แฟลชไดร์ฟ อุปกรณ์สำหรับเก็บข้อมูลของคนยุคใหม่

แฟลชไดร์ฟ อุปกรณ์เก็บข้อมูลที่ถูกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากผู้ใช้งานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ ต่างล้วนมีความจำเป็นในการพึ่งพาอุปกรณ์เก็บข้อมูลเพื่อใช้ทำงานในต่างสถานที่ และเพื่อเป็นการแบ่งปันข้อมูลสู่อุปกรณ์อื่น ๆ...

แฟลชไดร์ฟ อุปกรณ์เก็บข้อมูลที่ถูกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากผู้ใช้งานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ ต่างล้วนมีความจำเป็นในการพึ่งพาอุปกรณ์เก็บข้อมูลเพื่อใช้ทำงานในต่างสถานที่ และเพื่อเป็นการแบ่งปันข้อมูลสู่อุปกรณ์อื่น ๆ ที่ทำได้ง่ายยิ่งขึ้น

 

แต่เพราะว่าเป็นสิ่งได้รับความนิยม มันจึงทำให้มีผู้ผลิตมากมายต่างพากันออกแบบแข่งขึ้นมา ดังนั้นผู้ใช้อย่างเรา ๆ จึงจำเป็นต้องพิจารณาสินค้าก่อนซื้อให้ดี เพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับการใช้งานของตนเองมากที่สุด

 

 

ข้อพิจารณาในการเลือก แฟลชไดร์ฟ

 

1.ความจุ

 

ถือเป็นส่วนที่ผู้ซื้อต่างให้ความสำคัญกันเป็นข้อแรกเนื่องจากมันมีผลต่อการใช้งานโดยตรง ซึ่งความจุของแฟลชไดร์ฟนั้นจะมีบอกติดกับสินค้าไว้เลย โดยถ้าจะเลือกใช้งานอุปกรณ์ในปัจจุบันควรจะเลือกใช้ตั้งแต่ขนาด 4GB หรือ 8GB ขึ้นไป เนื่องจากไฟล์ยุคใหม่ต่างมีขนาดที่ใหญ่กันมากขึ้นแล้ว โดยสูงสุดที่เห็นมีขายกันตามร้านก็คือ  64GB กับ 128GB ไว้ใช้สำหรับใส่โปรแกรมหรือเกมที่ใช้พื้นที่มาก

 

2.คุณสมบัติพิเศษ

 

นอกจากความสามารถในการเก็บข้อมูลแล้ว ใน แฟลชไดร์ฟ บางรุ่นก็ยังมีการใส่ความสามารถอื่นเพิ่มเติมลงไปแบบ 2 in 1 ด้วย ตัวอย่างเช่น แฟลชไดร์ฟที่มีการใส่อุปกรณ์บันทึกเสียงในตัว, แฟลชไดร์ฟที่มีการใส่อุปกรณ์เครื่องเล่น MP3 หรือ ช่องสำหรับเสียบหูฟังเพื่อเล่นเพลง, แฟลชไดร์ฟที่มีการใส่คุณสมบัติบูทเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านการเปิดโปรแกรมแบบอัตโนมัติ และ แฟลชไดร์ฟที่ใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนได้โดยตรง เป็นต้น

 

3.พอร์ตเชื่อมต่อของแฟลชไดร์ฟ

 

พอร์ตเชื่อมต่อนั้นมีผลโดยตรงกับความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลร่วมถึงการเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์บางประเภท ซึ่งพอร์ตที่ใช้กันในปัจจุบันสำหรับแฟลชไดร์ฟก็มีตั้งแต่ USB 2.0, USB 3.0, USB 3.1 ไปจนถึง USB Type C โดยถ้าหากการเสียบพอร์ตที่ไม่เข้ากันมันก็จะไม่ส่งผลต่อความเร็วให้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นผู้สนใจจึงควรสังเกตก่อนว่าอุปกรณ์ที่ใช้นั้นเป็นพอร์ตแบบใด เพื่อให้ได้มาซึ่งแฟลชไดร์ฟที่โอนข้อมูลได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

 

 

4.ราคาและประกันสินค้า

 

แน่นอนไม่เพียงแค่คุณภาพของสินค้าเท่านั้นแต่ ราคา ก็ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ผู้ซื้อให้ความสำคัญ ซึ่งราคานั้นก็จะขึ้นอยู่กับขนาดความจุหรือความสามารถพิเศษอื่น ๆ ดังข้อ 2 เป็นส่วนประกอบหลัก แต่ทั้งนี้ปัญหาที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ต่างเจอคือ ซื้อ แฟลชไดร์ฟ ไปแล้วใช้งานไม่คุ้มค่า เช่น ซื้อไปตั้ง 64GB แต่ใช้จริงแค่ประมาณ 10-15 GB เท่านั้น ดังนั้นการเลือกซื้อควรจะกะให้พอประมาณโดยเหลือเผื่อพื้นที่ว่างที่ไม่ต้องมากจนเกินไป

 

ส่วนในเรื่องของประกันสินค้านั้นถือเป็นเรื่องที่ผู้ใช้ยุคใหม่ต้องคำนึง เนื่องจากอุปกรณ์ไอทีบางชิ้นอาจมีความไม่แน่นอนทางคุณภาพสินค้า ซื้อไปใช้เพียงไม่กี่วันสินค้าอาจเกิดพังเสียหาย ดังนั้นเพื่อป้องกันการซื้อของใช้ใหม่อย่างสิ้นเปลือง ผู้ใช้ควรจะถามหาประกันกับผู้ขายทุกครั้งเมื่อตัดสินใจซื้อ

