แฟลชไดร์ฟราคาหลักร้อยกับหลักพันนั้นต่างกันตรงไหน

เคยสงสัยไม่ว่า แฟลชไดร์ฟ ราคาหลักร้อยกับหลักพันนั้นต่างกันตรงไหนแฟลชไดร์ฟนั้นมีหลากหลายรูปแบบมากในปัจจุบัน ทั้งแฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟยาง แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ แฟลชไดร์ฟรีไซเคิล แฟลชไดร์ฟคริสตัล...

เคยสงสัยไม่ว่า แฟลชไดร์ฟ ราคาหลักร้อยกับหลักพันนั้นต่างกันตรงไหน

แฟลชไดร์ฟนั้นมีหลากหลายรูปแบบมากในปัจจุบัน ทั้งแฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟยาง แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ แฟลชไดร์ฟรีไซเคิล แฟลชไดร์ฟคริสตัล แฟลชไดร์ฟปากกา แฟลชไดร์ฟคลาสสิค วันนี้มีเรามีคำตอบมาฝากกัน ไขข้อสงสัยเรื่องของ แฟลชไดร์ฟ กันว่าทำไมแฟลชไดร์ฟถึงมีหลายช่วงราคากัน มีตั้งแต่ราคาไม่กี่ร้อยไปจนถึงราคาพันกว่าบาทหรือหลายพันบาทก็มี วันนี้เราลองนำแฟลชไดร์ฟ ทั้งหมด 4 รุ่น 4 ช่วงราคาด้วยกันตั้งแต่ไม่กี่ร้อย และหลักพันบาทอยู่ 2 ตัว มาเปรียบเทียบกันว่าจะแตกต่างกันแค่ไหน

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับคำว่า USB กันก่อน โดย USB ย่อมาจากคำว่า Universal Serial bus ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกให้การยอมรับเรื่องการเชื่อมต่อของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์นั่นเอง โดยเทคโนโลยี USB นี้ ถูกคิดค้นในปี 1994 โดยมีนาย Ajay Bhatt ร่วมมือกับองค์กรทั้ง 5 องค์กรด้วยกันทั้ง Intel Apple Microsoft Compac แล้วก็ HP นั่นเอง โดยความเร็วเริ่มต้น ที่มี USB มาเนี่ยความเร็วอยู่ที่ 1.5 MB/s ถือว่าค่อนข้างช้าเลยล่ะ แล้วก็มีการพัฒนามาเรื่อย ๆ จนเป็น USB 2.0 และ 3.0 ในปัจจุบันนี้นั่นเอง ซึ่งล่าสุดก็มีเป็นแบบ USB 3.2 Gen 2 เลยทีเดียว โดยปัจจุบันนี้ จะมี USB ที่ใช้กันอยู่สองมาตรฐานในด้วยกันคือ USB 2.0 กับ USB 3.0 ซึ่งมันแตกต่างกันง่าย ๆ หลัก ๆ แล้วคือแตกต่างกันเรื่องของความเร็วนั่น โดย USB 2.0 จะมีความเร็วอยู่ที่ 480 MB/s หรือราว 60 MB/s ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2000 จนถึงทุกวันนี้ ส่วน USB 3.0 นั้นจะมีเร็วกว่า USB 2.0 ถึง 10 เท่าเลยทีเดียว ซึ่ง USB 3.0 จะมีความเร็วสูงสุดราว ๆ 5 GB/s หรือราว ๆ 620 MB/s นั่นเอง ลองเอามาหาร 8 นะ

ด้วยความแตกต่างระหว่าง ระหว่าง USB 2.0 กับ USB 3.0 ที่ดูได้จากภายนอกก็คือหัวเชื่อมต่อของมันเองนะ โดยหัวของ USB 2.0 นั้นจะเป็นสีดำแถมด้านล่างเป็นสีดำส่วน USB 3.0  หัวของมันเนี่ยจะเป็นสีฟ้าเป็นมาตรฐานสากลที่เขาใช้กัน แต่อาจจะมีบางแบรนด์ที่อาจจะไม่ได้ยึดสีตามนี้ ส่วนพอร์ต USB 3.0 ที่อยู่บนตัว Notebook หรือ PC  ความแตกต่างกันก็คือถ้าเป็น USB 3.0 จะมีสัญลักษณ์ SS คือซุปเปอร์สปีดบอกมาแต่ถ้าเป็น USB 2.0 จะเป็นสัญลักษณ์ USB  ปกตินั่นเอง

ต่อมาภายในปี 2013 ก็เกิด USB 3.1 ขึ้นมา โดยจะแบ่งเป็น 3.1 Gen 1 และ 3.1 Gen 2 นั่นเอง

USB 3.1 Gen 1 ก็คือจะเหมือนกับ 3.0 ทุกอย่างเลยแค่เปลี่ยนชื่อเท่านั้น ความเร็วสูงสุดเนี่ยก็ยังคงเดิมอยู่ที่ 5 GB/s แต่ถ้าเป็น USB 3.1 Gen 2 เนี่ยความเร็วจะสูงถึง 10 GB/s ด้วยกัน โดยพอร์ตเชื่อมต่อนั้นจะมี SS แล้วก็เลข 10 ห้อยมาด้วย

มาถึงตรงนี้แล้วหลายท่านอาจจะงงกันว่าทำไมถึงต้องตั้งชื่อให้ยุ่งยากด้วย แต่พอมาในปี 2017 นี้บอกว่าเริ่มสับสนเข้าไปอีก เพราะว่าจะมีมาตรฐาน USB 3.2 เข้ามาด้วย แบ่งออกเป็น 3 มาตรฐานด้วยกันก็คือ USB 3.2 Gen 1 แล้วก็มี USB 3.2 Gen 2 แล้วก็สุดท้ายเป็น USB 3.2 Gen 2 x 2

ซึ่ง USB 3.2 Gen 1 ความเร็วมันก็เท่ากับ USB 3.0 และ USB 3.1 Gen 1 สูงสุดที่ 5 GB/s ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเปลี่ยนชื่อทำไม ส่วน USB 3.2 Gen 2 อันนี้ก็มีความเร็วเท่ากับ USB 3.1 Gen 2 ก็คือสูงสุดที่ 10 GB/s ก็คือเปลี่ยนชื่อเหมือนเดิม แล้วสุดท้าย USB 3.2 Gen 2 x2 ตัวนี้เร็วขึ้นมาจริง ๆ จะมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 20 GB/s หรือมีความเร็วประมาณ 2,500 MB/s ด้วยกันบอกเลยว่าเร็วมากจริง ๆ และนี่ก็เป็นประวัติคคร่าว ๆ ของ USB นั่นเอง

แฟลชไดร์ฟที่ได้มาทดสอบความเร็วสูงสุดจะอยู่ในมาตรฐาน USB 3.1 ที่เพิ่งจะมีขายในบ้านเราทั่วไปนะแฟลชไดร์ฟ ตัวนี้มันต่างจากรุ่นอื่นยังไงบ้างไปดูกัน

โดยอุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบจะเป็นตัวโน้ตบุ๊ครุ่น ASUS Rog Zephyrus G14 เครื่องนี้ ด้วยพอร์ต USB Type A ของเขาจะเป็นแบบ USB 3.2 Gen 1

สำหรับการทดสอบ แฟลชไดร์ฟครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 3 ทางด้วยกันก็คือ 1 ทดสอบด้วยโปรแกรม Crystal Disk Mark คือเป็นการทดสอบแฟลชไดร์ฟตามปกติ 2 ทดสอบร่างไฟล์วิดีโอ 1 ไฟล์ ขนาด 4 GB

แล้วก็ 3 ทดสอบไฟล์ 4K ไม่ใช่วีดีโอนะแต่เป็นการลากไฟล์จำนวนเยอะ ๆ เป็นหมื่นเป็นแสนไฟล์มันจะต่างกันแค่ไหนใน

โดยแฟลชไดร์ฟที่นำมาทดสอบจะมี 4 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ Sandisk Cruzer Dial ขนาด 16 GB ตัวนี้ราคาประมาณร้อยต้น ๆ

ตัวที่ 2 Sandisk Ultra dual  ตัวนี้จะเป็น USB 3.0 แล้ว ขนาด 32 GB ด้วยกันราคาอยู่ที่ 200 ต้น ๆ เหมือนกัน แล้วก็ตัวที่ 3 จะเป็นตัว Sandisk Extreme Go ขนาด 128 GB ตัวนี้ราคา 990 บาท แล้วก็ตัวสุดท้าย เป็น sandisk Extreme Pro 128 GB ด้วยกันตัวนี้จะแพงที่สุดเลยราคาอยู่ที่ 1,450 บาท

