปด้วย นั่นก็หมายถึงปริมาณรับส่งข้อมูลที่มีจำนวนมากยิ่งขึ้นไปด้วยเช่นกันดังนั้นหมายความว่าการใช้งาน แฟลชไดร์ฟ ก็จำเป็นจะต้องมีคุณภาพสูงตามขึ้นไปด้วย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม...

ปัจจุบันเมื่อเทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามากขึ้นรวมไปถึงความเร็วของ อินเทอร์เน็ต ที่มีมากขึ้นตามไปด้วย นั่นก็หมายถึงปริมาณรับส่งข้อมูลที่มีจำนวนมากยิ่งขึ้นไปด้วยเช่นกัน
ดังนั้นหมายความว่าการใช้งาน แฟลชไดร์ฟ ก็จำเป็นจะต้องมีคุณภาพสูงตามขึ้นไปด้วย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ยังมีประเภทของผู้ใช้งานอีกจำนวนมาก ที่ไม่ได้อิงกับความต้องการประสิทธิภาพสูงสุดเสมอไป
ความเป็นจริงก็คือยังมีผู้ใช้อีกมากมายที่ยังคงต้องการใช้งาน แฟลชไดร์ฟ เพียงแค่ให้มีหน้าที่สำหรับการเก็บรักษาข้อมูลทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลในเรื่องของการทำงานหรือกิจกรรม
แต่ในทุกระยะเวลาของการขับเคลื่อนเทคโนโลยี เราก็จะพบได้ว่า แฟลชไดร์ฟ ที่มี สเปค หรือความจุ รวมไปถึงความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลแบบเก่า ย่อมที่จะหายไปจากท้องตลาดเสมอ ชนิดที่หาซื้อไม่ได้อีก และทดแทนด้วยสเปคที่สูงกว่า ทำให้ผู้ใช้งานมีการขยับรูปแบบการใช้ไปตามยุคสมัยโดยปริยาย และแฟลชไดร์ฟเองก็ยังยังปรับรูปแบบใหม่อีกมายมายเช่น pen usb, rubber usb, twister usb เป็นต้น
อย่างไรก็ตามสำหรับ แฟลชไดร์ฟ ที่เป็นเกรดการใช้งานทั่วไป บรรดาผู้ใช้งานก็มักจะต้องการเพียงในเรื่องของความจุของข้อมูลที่พอรับได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องคำนวณกับราคา
ส่วนในเรื่องความเร็วของประสิทธิภาพถ่ายโอนข้อมูลนั้น หากเป็นผู้ใช้งานทั่วไปก็มักจะไม่ได้ซีเรียสในจุดนี้มากเท่าไหร่

แฟลชไดร์ฟ ประสิทธิภาพสูงนั้นขายให้ใคร?
แฟลชไดร์ฟ ที่มีประสิทธิภาพในการถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว มักจะเป็นที่ต้องการสำหรับ ผู้ที่มีหน้าที่การงาน ซึ่งต้องถ่ายโอนข้อมูลอยู่เป็นประจำทุกวัน หรือตลอดช่วงของเวลาทำงานในทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นผู้มีอาชีพในการตัดต่อภาพ หรือตัดต่อวิดีโอ ทำงานในด้านการประมวลผล หรือทำงานบ้านการออกแบบซึ่งต้องมีการถ่ายโอนข้อมูลไปมาอย่างต่อเนื่อง
หรือผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับงานที่ต้องใช้การสำรองข้อมูลอยู่เป็นประจำ ตลอดไปจนถึงงานที่เกี่ยวข้องกับองค์กรหรือบริษัท ที่ต้องใช้การประสานข้อมูลเป็นจำนวนมาก
แม้ในปัจจุบันจะมีระบบ คลาวด์ ให้ใช้แล้วก็ตาม แต่สำหรับ แฟลชไดร์ฟ นั้นก็ยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องใช้เป็นองค์ประกอบในการทำงานอยู่เสมอ
และนอกจากเรื่องของความจุข้อมูลและความไวของการถ่ายโอนข้อมูลแล้ว ยังมีเรื่องของคุณภาพสินค้าด้วย ที่แม้แต่ผู้ใช้งานทั่วไปก็ยังให้ความสำคัญในจุดนี้ เพราะแน่นอนว่าการเก็บข้อมูลสำคัญนั้นมักจะควบคู่กับความต้องการเก็บรักษาไว้อย่างยาวนานไปด้วยกัน
นั่นจึงทำให้มี แฟลชไดร์ฟ ในเกรดสูงขึ้นในเรื่องของคุณภาพ และ แบรนด์ ที่เชื่อถือได้มาเป็นอีกทางเลือกในท้องตลาด
อีกทั้ง แฟลชไดร์ฟ บางรุ่นยังมีเทคโนโลยีในการปกป้องข้อมูลด้วย ซึ่งเหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับข้อมูลสำคัญทางราชการหรืออื่น ๆ ซึ่งสินค้าบาง แบรนด์ ที่มีการใช้งานในระดับการปกป้องสูง ราคาของสินค้าก็อาจจะมาพร้อมกับราคาของ software ในการปกป้องด้วยนั่นเอง
นอกจากนี้ประสิทธิภาพของ แฟลชไดร์ฟ คุณภาพสูง ก็ยังมีในเรื่องประเด็นของความแข็งแรงทนทาน แฟลชไดร์ฟ บางรุ่นสามารถรองรับได้กับการใช้งานในกิจกรรมที่สมบุกสมบันเช่นทนฝุ่น ทนร้อน ทนหนาว และทนฝนทนความชื้นเป็นต้น
เหมาะสำหรับผู้ใช้งานในภารกิจที่ต้องปฏิบัติงานภายใต้สภาพแวดล้อมแบบลุย ๆ
หรือ แฟลชไดร์ฟ บางรุ่นยังมีความทนทานต่อกระแสไฟ ซึ่งมีการใช้วัสดุคุณภาพสูงที่ให้ความมั่นใจได้ว่า เหตุกระทบทั่วไปที่เกิดขึ้นกับกระแสไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นกระแสไฟฟ้าตกกระแสไฟฟ้าเกิน หรือเกิดแรงกระชาก ซึ่งมักทำให้อุปกรณ์เกิดความเสียหายนั้น จะลดโอกาสเสี่ยงลง อันเนื่องมาจากวัสดุคุณภาพที่อยู่ภายในโครงสร้างนั้นมักทนทานกว่า

อย่างไรก็ตามในโลกของอุปกรณ์สินค้า แฟลชไดร์ฟ แม้จะมีความหลากหลายและความแตกต่าง รวมไปถึงคุณภาพต่าง ๆ ที่มีให้เลือกซื้ออยู่หลายเกรด แต่สำหรับการใช้งานทั่วไปนั้น แฟลชไดร์ฟ แบบธรรมดาหรือ classic usb ที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดวงกว้าง ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานแล้ว
โดยเฉพาะหากต้องการใช้งานแค่เพียงในกิจวัตรประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนนักศึกษาข้าราชการหรือพนักงานเอกชน
แต่เมื่อไหร่ก็ตามหากคุณจะต้องทำงานอยู่ในวงการเฉพาะทาง กรณีนี้ แฟลชไดร์ฟ ในเกรดคุณภาพสูงก็คือสิ่งที่จะตอบโจทย์มากที่สุด