 

เพียงแค่ทำความเข้าใจกับหลัก 3 ข้อนี้ก็ทำให้คุณผู้อ่านสามารถเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับตนเองได้มากขึ้นแล้วและมีแฟลชไดร์ฟต่างๆมากมายให้เลือกช่น แฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟคลาสสิค และแฟลชไดร์ฟอื่นๆอีกมากมายให้เลือก

แฟลชไดร์ฟพรีเมี่ยม ไอเทมคลาสสิคในยุคไอที

 แม้ว่าไลฟ์สไตล์การใช้อุปกรณ์ไอทีสำหรับการทำงานในปัจจุบันจะมีความหลากหลายมากขึ้น ไม่จำกัดอยู่เฉพาะแค่คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และโน๊ตบุ๊ค โดยจะมีทั้งแท็บเล็ตแอนดรอยด์ สมาร์ทโฟน และไอแพดที่รันบน OS เฉพาะตัวที่พัฒนาโดย apple เอง...

แม้ว่าไลฟ์สไตล์การใช้อุปกรณ์ไอทีสำหรับการทำงานในปัจจุบันจะมีความหลากหลายมากขึ้น ไม่จำกัดอยู่เฉพาะแค่คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และโน๊ตบุ๊ค โดยจะมีทั้งแท็บเล็ตแอนดรอยด์ สมาร์ทโฟน และไอแพดที่รันบน OS เฉพาะตัวที่พัฒนาโดย apple เอง ซึ่งสามารถใช้งานทดแทนกันได้ในระดับที่เรียกว่าประสิทธิภาพไม่แตกต่างกันมากนั้น แต่แก็ดเจ็ตอย่างแฟลชไดร์ฟที่ถือเป็นไอเทมรุ่นแรกๆ ของการเปลี่ยนผ่านไลฟ์สไตล์การทำงานเข้าสู่ยุคไอทีก็ยังจัดเป็นไอเทมคลาสสิคที่มีความต้องการใช้งานจากกลุ่มคนทำงานอยู่ดี ดังนั้นในทางเดียวกันก็ย่อมเป็นแก็ดเจ็ตชิ้นนึงที่เหมาะจะนำมาทำเป็นของพรีเมี่ยมสำหรับจัดจำหน่าย หรือใช้ในกิจกรรรมส่งเสริมการตลาดเช่นกัน

ทั้งนี้ประโยชน์การใช้งานของแฟลชไดร์ฟ ใช้สำหรับเป็นอุปกรณ์เก็บไฟล์ บันทึกข้อมูลต่างๆ ซึ่งด้วยความที่มีขนาดเล็ก พกพาสะดวกจึงเป็นแก็ดเจ็ตยอดนิยมสำหรับกลุ่มคนทำงานในการใช้โอนย้ายข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์จากเครื่องนึงไปยังอีกเครื่องนึง ช่วยทำให้เกิดความลื่นไหลในการทำงาน การโอนถ่ายไฟล์จากคอมพิวเตอร์ที่บ้านไปยังคอมพิวเตอร์ที่ออฟฟิศ หรือการส่งต่อไฟล์ให้กับพนักงานต่างฝ่ายที่จำเป็นต้องใช้ไฟล์เดียวกัน อย่างไรก็ตามแม้ว่าในปัจจุบันจะมีอุปกรณ์สำหรับการทำงานที่หลากหลายขึ้นดังกล่าวข้างต้น เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ที่สามารถพกพาเคลื่อนย้ายไฟล์ ข้อมูลต่างๆได้เช่นเดียวกันทำให้ความต้องการใช้งานแฟลชไดร์ฟลดลงไปบ้าง แต่ในแง่ความคุ้มค่าของราคาเทียบกับประโยชน์การใช้งานก็ยังทำให้แฟลชไดร์ฟ เป็นแก็ดเจ็ตยอดนิยมในหมู่คนทำงานที่ไม่หลุดเทรนด์ไปตามยุคสมัยอยูู่ดี บทความวันนี้จึงเลือกไอเดียทำแฟลชไดร์ฟเป็นสินค้าพรีเมี่ยมสำหรับใช้ในองค์กร หรือเพื่อกิจกรรมส่งเสริมการตลาดมาแนะนำกัน

ทำแฟลชไดร์ฟไม้ดีไซน์คลาสสิค สำหรับไอเดียทำแฟลชไดร์ฟพรีเมี่ยมไอเดียแรกที่เลือกมาแนะนำกันก็คือ แฟลชไดร์ฟดีไซน์คลาสสิค วัสดุไม้นั่นเอง แม้ว่าวัสดุไม้อาจจะไม่ใช่วัสดุที่ดูคุ้น หรือแมตช์กับสินค้าประเภทแก็ดเจ็ตไอทีสักเท่าไหร่ แต่สำหรับไอเทมเก็บข้อมูลประเภทนี้ที่เป็นดีไซน์วัสดุไม้ถือว่ามีความสวยคลาสสิคและดึงดูดใจกลุ่มลูกค้าวัยทำงานได้เป็นอย่างดีเลย ทั้งยังเหมาะจะใช้ไปกับไอเดียสื่อสารการตลาดที่ต้องการสื่อถึงความเชื่อมโยงกันของยุคสมัยอีกด้วย กล่าวคือดีไซน์ไม้คลาสสิคย่อมสื่อถึงความสวยงามในแบบดั้งเดิม ธรรมเนียม วัฒนธรรมยุคเดิมๆ แต่ขณะเดียวกันประโยชน์การใช้งานของตัวแก็ดเจ็ตยังคงร่วมสมัย และอาจสื่อสารแนวคิดใหม่ๆ ผ่านข้อความที่พิมพ์ลงบนแฟลชไดร์ฟได้อีกด้วย