มาดูกันว่าแฟลชไดร์ฟ 4 รุ่นนี้นั้นจะต่างกันแค่ไหนไปดูกัน

มาดูผลทดสอบเจ้าตัว Crystal Disk Mark ของ sandisk cruzer กันก่อน ซึ่งเป็นมาตรฐาน USB 2.0 มีค่าการอ่านอยู่ที่ 39 MB/s มีค่าการเขียนอยู่ที่ 11 MB/s ด้วยกัน ก็ถือว่าค่อนข้างน้อยเลยทีเดียว ส่วนค่า Random 4k จะมีค่าการอ่านอยู่ที่ราว 5 MB/s ค่าการเขียนอยู่ที่ 1 MB/s ด้วยกัน

ต่อมาเป็นตัว Sandisk Ultra Dual ขนาด 32 GB ตัวนี้จะเป็นมาตรฐาน USB 3.0 ดูแล้ว โดยมีค่าการอ่านอยู่ที่ 139 MB/s มีค่าการเขียนอยู่ที่ 22 MB/s ด้วยกัน แล้วก็ค่า Random 4k จะมีค่าการอ่านอยู่ที่ 6 MB /s แล้วก็ค่าการเขียนอยู่ที่ 2 MB/s มีค่าการอ่านเร็วขึ้นกว่าเดิม 4 เท่าแล้วก็ค่าการเขียนเร็วขึ้นกว่าเดิม 2 เท่าด้วยกัน

ถัดมา ตัวที่ 3 มาดู Sandisk Extreme Glow  ขนาด 128 GB ตัวนี้ก็จะมีค่าการอ่านที่ 202 MB/s ค่าการเขียนอยู่ที่ 155 MB/s ด้วยกันส่วนค่า Random 4k จะมีค่าการอ่านอยู่ที่ 7 MB/s แล้วก็ค่าการเขียนอยู่ที่ราวๆ 1 MB/s จะสูงขึ้นกว่าตัว Ultra dual ขึ้นมาอีกหลายเท่าเลยทีเดียว แต่มีข้อสังเกตก็คือ ค่า Random 4k จะต่ำกว่า USB 2.0 เสียอีก

และสุดท้าย ตัวที่แพงที่สุดก็คือ Sandisk Extreme Pro ขนาด 128 GB จะมีค่าการอ่านอยู่ที่ 404 MB/s แล้วก็ค่าการเขียนอยู่ที่ 347 MB/s ด้วยกัน ส่วนค่า Random 4k จะมีค่าการอ่านอยู่ที่ 13 MB/s แล้วก็ค่าการเขียนอยู่ที่ 9 MB/s ด้วยกัน

เราจะมาดูผลทดสอบการลากไฟล์โอนไฟล์กันบ้าง ซึ่งเป็นเจ้าตัวไฟล์วีดีโอขนาด 4 GB

เริ่มต้นด้วยตัว Sandisk Cruzer Dial ที่เป็น USB 2.0 16 GB ตัวนี้จะใช้เวลาในการลากไฟล์จากคอมไปยัง USB อยู่ที่ 15 นาทีกับอีก 27 วินาทีด้วยกัน ส่วนล่างไฟล์จาก USB ลงคอม ใช้เวลาทั้งสิ้น 1 นาที 58 วินาที

ต่อไปจะเป็น Sandisk Ultra Dual ที่เป็น 3.0 ขนาด 32 GB  จะใช้เวลาในการลากไฟล์จากคอมไปแฟลชไดร์ฟ อยู่ที่ 3 นาที 21 วินาที ลากไฟล์จาก แฟลชไดร์ฟ ลงมาเครื่อง จะใช้เวลาเพียง 33 วินาทีเท่านั้น จะเห็นได้ว่า USB 2.0 กับ 3.0 นั้นต่างกันมากเลยทีเดียว

ทีนี้มาดู Sandisk Extreme Glow กันบ้าง จะใช้เวลาลากไฟล์จากคอมไปแฟลชไดร์ฟ อยู่ที่ 30 วินาทีด้วยกัน แล้วก็ลากไฟล์จาก แฟลชไดร์ฟ ลงมาสู่คอมใช้เวลา 22 วินาที ตัวนี้ก็เร็วขึ้นมาก ๆ เลย แต่จะเร็วกว่าในส่วนของการลากไฟล์ไปยังแฟลชไดร์ฟ หรือค่าการอ่านนั่นเอง

และสุดท้าย ตัว Extreme Pro  อันนี้เร็วที่สุดเลย ใช้เวลาลากไฟล์วีดีโอ 4G ไปยังแฟลชไดร์ฟ  เพียงแค่ 17 วินาทีเท่านั้น แล้วการลากไฟล์จาก แฟลชไดร์ฟ ลงเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นใช้เวลา 11 วินาทีเท่านั้นบอกเลยว่ารวดเร็วมาก ๆ

มาดูผลสอบ Random 4K กันบ้างครับหรือว่าทดสอบโอนไฟล์ลากไฟล์เยอะ ๆ กันบ้าง เป็นแสน ๆ ไฟล์ “โดยไฟลที่จะมาทดสอบมีทั้งหมด 144,000 กว่าไฟล์ ขนาด 1.98 GB โดยเจ้าตัว Sandisk Cruzer Dial ขนาด 16 GB เนี่ยจะใช้เวลาในการลากจากคอมไปยัง USB อยู่ที่ 42 นาที 58 วินาที ส่วนลากจาก แฟลชไดร์ฟ ลงมายังคอมพิวเตอร์นั้นจะใช้เวลาอยู่ที่ 10 นาทีกับอีก 9 วินาที เรียกได้ว่าช้ากว่าลากไฟล์วิดีโอ 4 GB ที่มีขนาดใหญ่กว่า เยอะเลย ถัดมามาดูตัว Sandisk Ultra Dua ใช้เวลาทั้งสิ้น 44 นาทีกับอีก 32 วินาทีด้วยกัน ลากไฟล์จากแฟลชไดร์ฟลงคอมพิวเตอร์ใช้เวลาทั้งสิ้น 14 นาทีกับอีก 48 วินาที อแอบช้ากว่า แฟลชไดร์ฟ 2.0

ต้อมาเป็นตัว Sandisk Extreme Glow ลองลากไฟล์จากคอมพิวเตอร์เข้าสู่ แฟลชไดร์ฟ ใช้เวลามากกว่าตัวอื่นเลย ใช้เวลาทั้งสิ้น 58 นาทีกับอีก 39 วินาที แล้วก็ลากไฟล์จาก แฟลชไดร์ฟ เข้าสู่คอมพิวเตอร์ ใช้เวลาอยู่ที่ 27 นาทีกับอีก 6 วินาที ตัวนี้เยอะกว่า 2 ตัวแรกที่เป็นมาตรฐาน USB 3.1

แล้วก็สุดท้าย ตัว Extreme Pro เนี่ยวันนี้ประทับใจมากลากไฟล์จากคอมพิวเตอร์ไปยัง แฟลชไดร์ฟ  จะใช้เวลาทั้งสิ้น 16 นาทีกับอีก 46 วินาทีด้วยกัน แล้วก็ลากไฟล์จาก แฟลชไดร์ฟ เข้าสู่คอมพิวเตอร์ใช้เวลาอยู่ที่ 9 นาทีกับอีก 20 วินาที เร็วที่สุดเลยถือว่าเร็วกว่าตัวอื่นเป็นหลายเท่าตัวเลย

จากการทดลองจะเห็นได้ว่า แฟลชไดร์ฟ ยิ่งราคาสูงประสิทธิภาพก็ยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย และทั้งหมดนี้ก็เป็นการทดลองแฟลชไดร์ฟที่ว่าแฟลชไดร์ฟราคาหลักร้อยกับหลักพันนั้นต่างกันตรงไหน

สินค้าที่คุณอาจสนใจ













แฟลชไดร์ฟเพิ่มความจำสำหรับไอโฟน

โดยทั่วไปแล้วแฟลชไดร์ฟนั้นมีขายตามท้องตลาดทั่วไปอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ไม้ แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟยาง แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ แฟลชไดร์ฟหนัง แฟลชไดร์ฟคริสตัล แต่แฟลชไดร์ฟชนิดหนึ่งที่ถูกผลิตออกมาโดยเฉพาะสำหรับสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ iOS นั่นคือ แฟลชไดร์ฟไอโฟน...