ทำแฟลชไดร์ฟดีไซน์แปลกใหม่ เพื่อสื่อสารแนวคิด คอนเซ็ปต์ที่แตกต่าง สำหรับไอเดียแนะนำต่อมาอาจจะเรียกได้ว่าเป็นไอเดียขั้วตรงข้ามกับดีไซน์แบบคลาสสิคก็ได้ ซึ่งก็คือการทำแฟลชไดร์ฟพรีเมี่ยมดีไซน์แปลกใหม่นั่นเอง ตัวอย่างเช่น ดีไซน์พวงกุญแจ ดีไซน์วัสดุหนัง วัสดุยาง เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีผู้ผลิตสินค้าพรีเมี่ยมที่รองรับไอเดียการออกแบบที่แปลกใหม่และแตกต่างนี้ ทำให้เราสามารถได้แฟลชไดร์ฟที่มีดีไซน์โดดเด่น หน้าตาแตกต่างจากสินค้าที่มีวางจำหน่ายทั่วไป และเหมาะที่จะใช้ไปกับกิจกรรมสื่อสารการตลาดกับกลุ่มคนที่ชื่นชอบในความแตกต่าง กลุ่มลูกค้าเจนใหม่ หรือกลุ่มลูกค้าที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง โดยอาจทำเป็นลักษณะพรีเมี่ยมสำหรับแถมกับสินค้าในหมวดไลฟ์สไตล์คนเจนใหม่ หรือใช้ในกิจกรรมที่จัดสำหรับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น  วัยเรียน ซึ่งมักเป็นกลุ่มที่สนใจเรื่องการค้นหาตัวตน และสร้างแนวทางที่แตกต่างของตัวเองมากเป็นพิเศษ กระทั่งใช้เพื่อแมตช์กับสินค้าตัวอื่นในกลุ่มแก็ดเจ็ตไอทีในลักษณะโปรโมชั่นร่วมก็นับเป็นไอเดียที่ช่วยส่งเสริมการสื่อสารไอเดียที่ต้องการเจาะลูกค้าเจนใหม่ได้ เช่น แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟการ์ด และแฟลชไดร์ฟอื่นๆอีกเช่นกัน

หากคุณกำลัง มองหา แฟลชไดร์ฟ ที่ใช้งานได้ง่าย ในราคาประหยัด

แฟลชไดร์ฟ เรื่องราวของอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิค ที่มีกระแสความต้องการ ใช้งานกับคนไทยมาเมื่อ 5 – 6 ปี ที่ผ่านมาที่เข้ามาช่วย ให้คุณสามารถประหยัดเนื้อที่ในการเก็บข้อมูล ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์งาน ไฟล์ภาพในแบบเฉพาะ โดยที่คุณสามารถทำการพกพา ได้ง่ายมาก เรามาดูกันดีกว่า...

แฟลชไดร์ฟ เรื่องราวของอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิค ที่มีกระแสความต้องการ ใช้งานกับคนไทยมาเมื่อ 5 – 6 ปี ที่ผ่านมาที่เข้ามาช่วย ให้คุณสามารถประหยัดเนื้อที่ในการเก็บข้อมูล ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์งาน ไฟล์ภาพในแบบเฉพาะ โดยที่คุณสามารถทำการพกพา ได้ง่ายมาก เรามาดูกันดีกว่า ว่าจะมีเรื่องราวใดบ้าง ที่จะทำให้คุณมีความเข้าใจ ในสินค้าชนิดนี้มากยิ่งขึ้น

ความจำเป็น ในการใช้งาน แฟลชไดร์ฟ ของคนไทย ในปัจจุบัน

จะให้พูดถึง แฟลชไดร์ฟ คงจะต้องขยายความกันก่อนเลยนะว่า อุปกรณ์ชนิดนี้ มีการเข้ามาใช้งานกันมากยิ่งขึ้น ในช่วง 5 – 6 ปีที่ผ่านมาที่กระแส ของโลกออนไลน์ ได้มีเข้ามาไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การปรับเปลี่ยนรูปแบบของ การจัดการไฟล์งานชนิดต่าง ๆ จากอดีตที่เห็นคนไทย มักจะเน้นเรื่องของการใช้ กระดาษ ในการจดบันทึกรูปแบบของงานต่าง ๆ

แต่ในปัจจุบันนี้ เมื่อมีเทคโนโลยีเข้ามา มีบทบาทในการทดแทน มากยิ่งขึ้นการใช้อุปกรณ์ในการเก็บข้อมูลเหล่านั้น จึงมีส่วนในการใช้งานที่ จำเป็นร่วมไปด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้หลากหลายผู้ผลิต ทั้งโรงงานในไทยเอง หรือต่างประเทศ ก็ได้มีการพัฒนา เรื่องของการใช้งาน ของสินค้าชนิดนี้ให้มี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบของขนาด ปริมาณของพื้นที่ในการใช้งาน รวมไปถึงการเลือกวัสดุ ที่เหมาะสมนำมาเป็นชิ้นส่วน ในการผลิตอุปกรณ์ชนิดนี้นั่นเอง

ปรับขนาดของ แฟลชไดร์ฟ ให้ง่ายต่อการใช้งาน และ การพกพา

ประเด็นที่ตามมา ของการใช้ แฟลชไดร์ฟ ในปัจจุบันนี้ ได้มีการปรับเปลี่ยนทั้ง รูปทรง ขนาด ที่มีการปรับให้เล็กลงมากยิ่งขึ้น แต่ขนาดในการใช้งาน เพิ่มขึ้นมากกว่าในอดีตเป็น 10 เท่าตัว ซึ่งในปัจจุบันนี้ คุณจะเห็นได้ว่าความจุของอุปกรณ์ ชนิดนี้มีการปรับเพิ่มเรื่องของพื้นที่ เริ่มต้นตั้งแต่ 8 – 100 KB

นั่นก็แปลว่า ความต้องการในการใช้งาน ของไฟล์ชนิดต่าง ๆ ที่มีการใช้งานของคนไทย ก็มีการปรับเพิ่มไปด้วย แต่ในทางกลับกันของผู้ผลิต สินค้าชนิดนี้ต่างมีการปรับ เรื่องของรูปแบบให้ มีการใช้งานได้ง่ายขึ้น เช่น ลดขนาดของอุปกรณ์ชนิดนี้ ให้เล็กเหมาะกับการพกพา ไปไหนได้อย่างสะดวกมาก อีกทั้งยังเพิ่มลูกเล่นด้วยการ เพิ่มตัวช่วยในการใช้งาน เช่น ปรับให้บางเหมือนการ์ด ที่คุณสามารถเก็บได้ในกระเป๋าเงิน โดยที่แทบจะแยกไม่ออกเลย ว่านี่คือแฟลชไดร์ฟจริง ๆ หรือ

เรื่องของการประยุกต์ แฟลชไดร์ฟ ให้เป็นไปตาม ความต้องการ ของตลาด

จนในช่วงที่ประเทศไทย เจอกับโรคโควิด – 19 ทางผู้ผลิตหลายเจ้า จึงปรับให้ แฟลชไดร์ฟ เข้าไปอยู่ร่วมกับอุปกรณ์ชนิดอื่น ๆ เช่น ปากกา ไฟฉาย หรือแม้กระทั่ง นำไปรวมกับนาฬิกาข้อมือ ทำให้ง่ายต่อการนำมาเป็น ของประดับตามกระแสนิยม

ซึ่งเรื่องราวของการ พัฒนาต่อยอดเหล่านี้ เกิดจากความต้องการของ กลุ่มลูกค้าคนไทย ที่มองว่าเรื่องของการ ประยุกต์ให้อุปกรณ์ชนิดนี้ ร่วมอยู่กับสินค้าชนิดอื่นได้ เป็นการเพิ่มฟังก์ชั่น ให้สินค้าเหล่านั้นมีมูลค่า ในการใช้งานเพิ่มขึ้นไปได้อีกนั่นเอง

หากคุณต้องการ แฟลชไดร์ฟ สามารถที่จะเลือก ได้ตามต้องการ

ทั้งนี้ในอนาคต จะมีการพัฒนาตัว แฟลชไดร์ฟ ไปในทิศทางไหนกันอีก คงจะต้องรอติดตามกระแส ของความต้องการ ในการใช้งานอุปกรณ์ชนิดนี้ ว่าในปีหน้าเรื่องราวของ การนำมาใช้งานเข้าจะปรับ ให้ตัวสินค้าเหล่านี้ ส่วนผู้อ่านท่านใด ที่กำลังมองหาโรงงาน ที่จะสามารถทำการ ผลิตสินค้าชนิดนี้

คุณสามารถ ทำการติดต่อขอคำแนะนำ จากเจ้าหน้าที่ของทาง โรงงานของพรีเมี่ยม.com ซึ่งมีการให้บริการ ในรูปแบบของการบริการ แบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นแบบใน การสั่งผลิตที่คุณสามารถ ที่จะเลือกได้หลากหลาย หรือแม้แต่สั่งผลิตตามแบบ ที่คุณต้องการก็ได้อีกด้วย เช่น แฟลชไดร์ฟคริสตัล แฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟปากกา และอื่นๆอีกมากมาย

เลือกซื้อ Flash Drive อย่างไร ให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน 

หลายคนอาจมองว่า Flash Drive เป็นเครื่องมือที่ไม่น่าจะมีใครใช้แล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า แม้กระทั่งในทุกวันนี้เอง สิ่งนี้ก็ยังตอบโจทย์การใช้งานของเราในหลาย ๆ ด้านมาก อีกทั้งในปัจจุบัน ยังมีการออกแบบให้มีการรับส่งข้อมูลได้เร็วยิ่งขึ้น และพัฒนา Flash Drive ให้มีความจุมากยิ่งขึ้นด้วย เราใช้ Flash Drive...

หลายคนอาจมองว่า Flash Drive เป็นเครื่องมือที่ไม่น่าจะมีใครใช้แล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า แม้กระทั่งในทุกวันนี้เอง สิ่งนี้ก็ยังตอบโจทย์การใช้งานของเราในหลาย ๆ ด้านมาก อีกทั้งในปัจจุบัน ยังมีการออกแบบให้มีการรับส่งข้อมูลได้เร็วยิ่งขึ้น และพัฒนา Flash Drive ให้มีความจุมากยิ่งขึ้นด้วย เราใช้ Flash Drive ในการเก็บข้อมูลต่าง ๆ ไปตั้งแต่รูปภาพ วิดีโอ หรือแม้แต่ไฟล์เอกสารต่าง ๆ แม้ว่าจะในปัจจุบัน ก็ยังมี Flash Drive ออกมาให้เราเลือกกันมากมายหลากหลายเจ้า แล้วเราจะเลือกอย่างไรดี ให้เหมาะสมกับการใช้งานของเรา และยังมีการดีไซน์ Flash Drive ออกมาหลากหลายรูปแบบ เช่น แฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟคริสตัล และแฟลชไดร์ฟอื่นๆอีกมากมาย