โดยทั่วไปแล้วแฟลชไดร์ฟนั้นมีขายตามท้องตลาดทั่วไปอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ไม้ แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟยาง แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ แฟลชไดร์ฟหนัง แฟลชไดร์ฟคริสตัล แต่แฟลชไดร์ฟชนิดหนึ่งที่ถูกผลิตออกมาโดยเฉพาะสำหรับสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ iOS นั่นคือ แฟลชไดร์ฟไอโฟน นั่นเอง

ตัวช่วยสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มความจำบนสมาร์ทโฟนยอดนิยมอย่างไอโฟน ด้วยแฟลชไดร์ฟไอโฟน

สำหรับคนที่มีปัญหา iPhone, iPad พื้นที่จัดเก็บไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ไม่มีคอมพิวเตอร์ ปัญหาอินเทอร์เน็ตไม่แรง ไม่สามารถอัพเดทข้อมูลลงบน iCloud ได้ทันเวลา ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป สบายใจได้เลยเมื่อมีแฟลชไดร์ฟไอโฟน ไม่ว่าจะเป็น iPhone iPad และยังสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของเราได้อีกด้วย โดยแฟลชไดร์ฟไอโฟนมีความจุให้เลือกมากมาย ทั้ง 16 GB 32 GB 64 GB และยังสามารถพกพาแฟลชไดร์ฟไอโฟนไปไหนมาไหนได้อีกด้วย บางรุ่นสามารถเสียบใช้งานกับคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนในระบบปฏิบัติการandroid อีกด้วย

ขั้นตอนการใช้งานก็ง่ายแสนง่าย

ในเวลาที่ทำการเชื่อมต่อแฟลชไดร์ฟกับไอโฟน ระบบจะมีหน้าต่างแสดงขึ้นมาเพื่อให้เราทำการอนุญาตการใช้งานเชื่อมต่อระหว่างสมาร์ทโฟนและแฟลชไดร์ฟ และทำการติดตั้ง application ในการใช้งานอุปกรณ์ตัวนี้

แฟลชไดร์ฟไอโฟนนั้นสามารถใช้งานได้ง่าย สะดวกสบายเป็นอย่างมากสำหรับคนที่อยู่ในช่วงวัยทำงาน ใครที่ทำงานถ่ายภาพจำนวนมากแต่กลัวว่าพื้นที่ในการจัดเก็บจะไม่เพียงพอ ก็สามารถถ่ายภาพและเซฟลงบนแฟลชไดร์ฟไอโฟนได้เลย ไม่ว่าจะถ่ายภาพ ถ่ายVlog ถ่ายวีดีโอ ต่าง ๆ

ในสมัยก่อนที่ยังไม่มีอุปกรณ์อย่างแฟลชไดร์ฟไอโฟน การถ่ายภาพ การถ่ายวีดีโอ ไฟล์จะถูกจัดเก็บลงในความจำของเครื่องที่มีพื้นที่อย่างจำกัด บางครั้งต้องการใช้งานไอโฟนแต่มีงบประมาณที่จำกัด ถ้าหากต้องการใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ที่สามารถใส่ไฟล์ปริมาณมาก ก็จำเป็นจะต้องซื้อไอโฟนที่มีความจุสูงขึ้น ซึ่งหากไอโฟนที่มีความจุสูงขึ้นจะมีราคาสูงขึ้นเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เราจึงจำเป็นต้องหาซื้ออุปกรณ์เสริมที่ช่วยประหยัดงบในกระเป๋าและยังสามารถเพิ่มปริมาณความจุให้ไอโฟนของเราได้เป็นอย่างดี

ปัญหาที่หลายคนเจอคือการจะแชร์ไฟล์รูป ไฟล์เพลง ไฟล์วีดีโอ เข้า-ออก เครื่องมือถือไอโฟนนั้นแสนจะยุ่งยากเสียเหลือเกิน ไม่ใช่เพียงแค่ไอโฟนอย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ iOS แฟลชไดร์ฟไอโฟนสามารถใช้งานส่งไฟล์ รูปภาพ เพลง วิดีโอ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องไหน ๆ ก็สามารถแชร์ข้อมูลได้โดยไม่ต้องใช้สายเสียบให้ยุ่งยากอีกต่อไปแล้ว เพราะสมัยก่อนในตอนที่จะทำการลงข้อมูลจากเครื่องไปยังคอมพิวเตอร์ ต้องทำงานหลายขั้นตอน กว่าจะหารูปภาพ หาไฟล์ หาโฟลเดอร์ ทำให้ยุ่งยากไปเสียหมด หรือบางครั้งที่เราถ่ายรูปเอาไว้จำนวนมากและต้องการจะแชร์ภาพนั้นให้เพื่อน ๆ ทันทีในเวลาที่เราอยู่นอกบ้าน การจะส่งรูปผ่านไลน์ ทำให้คุณภาพของภาพลดลงอีกด้วย แถมยังเปลืองอินเตอร์เน็ตอีก เพียงแค่แฟลชไดร์ฟไอโฟนตัวเดียว เสียบเข้าไปที่มือถือไอโฟนของเราหรือของเพื่อน เราก็สามารถทำการ copy รูปภาพ จากเครื่องมือถือของเราและถอดเพื่อเสียบกับมือถือของเพื่อนพร้อมทั้งแชร์ไฟล์ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วและก็สะดวกมากเลยทีเดียว

ไม่ใช่เพียงแค่ไฟล์รูปภาพเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นไฟล์เพลง ไฟล์วิดีโอ ก็สามารถใช้งานได้เช่นเดียวกัน

และหากจะไม่พูดถึงดีไซน์ของแฟลชไดร์ฟไอโฟนคงเป็นไปไม่ได้ เพราะแฟลชไดร์ฟไอโฟนนั้นถูกผลิตออกให้มีรูปลักษณ์ที่สวยงามเป็นอย่างมากเลยทีเดียว มีความแตกต่างจากแฟลชไดร์ฟชนิดอื่น ๆ อย่าง แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟ โลหะ แฟลชไดร์ฟยาง แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ แฟลชไดร์ฟหนัง แฟลชไดร์ฟคริสตัล เรียกได้ว่า เพียงแค่เห็นผ่าน ๆ ก็สามารถรู้ได้เลยว่าแฟลชไดร์ฟชนิดนี้ คือ แฟลชไดร์ฟไอโฟน นั่นเอง

9 รุ่นแฟลชไดร์ฟที่ดีที่สุดในประเทศไทย

แฟลชไดร์ฟแต่รุ่นก็มีคุณสมบัติและความพิเศษที่แตกต่างไม่ซ้ำกัน บางรุ่นมีปริมาณความจุขนาดใหญ่ บางรุ่นมีปริมาณความจุขนาดเล็ก บางรุ่นมีระบบพอร์ต USB แบบ 2.0 และบางรุ่นมีระบบพอร์ต USB 3.0 ในวันนี้เราจึงได้รวบรวม...

แฟลชไดร์ฟแต่รุ่นก็มีคุณสมบัติและความพิเศษที่แตกต่างไม่ซ้ำกัน บางรุ่นมีปริมาณความจุขนาดใหญ่ บางรุ่นมีปริมาณความจุขนาดเล็ก บางรุ่นมีระบบพอร์ต USB แบบ 2.0 และบางรุ่นมีระบบพอร์ต USB 3.0 ในวันนี้เราจึงได้รวบรวม 9 รุ่นแฟลชไดร์ฟสุดฮิตที่ดีที่สุดในประเทศไทยมาให้ทุกท่านได้รู้จักกัน จะมีรุ่นไหนบ้างไปดูกัน

1.SanDisk Ultra USB 3.0 Flash Drive CZ48 100 MB/s – 16 GB (SDCZ48-016G-U46)

แฟลชไดร์ฟรุ่นนี้มีความจุของหน่วยความจำที่ 16 GB เป็นแฟลชไดร์ฟแบรนด์ SanDisk มาพร้อมกับพอร์ต USB แบบ 3.0 ซึ่งมีความรวดเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลแบบ Speed ด้วยความเร็ว 100 MB/s เลยทีเดียวแถมยังสามารถใช้งานได้ง่าย รูปทรงทันสมัย ราคาถูก และมีความแข็งแรงอีกด้วย

2.Kingston Portable Metal DT101 G2 128GB USB Flash Drive (WHITE)

แฟลชไดร์ฟ Kingston รุ่นนี้มาพร้อมความจุของหน่วยความจำขนาดใหญ่ถึง 128 GB เลยทีเดียว ตัวบอดี้ของแฟลชไดร์ฟรุ่นนี้เป็นสีขาว มีระบบพอร์ต USB แบบ  2.0 จุดเด่นของแฟลชไดร์ฟรุ่นนี้นอกจะมีความจุจำนวนมากแล้ว ตัวแฟลชไดร์ฟยังมีขนาดเล็ก สวยงาม สามารถพกกาได้อย่างสะดวก พร้อมการรับประกันจากผู้ขาย 1 ปี