 

ความจุของ Flash Drive

 

อย่างที่บอกไปแล้วว่า เรื่องของความจุนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เลย ในการเลือกซื้อ Flash Drive เราควรเลือกที่มีความจุเหมาะสมกับการใช้งานของเรา ในปัจจุบันที่เราพบเห็นนั้น เราจะสามารถเห็นความจุได้ตั้งแต่ MB, GB และเป็น TB เลยก็มี ขึ้นอยู่กับเราจะใช้ความจุมากหรือน้อยแค่ไหน ยิ่งความจุมากขึ้น ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย สำหรับผู้ที่ต้องการใช้ในการเก็บเอกสารต่าง ๆ ทั่วไป ใช้แค่ความจุเล็กน้อยขั้นต่ำในปัจจุบันอยู่ที่ 4 GB ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ส่วนใครที่ต้องการเก็บวิดีโอไฟล์ใหญ่ ๆ หรืออาจเป็นการสำรองข้อมูลในปริมาณมาก ก็อาจดูความจุที่มากขึ้น อาจเป็น 1 TB เลยก็ได้

 

ดูความเร็วในการอ่านและการเขียนข้อมูลของ Flash Drive

 

สิ่งแรก ๆ ที่ต้องคำนึงในการเลือกซื้อคือ ความเร็วในการอ่านและการเขียนข้อมูล หรือเราอาจจะเรียกอีกอย่างว่า ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูล ซึ่งโดยธรรมชาตินั้นความเร็วในการอ่านข้อมูลนั้น จะเร็วกว่าความเร็วในการเขียนข้อมูลอยู่แล้ว จะมีการระบุไว้เป็น Read Speed และ Write Speed ยกตัวอย่างเช่น ในอุปกรณ์ 1 ตัว มีความเร็วในการอ่านข้อมูล หรือ Read Speed เท่ากับ 200 MB/S และความเร็วในการเขียนข้อมูลหรือ Write Speed อยู่ที่ 150 MB/S แต่ต้องรู้สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ ถึงแม้ความเร็วในการเขียนและการอ่านจะบอกมาแบบนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไฟล์ของเราจะไม่ได้ถูกเขียนและอ่านได้เท่านี้ เนื่องจากข้อมูลและขนาดของไฟล์ที่แตกต่างกัน การถ่ายโอนเร็วหรือช้าจึงแตกต่างกันไปด้วย

 

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้การอ่านและการเขียนข้อมูลเร็วหรือช้านั้น อยู่ที่พอร์ตที่ใช้ในการเชื่อมต่อ ก่อนหน้านี้พอร์ตในการใช้กับ Flash Drive จะเป็นพอร์ต USB 2.0  แต่ก็ได้มีการพัฒนามากยิ่งขึ้นกลายเป็น USB 3.0 และ USB 3.1  ซึ่งทำให้การถ่ายโอนข้อมูลนั้นเร็วมากยิ่งขึ้น ให้ดูว่าที่เราซื้อมานั้นเป็นพอร์ตเชื่อมต่อแบบไหน และคอมพิวเตอร์ของเราสามารถรับพอร์ตเชื่อมต่อแบบนี้ได้หรือไม่

 

การรับประกันหลังการขาย

 

เนื่องจากสิ่งนี้เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้นเรื่องของประกันหรือการรับประกันหลังการขายจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อ แม้แต่อุปกรณ์ราคาหลักร้อย หลายเจ้าก็มีประกันให้เราได้อุ่นใจไว้บ้าง บางคนอาจพบเจอปัญหาซื้อไปใช้งานเพียงแค่วันหรือ 2 วัน ข้อมูลก็เสียหายแล้ว อย่างน้อยหากมีการรับประกัน สามารถที่จะเปลี่ยนได้ในกี่วันก็แล้วแต่ผู้ผลิต ถึงแม้ข้อมูลของเราจะเกิดความเสียหาย แต่อย่างน้อยเราก็ไม่เสียเงินฟรี ๆ ดังนั้นก่อนที่เราจะเลือกซื้อ เราควรสอบถามเรื่องของประกันหลังการขายให้เรียบร้อยเสียก่อน และทางที่ดีควรตรวจสอบอุปกรณ์ที่เราซื้อมาอย่างละเอียดให้ได้มากที่สุดเสียก่อน

 

ราคา

 

แน่นอนว่า ไม่ว่าเราจะซื้อของอะไรก็ตาม เราน่าจะมีการตั้งงบประมาณเอาไว้เบื้องต้นแล้ว สำหรับสิ่งนี้นั้น เราก็ต้องยอมรับว่า หากอยากได้อุปกรณ์ที่มีราคาถูก เราก็จะต้องแลกมากับความจุที่น้อยลง หรือการอ่านและการเขียนข้อมูลที่ช้าลง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายอย่าง หากอยากได้ที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ก็ต้องแลกมากับราคาที่แพงขึ้นเล็กน้อยด้วย

 

เทคโนโลยีที่ควบคู่มากับแฟลชไดร์ฟตั้งแต่อดีต-ปัจจุบัน

ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าเราต่างใช้เทคโนโลยีในการติดต่อส่อสารระหว่างกันไปมาไม่เว้นในแต่ละวัน ทำให้เทคโนโลยีต่าง ๆ เหล่านี้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตของเรามากขึ้นกว่าเมื่อก่อน แฟลชไดร์ฟก็เป็นหนึ่งเทคโนโลยีที่มีมาตั้งนานแล้ว...

ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าเราต่างใช้เทคโนโลยีในการติดต่อส่อสารระหว่างกันไปมาไม่เว้นในแต่ละวัน ทำให้เทคโนโลยีต่าง ๆ เหล่านี้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตของเรามากขึ้นกว่าเมื่อก่อน แฟลชไดร์ฟก็เป็นหนึ่งเทคโนโลยีที่มีมาตั้งนานแล้ว ก่อนหน้านี้ได้มีเทคโนโลยีเข้ามาเป็นจำนวนมากให้เราได้เลือกใช้ตามลักษณะการใช้งานในแต่ละด้าน ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ วิทยุ เครื่องเล่นวีดีโอเกม และคอมพิวเตอร์ เป็นต้น เทคโนโลยีได้มีการพัฒนาต่อมาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้ตอบสนองกับความต้องการของมนุษย์ให้ได้มากที่สุด ต้องยอมรับว่าเราใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีค่อนข้างมาก จนทำให้เทคโนโลยีกลายเป็นปัจจัย 5 ที่เราทุกคนจะขาดไปไม่ได้ เราจะเห็นว่าคนส่วนใหญ่ยังคงใช้แฟลชไดร์ฟในการทำงานอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศที่จะต้องใช้แฟลชไดร์ฟในการเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมไปถึงนักเรียน หรือนักศึกษาที่จำเป็นจะต้องใช้แฟลชไดร์ฟในการทำงานที่อาจารย์ได้มอบหมายไว้ให้

นอกจากนี้ระยะการใช้งานของแฟลชไดร์ฟจะอยู่ที่ประมาณ 3-5 ปี หากเก็บรักษาเป็นอย่างดีอาจจะช่วยให้ระยะการใช้งานของแฟลชไดร์ฟเพิ่มขึ้นได้ แม้ว่าเทคโนโลยีที่เข้ามาจะมีความสะดวกสบายมากแค่ไหนก็ตาม การใช้งานของเทคโนโลยีในสมัยนี้ล้วนมีทั้งข้อดี และข้อเสียแตกต่างกันไปตามการใช้งาน เราเคยชินกับการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันมากจนเกินไป จนทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้กลายเป็นนายเราไปแล้ว บางคนเสพติดจากการใช้เทคโนโลยีจนทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพร่างกายอย่างหนัก การใช้เทคโนโลยีในทางที่ถูกที่ควรจะก่อให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง

ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้มีพัฒนามากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาให้เราใช้งานกันมากขึ้น ทำให้เรามีทางเลือกในการตัดสินใจที่จะใช้เทคโนโลยีในลักษณะการใช้งานที่หลากหลาย คาดการณ์ว่าในอนาคตข้างหน้าเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทกับเรามากกว่าเดิมอย่างแน่นอน ในวันนี้เรามาดูกันว่า เทคโนโลยีที่สามารถใช้งานควบคู่ไปกับแฟลชไดร์ฟในชีวิตประจำวันของเราจะมีอะไรกันบ้าง

คอมพิวเตอร์ (Computer)

คอมพิวเตอร์เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีมาตั้งนานแล้ว เราจะเห็นได้ว่าคอมพิวเตอร์เป็นตัวกลางที่สำคัญในการพิมพ์ข้อมูล ที่จะแสดงผลออกมาในรูปแบบต่าง ๆ ให้เราได้เห็น ซึ่งในการโอนย้ายเอกสาร หรือข้อมูลจะต้องพึ่งพาแฟลชไดร์ฟในการเก็บข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้เอาไว้ เพื่อที่จะไว้ใช้ในการทำงานตามความต้องการ

เทคโนโลยีที่ใช้งานบนรถยนต์

ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้มีการเปลี่ยนแปลงตามความทันสมัยของโลกมากขึ้นทุกวัน การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีจึงเป็นเครื่องที่สำคัญอย่างมาก เทคโนโลยีบนรถยนต์จึงมีการปรับเปลี่ยนให้มีลักษณะการใช้งานที่สามารถใช้งานกับแฟลชไดร์ฟได้ เวลาเราจะต้องเดินทางไปปทำธุระในสถานการณ์จราจรที่ติดขัดบนท้องถนน เราก็สามารถนำแฟลชไดร์ฟที่มีไฟล์เพลง หรือไฟล์วีดีโออยู่ในนั้น มาเสียบเข้ากับตัวเชื่อมต่อการทำงานบนรถยนต์ได้ เพื่อผ่อนคลายอาการตึงเครียดจากปัญหาจราจรที่ติดขัดบนท้องถนนในปัจจุบันได้

เครื่องเล่นเพลง (ลำโพง)

ในปัจจุบันนี้เครื่องเล่นเพลง หรือเรียกอย่างหนึ่งว่า ลำโพง มีวางขายอยู่เป็นจำนวนมาก ตามสถานที่ต่าง ๆ ในราคาที่แตกต่างกันตามประสิทธิภาพการใช้งาน ซึ่งลำโพงที่เราได้เห็นกันนั้นมีขนาด และสี ที่แตกต่างกัน การใช้งานของลำโพงที่มีที่ USB จะสามารถเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟได้ ซึ่งในตัวของแฟลชไดร์ฟจะต้องมีไฟล์เพลงอยู่ในนั้นด้วย เมื่อเสียบแฟลชไดร์ฟเข้ากับลำโพงตรงช่องเสียบUSB จะทำให้เกิดการทำงานอย่างสมบูรณ์

จะเห็นได้ว่านอกเหนือจากนี้ยังมีประโยชน์ของแฟลชไดร์ฟอีกมากมายที่ยังกล่าวมาไม่หมด แฟลชไดร์ฟที่ดีจะต้องมีประสิทธิภาพเหมาะสมกับราคาที่เราเสียไป และยึดความปลอดภัยในการใช้งานเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หากคุณกำลังมองหาแฟลชไดร์ฟสักอันในการใช้งาน เราเป็นโรงงานที่ผลิตแฟลชไดร์ฟที่ได้มาตรฐาน ออกแบบได้ตามความต้องการของลูกค้าเช่น แฟชลไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟปากกา และอื่นๆเป็นหลัก มีขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพของสินค้า และยังเป็นที่ยอมรับในหลายองค์กร คอยให้คุณได้มาใช้บริการ

 

แฟลชไดรฟ์ ยังจำเป็นอยู่ไหมในปัจจุบัน

แฟลชไดรฟ์เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูล ที่เราสามารถพบพาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย มีขนาดเล็กกะทัดรัด อีกทั้งในปัจจุบันยังมีตัวที่สามารถเก็บข้อมูลได้ในปริมาณที่มากด้วย แต่ในปัจจุบันนั้น ได้มีอุปกรณ์เก็บข้อมูลใหม่ ๆ ออกมามากมาย อย่างอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบพกพา External Hard Drive...

แฟลชไดรฟ์เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูล ที่เราสามารถพบพาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย มีขนาดเล็กกะทัดรัด อีกทั้งในปัจจุบันยังมีตัวที่สามารถเก็บข้อมูลได้ในปริมาณที่มากด้วย แต่ในปัจจุบันนั้น ได้มีอุปกรณ์เก็บข้อมูลใหม่ ๆ ออกมามากมาย อย่างอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบพกพา External Hard Drive หรือแม้แต่การฝากไฟล์ไว้ใน google drive หรือ cloud และอีกหลากหลายบริการ แล้วแบบนี้ อุปกรณ์นี้ยังจำเป็นอยู่ไหม ในเมื่อมีสิ่งอื่น ๆ ออกมามากมายขนาดนี้ วันนี้เราจะมาคุยกัน

ประโยชน์ในการใช้งานของแฟลชไดรฟ์

แฟลชไดรฟ์เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลขนาดเล็ก ที่ใช้สำหรับเก็บข้อมูลได้มากมาย โดยพื้นฐาน อุปกรณ์นี้จะมีหน่วยความจำแบบแฟลช และระบบการทำงานแบบอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้เป็นอุปกรณ์ที่ค่อนข้างมีความทนทาน อักทั้งยังสามารถเขียนและลบข้อมูลซ้ำ ๆ ได้ อีกทั้งในปัจจุบัน ยังมีความจุให้เลือกมากมายด้วยตามแต่ผู้ใช้ ประโยชน์ใช้สอยของแฟลชไดรฟ์หลัก ๆ มีดังนี้

ใช้สำหรับเก็บไฟล์เอกสาร

แฟลชไดรฟ์เป็นอุปกรณ์ที่สามารถเก็บไฟล์เอกสาร และสื่อมีเดียได้ทุกประเภท ตั้งแต่ไฟล์ที่ใช้กับ Microsoft Office ไปจนถึงไฟล์ PDF นอกจากสามารถเก็บไฟล์เอกสารได้แล้ว อุปกรณ์นี้ยังสามารถที่จะเก็บ และบันทึกข้อมูลที่เป็นมีเดียได้ อย่างพวกเพลง รูปภาพ หรือคลิปวีดีโอ แต่ต้องคำนึงในเรื่องของความจุ ยิ่งเป็นไฟล์วีดีโอที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ แฟลชไดรฟ์ที่ใช้ในการเก็บก็ควรมีความจุมากตามไปด้วย อีกทั้งยังสามารุพกพาไปดู ไปฟังได้ในทุกที่ เปิดได้กับหลาย ๆ เครื่องเล่น ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ โน้ตบุค หรือแม้แต่โทรทัศน์กัลป์เครื่องเล่นโปรเจคเตอร์ยุคใหม่ ๆ ด้วย

ใช้เป็นอุปกรณ์ในการถ่ายโอนข้อมูล

นอกจากใช้เก็บข้อมูลได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว อุปกรณ์ชนิดนี้ยังสามารถที่จะใช้ในการถ่ายโอนข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุคเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งได้ อีกทั้งยังมีความสะดวกและรวดเร็วมากด้วย เชื่อว่าเครื่องคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุคในปัจจุบัน คงจะมีพอร์ท USB กันหมดแล้ว

ใช้เป็นอุปกรณ์ในการสำรองข้อมูล

การบันทึกข้อมูล หรืองานต่าง ๆ ไว้ในอุปกรณ์นี้ แม้กระทั่งในปัจจุบันเราก็ยังคงเห็นคนใช้กันอยู่ หรือแม้แต่บางคนมีการสำรองข้อมูลไว้ในออนไลน์อยู่แล้ว ก็ยังคงใช้อุปกรณ์นี้ในการสำรองข้อมูลอยู่ดี เพราะจะเป็นการการันตีอีกขั้นหนึ่งว่า ข้อมูลจะยังคงอยู่กับเราอีกชุดแน่นอน ลดความเสี่ยงในการเกิดข้อมูลหายได้อย่างดี