3.USB FLASH DRIVE HP V250W 2TB

แฟลชไดร์ฟรุ่นนี้มีความจุขนาดพิเศษสูงถึง 2 TB เรียกได้ว่าความจะสูงมาก สามารถจุไฟขนาดใหญ่ได้เป้นจำนวนมากเลยทีเดียว มาพร้อมราคาที่คุ้มค่า และสามารถจัดเก็บไฟล์ขนาดใหญ่ได้ เป็นหนึ่งในแฟลชไดร์ฟที่น่าลองซื้อมาใช้งานเสียจริง ๆ

4.APACER FLASH DRIVE 8 GB  AH223 (WHITE)

แฟลชไดร์ฟรุ่นนี้มีราคาอยู่ที่หลักร้อยต้น ๆ เท่านั้น กับคุณภาพที่มาคุ้มเกินราคา พร้อมการรรับประกันตลอดอายุการใช้งาน พร้อมกับความจุ 8 GB มีความเร็วในการอ่านไฟล์ 10 MB/s และความเร็วในการบันทึกไฟล์ 3 MB/s เลยทีเดียว

5.OMG Flash Drive 64Gb USB 2.0 พวงกุญแจ High Speed Full Color

แฟลชไดร์ฟรุ่นนี้ มีพวกกุญแจติดมาด้วย สามารถห้อยเพื่อป้องกันการสูญหายได้เป็นอย่างดี หมดปัญหาหล่นหายอย่างแน่นอน แฟลชไดร์ฟรุ่นนี้มาพร้อมความจุ 64 GB มีความเร็วในการอ่านไฟล์ 5-15 MB/s และความเร็วในการบันทึกไฟล์ 1-4 MB/s

6.Swivel 32 GB 32 กรัม USB 2.0 แฟลชไดร์ฟหน่วยความจำ U Disk สำหรับ OTG

แฟลชไดร์ฟรุ่นนี้มีความจุ 32 GB ราคาเพียงหลักร้อยต้น ๆ เท่านั้น ความเร็วในการบันทึกไฟล์ 5-9 MB/s และความเร็วในการอ่านไฟล์ 15-20 MB/s ตัวบอดี้พิเศษผลิตจากซิลิโคนคุณภาพดี แข็งแรง และมีความยืดหยุ่น ไม่เปราะหักง่ายนั่นเอง

7.Toshiba 32 GB Hayabusa USB 3.0 Flash Drive

แฟลชไดร์ฟคุณภาพดีจาก Toshiba ที่มาพร้อมกับพอร์ต USB 3.0 พร้อมการรรับประกันคุณภาพจากผู้ขาย 5 ปี รูปทรงทันสมัย สวยงาม และมีขนาดเล็กอีกด้วย

8.USB Key 1TB / 2TB Shockproof – 100% – 2000 GB USB 3.0 High Speed Storage Drive Flash SSD

แฟลชไดร์ฟ 1 TB ในราคาหลักพันที่สามารถจุไฟลได้เป้นจำนวนมาก และดีไซน์สวยงาม พกพาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย

9.Kingston USB Flash drive 256 GB รุ่น DT101

แฟลชไดร์ฟรุ่นนี้ มีราคาถูกที่สุดในบรรดาแฟลชไดร์ฟทั้งหมดที่เรากล่าวมาข้างต้นในราคาเพียงไม่ถึงร้อยแต่ความจุนั้นกลับให้มาเกิน 100 เพราะแฟลชไดร์ฟรุ่นนี้มีความจุสูงถึง 256 GB เลยทีเดียว แถมยังผลิตจากวัสดุคุณภาพดีอีกด้วย คุ้มค่าเกินราคาจริง ๆ

และทั้งหมดนี้ก็เป็นตัวอย่างของแฟลชไดร์ฟรุ่นฮิตในปี 2021

หากสนใจแฟลชไดร์ฟคุณภาพ ราคาถูก คุ้มค่า สามารถติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์ 02-408-1377

โรงงานผลิตแฟลชไดร์ฟ แฟลชไดร์ฟพรีเมี่ยม ทั้ง แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟคลาสสิค แฟลชไดร์ฟรีไซเคิล แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ แฟลชไดร์ฟยาง แฟลชไดร์ฟหนัง แฟลชไดร์ฟคริสตัล แฟลชไดร์ฟปากกา และแฟลชไดร์ฟรูปแบบอื่น ๆ อีกมากมาย

 

สินค้าที่คุณอาจสนใจ

สั่งทำ สั่งผลิต USB แฟลชไดร์ฟ พร้อมสกรีนโลโก้ แบรนด์ องค์กร หรือข้อความของคุณได้ง่าย ๆ สอบถามได้เลย













USB 3.0 คืออะไร ?

หลายคนอาจจะเคยสงสัยว่าแฟลชไดร์ฟ USB 3.0 คืออะไรทำไมต้องเป็น USB 3.0 ล่ะ แล้วแฟลชไดร์ฟที่ใช้งานอยู่ทุกวันนี้นั้นเป็น USB ประเภทไหน ใช่ USB 3.0 หรือไม่ ?วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยระหว่างพอร์ต USB 3.0 และพอร์ต USB 2.0 กันว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรแล้วแฟลชไดร์ฟที่ใช้งานอยู่ทุกวันนี้นั้น เป็นพอร์ต USB 3.0 หรือพอร์ต...

หลายคนอาจจะเคยสงสัยว่าแฟลชไดร์ฟ USB 3.0 คืออะไร

ทำไมต้องเป็น USB 3.0 ล่ะ แล้วแฟลชไดร์ฟที่ใช้งานอยู่ทุกวันนี้นั้นเป็น USB ประเภทไหน ใช่ USB 3.0 หรือไม่ ?

วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยระหว่างพอร์ต USB 3.0 และพอร์ต USB 2.0 กันว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร

แล้วแฟลชไดร์ฟที่ใช้งานอยู่ทุกวันนี้นั้น เป็นพอร์ต USB 3.0 หรือพอร์ต USB 2.0 กันล่ะ

มีบางท่านยังคงสงสัยว่า USB 3.0 กับ USB 2.0 แตกต่างกันอย่างไร ถ้านำมาใช้งานกับคอมพิวเตอร์ของเราจะสามารถใช้งานได้หรือไม่ ความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลจะเปลี่ยนไปหรือไม่

พอร์ต USB 3.0 คือมาตรฐานการรับ-ส่งข้อมูล ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจากเดิม แต่ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติเหมือน แฟลชไดร์ฟที่มีพอร์ต USB 2.0 เหมือนเดิม แต่จุดสังเกตที่เปลี่ยนไปของ USB 3.0 นั้น ที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยนั่นก็คือ พอร์ตหรือหัวเสียบจะมีสีฟ้า และหัวต่อจะมีสัญลักษณ์ SS เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจและแยกออกว่า แฟลชไดร์ฟที่ใช้งานอยู่นั้นเป็นพอร์ต USB 3.0 หรือพอร์ต USB 2.0 นั่นเอง

การปรับปรุงความเร็วในทางทฤษฎี

แฟลชไดร์ฟที่ใช้พอร์ต USB 3.0 นั้นมีประสิทธิภาพในการใช้งานที่มากกว่า แฟลชไดร์ฟที่ใช้พอร์ต USB 2.0

พอร์ต USB 3.0 มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลสูงถึง 5 Gbp/วินาที ซึ่งพอร์ต USB 2.0 มีความเร็วในการรับ-ส่งเพียงแค่ 480 Mbp/วินาที เท่านั้น ซึ่งมีความเร็วมากกว่าถึง 10 เท่าเลยทีเดียว

หากเป็นอย่างนี้แล้วพอร์ต USB 3.0 จะสามารถใช้งานร่วมกับพอร์ต USB 2.0 ได้ไหม หลายคนอาจะมีข้อสงสัยเพราะทุกวันนี้ยังมีการใช้งานแฟลชไดร์ฟพอร์ต USB 2.0 กันอยู่ หรืออาจะซื้อแฟลชไดร์ฟติดตัวไว้ใช้งานตั้งแต่ยุคที่ยังไม่มีการพัฒนาพอร์ต USB 3.0 ขึ้นมาใช้งานเลยด้วยซ้ำ

 

คำตอบคือ พอร์ต USB 3.0 สามารถใช้งานร่วมกับพอร์ต USB 2.0 ได้ตามปกติ

แต่ถ้าหากเรานำแฟลชไดร์ฟที่มีพอร์ต USB 2.0 มาเสียบกับพอร์ต USB 3.0 ความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลจะถูกปรับให้อยู่ในรูปแบบของ USB 2.0 โดยอัตโนมัติ และหากนำแฟลชไดร์ฟที่มีพอร์ต USB 3.0 ไปเสียบกับ พอร์ต USB 2.0 บนคอมพิวเตอร์ ความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลก็จะปรับให้อยู่ในรูปแบบของ USB 2.0 ด้วยเช่นกัน

ในการใช้งานแฟลชไดร์ฟที่มีพอร์ต USB 3.0 อย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุดนั้น จำเป็นจะต้องเสียบใช้งานกับพอร์ต USB 3.0 เช่นเดียวกันถึงจะได้ประสิทธิภาพ USB 3.0 สูงสุด

และในปัจจุบันเรามักจะเริ่มเห็นอุปกรณ์ต่าง ๆ เริ่มเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB 3.0 กันแล้ว เพราะทุกวันนี้การรับส่งข้อมูลนั้นมีขนาดใหญ่มากขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องใช้รูปแบบการรับส่งข้อมูลที่รวดเร็ว ว่องไวมากขึ้น หากยังคงใช้รูปแบบการรับ-ส่งแบบเดิมอาจจะไม่ทันเวลาก็เป็นได้ แต่พอร์ต USB 2.0 ในปัจจุบันยังคงมีการใช้งานอยู่อย่างต่อเนื่อง โลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงในทุก ๆ วัน เทคโนลียีมีการพัฒนาอย่างก้าวไกล การจะใช้พอร์ต USB 3.0 นั้น ช่วยตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีต่าง ๆ จะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน หากเรามีการปรับตัวในทันโลก ทันเหตุการณ์ การใช้ชีวิตในแต่ละวันก็จะไม่มีอุปสรรคอะไรมาขัดขวางให้เราก้าวต่อไปอย่างแน่นอน บางครั้งปัญหาก็เหมือนข้อมูลในแฟลชไดร์ฟ หากเราเก็บรักษามากจนเกินไป สุดท้ายก็ต้องลบมันออกไปอยู่ดี เพราะเราต้องเหลือพื้นที่ว่างให้กับความสุขที่ผ่านเข้ามา

หากสนใจแฟลชไดร์ฟ ไม่ว่าจะเป็น แฟลชไดร์ฟ ไม้, แฟลชไดร์ฟ การ์ด, แฟลชไดร์ฟ โลหะ, แฟลชไดร์ฟ รีไซเคิล, แฟลชไดร์ฟ ยาง, แฟลชไดร์ฟ ทวิสเตอร์, แฟลชไดร์ฟ กระดาษ, แฟลชไดร์ฟ หนัง, แฟลชไดร์ฟ ปากกา, แฟลชไดร์ฟ คริสตัล, แฟลชไดร์ฟ เหล็ก

สินค้าที่คุณอาจสนใจ













USB flash drive ยังนิยมใช้กันงานกันอยู่ไหม?

อุปกรณ์ยอดฮิตที่เชื่อว่าหลายคนในปัจจุบันยังคงใช้กันอยู่...

อุปกรณ์ยอดฮิตที่เชื่อว่าหลายคนในปัจจุบันยังคงใช้กันอยู่ ถึงแม้จะมีระบบคลาวน์มาแทนในการฝากไฟล์แล้วก็ตาม แต่ความคลาสสิคของการใช้แฟลชไดร์ฟก็ยังคงอยู่แล้วยังมีการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

หากย้อนไปเมื่อประมาณ 12 ปี ก่อน แฟลชไดร์ฟนั้นได้เริ่มมีวางขายในท้องตลาด โดยในช่วงแรกนั้นแฟลชไดร์ฟมีความจุไม่ถึง 100 Mb และยังมีราคาที่ค่อยข้างสูงเอาเรื่องเลยทีเดียว ต่างกับในปัจจุบันนี้ที่ความจุของแฟลชไดร์ฟนั้นเพิ่มมากขึ้นไปถึง 100 GB เลยทีเดียว แถมความจุยอดฮิตที่นิยมนำมาวางขายส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 4 – 32 GB และมีราคาที่ค่อยข้างถูกมากเลยทีเดียว

ที่ทุกวันนี้หลายคนยังคงใช้งานแฟลชไดร์ฟอยู่นั่นเพราะว่า แฟลชไดร์ฟนั้นสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว พกพาง่าย สามารถ copy ไฟล์ต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย และสามารถลบออกได้อย่างสะดวกอีกด้วย และมีความทนทานมากยิ่งขึ้น ต่อให้หล่นพื้นกี่ครั้งก็ไม่พังง่าย ๆ อย่างแน่นอน แต่บนข้อดีก็ยังมีข้อเสียอย่างเรื่องของไวรัส เพราะหากนำแฟลชไดร์ฟไปใช้งานบนคอมพิวเตอร์ที่มีไวรัส ก็อาจจะนำพาไวรัสเข้าสู่แฟลชไดร์ฟและกระจายต่อไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ได้อย่างรวมเร็วหากมีการใช้งานหลายเครื่อง ไวรัสเปรียบเสมือนโรคติดต่อทางไอที ทางที่ดีควรมีการแสกนไวรัสเป็นประจำ สม่ำเสมอนั่นเอง เพื่อเป็นการป้องกันการติดไวรัสขั้นต้น เพราะไวรัสบางตัวอาจไม่สามารถสแกนไวรัสผ่านโปรแกรมแอนตี้ไวรัสตัวเดียวได้

ในปัจจุบันแฟลชไดร์ฟไม่ได้ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ได้แค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์อื่น ๆ อีกอย่าง เครื่องเสียงในรถยนต์ เครื่องเล่น DVD โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น เพราะฉะนั้นแล้วเวลาจะเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟซักหนึ่งชิ้นควรคำนึงถึงการใช้งานของเราด้วยว่าจะนำแฟลชไดร์ฟมาใช้งานในด้านใด เพราะแฟลชไดร์ฟแต่ละชนิดมีการส่งข้อมูลที่แตกต่างกันออกไปรวมทั้งเรื่องราคาอีกด้วยเช่นกัน นอกจากนี้การเลือกแฟลชไดร์ฟยังควรคำนึงในเรื่องของ

1.ความจุ

แฟลชไดร์ฟนั้นมีความจุให้เลือกตั้งแต่ 1 GB ไปจนถึง 32 GB ยิ่งความจุมาก ราคาก็ยิ่งสูงตามไปด้วย หากจะใช้แฟลชไดร์ฟสำหรับเก้บงานทั่วไปส่วนใหญ่นิยมใช้ 8 GB เท่านั้น เพราะมีราคาถูกและสามารถเก็บไฟล์ได้แบบเหลือ ๆ

2.พอร์ตเชื่อมต่อ

ตามปกติแล้วแฟลชไดร์ฟสมัยนี้จะมีพอร์ตเชื่อมต่อเป็นแบบ USB 2.0 ที่มีราคาถูกกว่า USB 3.0 ที่สามารถถ่ายโอนไฟล์ข้อมูลได้เร็วกว่า USB 2.0

3.การรับประกัน

การรรับประกันเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากเลยทีเดียว ในผู้จัดจำหน่ายหลายเจ้าส่วนใหญ่จะมีการรรับประกินสินค้า 1 ปี 2 ปี 5 ปี แต่มีผู้ผลิตของพรีเมี่ยมบางเจ้าที่การันตีการรับประกันสูงถึง 10 ปี เรียกได้ว่ารับประกันตลอดอายุการใช้งานกันเลยทีเดียว

4.รูปแบบของแฟลชไดร์ฟ

สามารถเลือกได้ตามใจเลยไม่ว่าจะเป็น แฟลชไดร์ฟ ไม้ แฟลชไดร์ฟ การ์ด แฟลชไดร์ฟ โลหะ แฟลชไดร์ฟ รีไซเคิล แฟลชไดร์ฟ คลาสสิค แฟลชไดร์ฟ ยาง แฟลชไดร์ฟ ทวิสเตอร์ แฟลชไดร์ฟ หนัง แฟลชไดร์ฟ ปากกา แฟลชไดร์ฟ คริสตัล เป็นต้น

5.ของก๊อปปี้หรือของปลอม

ในปัจจุบันนั้นมีพ่อค้าหัวใสนำแฟลชไดร์ฟของปลอมออกมาขายให้กับคนที่ชอบหาซื้อสินค้าราคาถูก หากเราทำการซื้อมาใช้งานในช่วงแรกอาจจะใช้งานได้ตามปกติแต่พอทำการใช้งานไปสักระยะหนึ่งจะพบกับปัญหาจนต้องทิ้งแฟลชไดร์ฟที่ซื้อมาลงถังขยะไปในทันที เพราะไม่มีการรรับประกันที่ถูกต้องจากผู้จัดจำหน่ายเลย และไม่สามารถส่งเคลมกับทางร้านได้อีกด้วย จึงทำให้อาจจะเสียเงินไปกับการซื้อแฟลชไดร์ฟไปฟรี ๆ ได้นั่นเอง

สินค้าที่คุณอาจสนใจ













วิธีการกู้ไฟล์ที่ลบจากแฟลชไดร์ฟ และคอมพิวเตอร์ไปแล้ว

วิธีการกู้ไฟล์ที่เราเคยลบไปแล้วจาก Drive D Drive C แฟลชไดร์ฟ ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นแฟลชไดร์ฟ การ์ด แฟลชไดร์ฟ ไม้ แฟลชไดร์ฟ...

วิธีการกู้ไฟล์ที่เราเคยลบไปแล้วจาก Drive D Drive C แฟลชไดร์ฟ ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นแฟลชไดร์ฟ การ์ด แฟลชไดร์ฟ ไม้ แฟลชไดร์ฟ คลาสสิค แฟลชไดร์ฟ ทวิสเตอร์ แฟลชไดร์ฟ ยาง แฟลชไดร์ฟ รีไซเคิล ไม่ว่าลบไปนานแค่ไหนหรือพึ่งทำการลบไปเพียงไม่นาน ก็สามารถกู้ข้อมูลกลับคืนมาได้อย่างแน่นอน

ขั้นตอนที่ 1. ไปที่ google chrome ค้นหาโปรแกรม Recuva หรือไปที่ link >>> www.ccleaner.com/recuva และทำการดาวน์โหลดโปรแกรมฟรีโดยคลิกไปที่ปุ่ม Download Free Version ได้ทันที

ขั้นตอนที่ 2. เมื่อดาวน์โหลดเสร็จเรียบร้อยให้ทำการติดตั้งโดยการ ดับเบิ้ลคลิกโปรแกรม Recuva และกด Next > ไปเรื่อย ๆ ได้เลย เมื่อทำการติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้วโปรแกรม Recuva ก็จะมาแสดงที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ (Desktop) ของเราทันที

ขั้นตอนที่ 3 ดับเบิ้ลคลิกไปที่โปรแกรม Recuva จะมี pop up แสดงที่หน้าจอ ให้เราทำการกด Next > ไปเรื่อย ๆ ได้เลย

เมื่อมาถึง หน้า File location จะมีปุ่มตำแหน่งที่เราจะทำการกู้ไฟล์ให้เราเลือก I’m not sure คือการกู้ไฟล์ทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา In a specific location เป็นการเลือกตำแหน่งเฉพาะในการกู้ไฟล์ของเรา โดยในที่นี้เราจะทำการกู้ข้อมูลที่ลบไปแล้วจากแฟลชไดร์ฟเท่านั้น

ขั้นตอนที่ 4 เมื่อทำการติ๊กที่ช่อง In a specific location จะมีแถบให้เราใส่ตำแหน่งหรือไดร์ฟในการกู้ไฟล์ ด้านข้างจะมีปุ่ม Browse… เพื่อให้เราสามารถค้นหา Drive ของแฟลชไดร์ฟของเราได้ ให้ทำการเลือกไดร์ฟของแฟลชไดร์ฟของเราได้ทันที

ขั้นตอนที่ 5 เมื่อค้นหาเสร็จเรียบร้อยให้ทำการกด Next > ได้เลย และหลังจากนั้นก็ทำการกดปุ่ม Start เพื่อเริ่มการกู้ข้อมูลที่ลบไปจากแฟลชไดร์ฟของเราได้ทันที

ขั้นตอนที่ 6 เมื่อเราทำการกู้ข้อมูลเสร็จเรียบร้อยแล้ว โปรแกรมจะแสดงไฟล์ต่าง ๆ ที่เราลบไปมาให้ทั้งหมดให้เราเลือก

เราสามารถเลือกไฟล์ที่เราต้องการกู้กลับคืนมาได้เลยหรือจะเลือกไฟล์ทั้งหมดก็ได้ หลังจากนั้นกดที่คำว่า Recuver…

ขั้นตอนที่ 7 หลังจากกดที่คำว่า Recuver… โปรแกรมจะแสดงป็อปอัพ ถามเราว่าจะให้ไฟล์ที่กู้มาจากแฟลชไดร์ฟ ไปแสดงที่ไหน เราทำการเลือกตำแหน่งที่จะให้ไฟล์ที่กู้จากแฟลชไดร์ฟไปแสดงได้เลย (คำแนะนำ ควรเลือกตำแหน่งแสดงที่ง่ายต่อการค้นหาของเรา) หลังจากนั้นให้กดคำว่า ok การกู้ไฟล์ข้อมูลจากแฟลชไดร์ฟสำเร็จเรียบร้อย กด ok ได้เลย

หลังจากนั้นให้เราลองไปดูที่ไฟล์ที่ทำการกู้ขึ้นมาจากแฟลชไดร์ฟว่าถูกต้อง สามารถใช้งานได้เหมือนเดิมหรือไม่

เพียงเท่านี้ก็เป็นการกู้ข้อมูลที่เราเผลอหรือตั้งใจลบออกจากแฟลชไดร์ฟไปได้แล้ว ไม่ได้ยากอย่างที่ทุกคนคิด และยังง่ายมาก ๆ อีกด้วย

ลองนำวิธีนี้ไปลองใช้กับไฟล์ข้อมูลของคุณกันดูล่ะ หรือนำไปแนะนำบอกต่อเพื่อน ๆ ที่ติดปัญเรื่องการเผลอลบไฟล์ข้อมูลสำคัญออกจากแฟลชไดร์ฟหรือเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับใครหลายคนเลยทีเดียว

ไฟล์ที่ทำการกู้คืนมาจะเปิดใช้งานได้หรือไม่ได้นั้นขึ้นอยู่กับว่าไฟล์นั้น ๆ ที่ทำการลบออกไปเป็นระยะเวลานานแล้วหรือยังหากทำการลบไฟล์ไปเป็นเวลานานแล้ว ไฟล์ที่ทำการลบออกไปนั้นอาจเสียหายได้ และอาจจะทำให้ไม่สามารถเปิดไฟล์ข้อมูลนั้นได้ หากทำการลบไฟล์ออกจากแฟลชไดร์ฟไปนานนมแล้วมีสิทธิ์ที่จะเปิดใช้งานไม่ได้สูง แต่ถ้าหากว่าเราพึ่งทำการลบไฟล์ออกไปไม่นาน ก็สามารถเปิดใช้งานใหม่ได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ลองนำวิธีการกู้แฟลชไดร์ฟนี้ไปลองใช้กันดูนะ

และโปรแกรมนี้ยังได้รับความนิยมอย่างมากจากทางช่างซ่อมคอมพิวเตอร์หลาย  ๆ เจ้าที่เปิดให้บริการร้านซ่อมคอมพิวเตอร์อีกด้วย

แฟลชไดร์ฟบัตรเครดิต รูปแบบใหม่ของการพกพาที่มาพร้อมกับความแนบเนียน

แฟลชไดร์ฟ เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับการบันทึกข้อมูลที่สำคัญต่าง ๆ ในการทำงานหรือการศึกษา ซึ่งแฟลชไดร์ฟนั้น ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แฟลชไดร์ฟที่ใครหลาย...

แฟลชไดร์ฟ เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับการบันทึกข้อมูลที่สำคัญต่าง ๆ ในการทำงานหรือการศึกษา ซึ่งแฟลชไดร์ฟนั้น ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แฟลชไดร์ฟที่ใครหลาย ๆ คนคุ้นเคยอาจจเป็นแฟลชไดร์ฟคลาสสิคหรือแฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ ที่เป็นการออกแบบของแฟลชไดร์ฟเพื่อใช้งานในช่วงแรก  ๆ แต่ในการบันทึกข้อมูลสำคัญต่าง ๆ นั้น มักจะต้องมีข้อมูลบางข้อมูลที่เป็นข้อมูลสำคัญและจำเป็นอย่างมากที่เราจะต้องจัดเก็บข้อมูลเหล่านั้นไม่ให้สูญหาย เช่น ข้อมูลด้านบัญชีการเงินต่าง ๆ ที่สำคัญ ซึ่งการพกพาแฟลชไดร์ฟในรูปแบบธรรดาทั่วไปก็อาจจะมีเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงที่จะทำข้อมูลสูญหายได้มาก ทางผู้ผลิตเองจึงได้มีการออกแบบแฟลชไดร์ฟอีกรูปแบบหนึ่งที่ง่ายต่อการจัดเก็บ นั่นก็คือแฟลชไดร์ฟบัตรเครดิต หรือ แฟลชไดร์ฟการ์ดนั่นเอง

แฟลชไดร์ฟการ์ดนั้นไม่ได้มีคุณสมบัติที่แตกต่างจากแฟลชไดร์ฟรูปแบบทั่วไปเลย คือยังคงมีความจุและความสามารถในการบันทึกข้อมูลได้เทียบเท่ากับแฟลชไดร์ฟทั่วไป เพียงแต่รูปแบบภายนอกของแฟลชไดร์ฟการ์ดนั้นจะแตกต่างจากแฟลชไดร์ฟรูปแบบอื่น ๆ ตรงที่ แฟลชไดร์ฟการ์ดถูกออกแบบมาให้มีรูปร่างคล้ายกับบัตรเครดิตเพื่อเหมาะสำหรับการพกพาที่ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม โดยยังสามารถใช้พรางตาจากผู้ที่ไม่หวังดีในการโจรกรรมข้อมูลที่สำคัญต่าง ๆ ได้อีกด้วย

แฟลชไดร์ฟการ์ดนั้น มีการใช้งานวัสดุที่หลากหลายอย่างมากในการผลิต ทั้งโลหะ พลาสติก หรือแม้แต่ไม้ ก็สามารถนำมาผลิตในรูปแบบของแฟลชไดร์ฟการ์ดได้ทั้งสิ้น ซี่งแฟลชไดร์ฟการ์ดจะถูกออกแบบมาให้ตัวแถบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้สำหรับเสียบเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นสามารถพับเก็บเข้าตัวการ์ดได้เพื่อความแนบเนียน และยังสามารถพกใส่กระเป๋าสตางค์ง่าย ๆ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการสูญหายเลยด้วย

ปัจจุบันนั้น แฟลชไดร์ฟการ์ดนั้นอาจจะยังไม่ได้รับความนิยมในการใช้งานมากเท่าที่ควร อาจจะด้วยรูปแบบของแฟลชไดร์ฟที่ค่อนข้างแปลกตา และส่วนหัวของแฟลชไดร์ฟที่มีลักษณะค่อนข้างเล็กทำให้หลาย ๆ คนอาจจะเกิดการกังวลเกี่ยวกับความทนทานและความจุในการใช้งาน แต่จริง ๆ แล้วนั้น การที่แฟลชไดร์ฟการ์ดนั้นมีการออกแบบให้พับตรงส่วนหัวเข้ากับตัวการ์ดได้ส่วนหนึ่งก็เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับแฟลชไดร์ฟนั่นเอง

ข้อสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เป็นข้อดีของการใช้งานแฟลชไดร์ฟการ์ดคือ แฟลชไดร์ฟการ์ดนั้นสามารถทนแรงกระแทกได้ดีกว่าแฟลชไดร์ฟรูปแบบอื่น ๆ เนื่องจากรูปทรงของแฟลชไดร์ฟที่ออกแบบมาให้แฟลชไดร์ฟชนิดนี้มีน้ำหนักที่เบามาก เมื่อตกกระทบสู่ผิวโลกโดยที่มีแรงต้านก็จะทำให้ช่วยป้องกันแรกกระแทกได้มากกว่าตามหลักวิทยาศาสตร์

แฟลชไดร์ฟการ์ดนั้น นอกจากจะมีไว้สำหรับการพกพาที่ง่ายแล้ว ยังได้รับความนิยมอย่างมากในการมอบเป็นของชำร่วยหรือของขวัญ โดยคนส่วนใหญ่นิยมพิมพ์การ์ดงานแต่งลงบนแฟลชไดร์ฟการ์ดเพื่อสร้างความแตกต่างที่ไม่เหมือนใคร หรือบางคนจะใช้วิธีการบันทึกเรื่องราวความรัก วีดีโด รูปภาพลงในแฟลชไดร์ฟก่อนการส่งมอบก็ได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ในการใช้งานแฟลชไดร์ฟไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม เราควรศึกษาวิธีการในการเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟแต่ละรูปแบบให้เหมาะสมต่อการใช้งานที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังควรศึกษาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้งานแฟลชไดร์ฟที่ถูกต้องว่ามีการใช้งานแบบไหนและแฟลชไดร์ฟนั้นควรเก็บรักษาอย่างไรเพื่อยืดอายุการใช้งานของแฟลชไดร์ฟให้นานมากที่สุด

ไม่ใช่เพียงแต่การศึกษาข้อมูลในการเก็บรักษาเท่านั้น แต่การเลือกซื้อแฟลตไดร์ฟจากโรงงานหรือผุ้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือในการจำหน่ายสินค้าก็เป็นเรื่องสำคัญมากเช่นกัน เพราะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เกือบทุกชนิดนั้นควรจะมีการรับประกันสินค้าภายหลังจากการจำหน่ายอย่างน้อย 7 วัน เพื่อป้องกันสินค้าหลุดการตรวจสอบหรือสินค้าไม่ได้คุณภาพเท่าที่ควรจะเป็น

อันตรายหรือไม่ หากใช้วัสดุรีไซเคิลมาผลิตแฟลชไดร์ฟ

เปลี่ยนเป็นการใช้ถุงผ้าหรือถุงกระดาษแทน นอกจากนี้ก็ยังมีการรณรงค์และร่วมมือกันในการลดภาวะโลกร้อนในอีกหลาย ๆ ด้าน ทั้งนี้ก็รวมถึงการดัดแปลงการใช้วัสดุในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ อย่างเช่น...

ในช่วงปีที่ผ่านมานั้น มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตของคนส่วนใหญ่ในสังคมเกี่ยวกับเรื่องของการจับจ่ายเลือกซื้อสินค้า โดยที่ห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ ต่างออกมาประกาศเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนทุกคนในทุกพื้นที่งดใช้ถุงพลาสติกในการซื้อสินค้าและเปลี่ยนเป็นการใช้ถุงผ้าหรือถุงกระดาษแทน นอกจากนี้ก็ยังมีการรณรงค์และร่วมมือกันในการลดภาวะโลกร้อนในอีกหลาย ๆ ด้าน ทั้งนี้ก็รวมถึงการดัดแปลงการใช้วัสดุในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ อย่างเช่น แฟลชไดร์ฟหรือแม้แต่เคสโทรศัพท์มือถือรวมถึงภาชนะที่ใช้สำหรับใส่อาหารก็มีการเลือกใช้วัสดุรีไซเคิลเช่นเดียวกัน

ถ้าจะพูดถึงแฟลชไดร์ฟนั้น ในปัจจุบันมีการออกแบบแฟลชไดร์ฟมาหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการเลือกใช้วัสดุต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน ทั้งแฟลชไดร์ฟยาง แฟลชไดร์ฟโลหะ หรือแม่แต่การพัฒนาด้านรูปแบบเช่นแฟลชไดร์ฟปากกาเป็นต้น สาเหตุที่มีการเลือกวัสดุสำหรับออกแบบแฟลชไดร์ฟที่แตกต่างกันก็เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อ เพราะผู้บริโภคบางคนมีความชื่นชอบและนิยมเครื่องหนัง ก็สามารถเลือกซื้อเลือกใช้แฟลชไดร์ฟหนังได้ หรือผู้บริโภคที่ต้องการเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟเพื่อมอบเป็นของของหรือของชำร่วยก็สามารถเลือกวัสดุที้ชื่อชอบได้อย่างไร้ขีดจำกัด

นอกจากนี้แล้ว วัสดุแต่ละรูปแบบที่เราได้เลือกนำมาผลิตแฟลชไดร์ฟนั้น ยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงทนทานให้กับตัวแฟลชไดร์ฟเองด้วย ซึ่งการออกแบบลักษณธภายนอกก็มีความสำคัญที่ควรจะออกแบบให้สอดคล้องกับวัสดุนั้น ๆ เช่นกัน แต่ก็ยังมีวัสดุอีกรูปแบบหนึ่งที่ก็ได้รับความสนใจอย่างมากในการนำมาใช้เป็นวัสดุหลักในการประกอบแฟลชไดร์ฟ นั่นก็คือ วัสดุรีไซเคิล

แต่การที่จะนำวัสดุรีไซเคิลมาทำแฟลชไดร์ฟได้นั้น ก็ต้องผ่านการพิจารณาถึงปัญหาหลาย ๆ อย่างที่อาจจะเกิดข้อโต้แยงจากผู้บริโภคได้ เช่น ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะเกิดความกังวลว่า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดใดก็ตามควรใช้วัสดุที่มีความแข็งแรงทนทาน มีคุณภาพมาตรฐานและทนความร้อนได้ และบางส่วนก็คิดว่า การใช้วัสดุรีไซเคิลมาใช้ในการผลิตแฟลชไดร์ฟนั้นจะส่งผลให้แฟลชไดร์ฟมีคุณภาพและอายุการใช้งานที่ลดน้อยลงหรือไม่

ความจริงแล้วนั้น วัสดุภายนอกของตัวแฟลชไดร์ฟนั้นเป็นเพียงแค่เปลือกภายนอกที่คอยปกป้องไม่ให้แผ่นชิฟหรือส่วนหัวของตัวแฟลชไดร์ฟเกิดความเสียหายเท่านั้นเอง ไม่ได้จำเป็นเลยว่าจะต้องเป็นวัสดุที่ทนความร้อน เพราะตัวแฟลชไดร์ฟเองนั้นไม่ได้เกิดความร้อนขณะที่มีการใช้งาน นอกจากนั้นแล้ว วัสดุรีไซเคิล ไม่ใช่วัสดุที่ไม่มีคุณภาพ แต่เป็นวัสดุที่เกิดจากการแปรรูปสิ่งของเหลือใช้ต่าง ๆ นำกลับมาผ่านกระบวนการต่าง ๆ ทั้งการหลวมเหลว การแปรรูปเพื่อเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่แต่ยังมีประสิทธิภาพในการใช้งานได้เช่นเดิม ซึ่งวัสดุรีไซเคิลเหล่านั้นก็อาจจะเป็น ไม้ กระดาษ แก้ว พลาสติก โลหะ ซึ่งวัสดุต่าง ๆ เหล่านี้ก็ยังคงมีคุณภาพแล้วความแข็งแรงเท่าเดิม เพียงแต่ผ่านกระบวนการต่าง ๆ ที่แปรรูปลักษณ์ภายนอกให้เปลี่ยนจากเดิมเท่านั้นเอง

ในส่วนหัวของแฟลชไดร์ฟนั้น เราไม่สามารถที่จะเลือกใช้วัสดุทนแทนอื่น ๆ ได้ เพราะเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้น ถึงแม้ว่าวัสดุภายนอกของตัวแฟลชไดร์ฟจะเปลี่ยนเป็นวัสดุอะไรก็ตาม คุณภาพในการใช้งานของแฟลชไดร์ฟนั้นก็ยังคงประสิทธิภาพเท่าเดิม

สำหรับใครหลาย ๆ คนที่อยากมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือโลกของวเราจากภาวะโลกร้อน ไม่ใช่เพียงแค่การเลือกใช้แต่วัสดุรีไซเคิลเพียงเท่านั้น เพราะความจริงแล้ว การลดภาวะโลกร้อนนั้นสามารถทำได้จากหลายวิธีมาก เช่น การช่วยกันลดปริมาณขยะมูลฝอย การช่วยกันปลูกป่าทดแทน ลดการตัดไม้ทำลายป่า หรือแม้แต่การอยู่บ้านและช่วยกันประหยัดไฟก็สามารถช่วยลดภาวะโลกร้อนได้แล้วค่ะ

แฟลชไดร์ฟรักษ์โลก ความทันสมัยที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

ปัจจุบันนั้น ประเทศไทยของวเรากำลังเผชิญกับภาวะโลกร้อน ซึ่งภาวะโลกร้อนนั้นเกิดจากการใช้งานสิ่งของหรือวัสดุต่าง ๆ...

ปัจจุบันนั้น ประเทศไทยของวเรากำลังเผชิญกับภาวะโลกร้อน ซึ่งภาวะโลกร้อนนั้นเกิดจากการใช้งานสิ่งของหรือวัสดุต่าง ๆ ที่ทำร้ายธรรมชาติ วัสดุที่ย่อยสลายเองตามธรรมชาติไม่ได้ จึงต้องอาศัยการเผาไหม้เพื่อทำการย่อยสลาย ซึ่งการเผาไหม้นั้นส่งผลให้เกิดปริมาณก๊าซในเรือนกระจกเพิ่มมากขึ้นจึงทำให้เกิดภาวะโลกร้อน และก็ยังมีการตัดไม้ทำลายป่าที่ส่งผลต่อการเกิดภาวะโลกร้อนด้วยเช่นกัน

การรณรงค์ในเรื่องของภาวะโลกร้อนนั้น มีการออกมาตรการและการรณรงค์อย่างมากมาย ทั้งการงดใช้ถุงพลาสติก การปลูกต้นไม้เพื่อทดแทนปริมาณป่าไม้ที่ถูกทำลายทั้งการตัดไม้และการเผาไหม้จากไฟป่า นอกจากนี้แล้ว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถย่อยสลายได้เองตามํรรมชาติก็มีส่วนช่วยในการลดภาวะโลกร้อนเช่นเดียวกัน ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงแฟลชไดร์ฟที่มีส่วนช่วยในการลดภาวะโลกร้อนได้

แฟลชไดร์ฟโดยทั่วไปนั้น มีกระบวนการในการผลิตและใช้วัสดุในการผลิตที่หลากหลาย ทั้ง แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟยางต่าง ๆ ซึ่งแฟลชไดร์ฟเหล่านั้น ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งานในด้านต่าง ๆ ของผู้บริโภค ทั้งความสวยงามภายนอกและความง่ายต่อการพกพา แต่ยังมีแฟลชไดร์ฟอีกรูปแบบหนึ่งที่สามารถช่วยโลกจากปัญหาสภาวะโลกร้อนได้เช่นกัน นั่นก็คือ แฟลชไดร์ฟไม้

หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่า แฟลชไดร์ฟไม้นนั้นทำมาจากไม้และมีไม้เป็นส่วนประกอบหลักจะเป็นการช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อย่างไร ในเมื่อหากต้องการลดภาวะโลกร้อนนั้นต้องงดการตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งต้องบอกก่อนว่า สาเหตุแรกที่ผู้ผลิตได้มีการคิดค้นแฟลชไดร์ฟไม้ขึ้นมานั้น ก็เพื่อในอนาคตที่แฟลชไดร์ฟนั้นสิ้นสุดอายุการใช้งาน ส่วนประกอบหลักของแฟลชไดร์ฟนั้นจะสามารถย่อยสลายได้ง่ายกว่าการใช้พลาสติก ยาง หรือวัสดุอื่น ๆ นอกจากนี้แล้ว เรายังสามารถนำไม้ที่ใช้ในการผลิตแฟลชไดร์ฟไม้นั้นมาทำการรีไซเคิลเพื่อประกอบเป็นแฟลชไดร์ฟรีไซเคิลหรืออุปกรณ์รูปแบบอื่น ๆ ก็ได้เช่นกัน

ในส่วนเรื่องที่หลาย ๆ คนคิดว่า การนำไม้มาเป็นวัสดุหลักในการประกอบแฟลชไดร์ฟนั้นต้องบอกเลยว่า ปัจจุบันการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชต่าง ๆ นั้นเป็นเรื่องที่ผิกกฎหมาย หากเป็นการลักลอบตัดต้นไม้จากป่าไม้ธรรมชาติ แต่แฟลชไดร์ฟไม้ที่ผู้ผลิตที่ผลิตขึ้นมานั้น จะเป็นป่าไม้ที่ปลูกเพื่อทดแทนและใช้งานในด้านการทำอุตสาหกรรมและการใช้งานในเชิงพาณิชย์ต่าง ๆ ซึ่งไม้เหล่านั้นมีการปลูกขึ้นมาเพื่อต้องการนำมาใช้งานในด้านอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ ไม่ได้เป็นการตัดไม้ตามธรรมชาติ จึงไม่มีผลต่อภาวะโลกร้อนใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งการปลูกป่าทดแทนนี้ยังสามารถช่วยในการเพิ่มก๊าซออกจิเจนที่ดีให้กับโลกของเราอีกด้วย

นอกจากนี้แล้ว ปัจจุบันก็ได้มีการนำสิ่งของต่าง ๆ ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว มาทำการดัดแปลงเพื่อใช้งานเป็นแฟลชไดร์ฟด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างง่าย ๆ ที่ทุกคนน่าจะเคยพบยเจอหรือมีโอกาสได้ซื้อเพื่อเอาไว้ใช้งานกันบ้างแล้วนั่นก็คือจุกไวน์ จุกไวน์นั้นผลิตขึ้นมาจากไม้เป็นรูปทรงกลมที่มีความยาวประมาณ 1 นิ้ว โดยจุกไวน์นั้นมีไว้สำหรับการปิดขวดไวน์เพื่อให้ไวน์นั้นคงรสชาติและกลิ่นไว้จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมในหารดื่ม สาเหตุที่ต้องใช้ไม้เพื่อไม่ต้องการให้ไวน์นั้นปนเปื้อนกับโลหะเพราะอาจจะส่งผลต่อรสชาติของไวน์ เมื่อเราเปิดไวน์ดื่มแล้ว จุกไวน์นั้นจะเป็นส่วนที่ไม่ได้มีการใช้งานอีก ผู้ผลิตจึงได้คิดค้นที่จะนำจุกไวน์มาประยุกต์ใช้เพื่อทำเป็นแฟลชไดร์ฟที่มีทั้งดีไซน์ที่แปลกใหม่ และยังเป็นการนำของเหลือใช้มาสร้างคุณค่าได้อีกด้วย