ใช้ในการลง Windows

ในปัจจุบันนั้น การลงระบบปฏิบัติการ Windows ในคอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุคของเราง่ายขึ้นมาก เราสามารถที่จะศึกษาวิธีการได้ด้วยตัวเอง วิธีการหนึ่งที่สามารถทำได้เองง่าย ๆ คือการลงผ่านแฟลชไดรฟ์ ที่ทั้งง่ายและสะดวกสบายมาก

สะดวกต่อการพกพา สามาถนำติดตัวไปได้ทุกที่ และทนทานด้วย

ถึงแม้ว่าอุปกรณ์อย่าง External Hard Drive จะมีประโยชน์ในการเก็บข้อมูลได้ในปริมาณมาก ๆ อยู่ แต่ก็มีข้อจำกัดบางข้อ อย่างที่สำคัญเลยคือเรื่องของการพกพา เป็นอุปกรณ์ที่พกพาไปไหนมาไหนค่อนข้างลำบาก และเสี่ยงต่อการเสียหายได้ง่าย เพียงแค่หล่นพื้นทีเดียว ข้อมูลข้างในของคุณอาจจะหายเกลี้ยงก็ได้ แต่แฟลชไดรฟ์จะสามารถตัดปัญหาตรงนี้ไปได้เลย ถึงแม้จะหล่น ก็ไม่มีปัญหาใด ๆ

มีรูปแบบที่หลากหลายตามความสะดวกในการใช้งาน

ในปัจจุบันแฟลชไดร์ฟถูกผลิตออกมาให้มีรูปร่างที่แตกต่างกัน เช่น แฟลชไดร์ฟไม้มีหน้าตาที่สะท้อนถึงความเป็นธรรมชาติ แฟลชไดร์ฟการ์ดสื่อถึงความสะดวกสบายในการพกพา แฟลชไดร์ฟโลหะ ที่มีดีไซน์หรูหราและยังมีแฟลชไดร์ฟรูปแบบอื่นอีกมากมาย

ท้ายที่สุดแล้ว อยู่ที่ประโยชน์การใช้งาน

ถึงแม้ว่า จะมีระบบ หรืออุปกรณ์การเก็บข้อมูลใหม่ ๆ ออกมามากมาย อุปกรณ์นี้ก็ยังคงเป็นอุปกรณ์สำหรับเก็บข้อมูลที่น่าสนใจอยู่ดี ด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่เฉพาะตัว แต่ก็ต้องยอมรับว่า อุปกรณ์นี้มีข้อจำกัดอยู่ อย่างการเก็บข้อมูลและการกู้ข้อมูล หากเราต้องการเก็บข้อมูลในปริมาณมากไว้ และไม่ได้ต้องการจะนำข้อมูลเหล่านี้พกพาไปใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องไหน การใช้ External Hard Drive ก็น่าจะตอบโจทย์กว่า ดังนั้นก็อยู่ที่ฟังก์ชันการใช้งาน แต่โดยสรุปคือ อุปกรณ์นี้ยังคงเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์อยู่ดี และยังคงสามารถใช้งานได้ดีในปัจจุบัน

ก่อนดึงแฟลชไดร์ฟไม่ต้องกดคำสั่ง Safety Remove อีกต่อไปแล้ว (update 2022)

เคยไหมเวลาที่เราซื้อแฟลชไดร์ฟมาใช้งานไม่ว่าจะซื้อมาจากร้านไหนหรือซื้อของแบรนด์ไหนก็ตามแต่ เมื่อหลังจากใช้งานเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ก่อนที่เราจะทำการดึงออกจะต้องกดไปที่ Safety Remove หรือ Eject...

เคยไหมเวลาที่เราซื้อแฟลชไดร์ฟมาใช้งานไม่ว่าจะซื้อมาจากร้านไหนหรือซื้อของแบรนด์ไหนก็ตามแต่ เมื่อหลังจากใช้งานเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ก่อนที่เราจะทำการดึงออกจะต้องกดไปที่ Safety Remove หรือ Eject ที่มุมล่างขวาของจอภาพ เพื่อเป็นการเซฟแฟลชไดร์ฟและไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ ไม่ให้เสียหาย ทั้งคุณครู หรือตามคำบอกเล่าและวีดีโอต่าง ๆ ก็สอนให้ใช้งานแบบนั้นเป็นประจำ แต่ก็เคยมีบางครั้งที่เราหลงลืมหรือชอบความรวดเร็วจึงถอดแฟลชไดร์ฟออกเสียก่อนที่จะทำการกดปุ่ม Safety Remove หรือ Eject ใช่ไหมล่ะ หลายคนต่างก็บอกว่าถอดแล้วไม่เห็นจำเป็นต้องกดตามขั้นตอนที่คุณครูสอนมาเลย ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยด้วยซ้ำที่สำคัญยังใช้งานได้เหมือนเดิม ไม่ได้เสียหายอะไรเลยด้วยซ้ำ นั่นอาจจะเป็นความโชคดีของครั้งนั้นก็เป็นได้ เพราะมีบางคนที่พบเจอกับปัญหาไฟล์ข้อมูลในแฟลชไดร์ฟเสียหายใช้งานไม่ได้บ้าง เปิดไม่ติดบ้าง ไฟล์ไม่ครบบ้าง เป็นผลเสียจากการไม่กดชุดคำสั่ง Safety Remove หรือ Eject นั่นเอง ทำให้เกิดการถกเถียงกันเป็นเวลานาน หลายปีจนในปีที่มีการอัพเดทเวอร์ชั่นของ Windows 10 (เวอร์ชั่น 1809) รูปแบบการใช้งานก็เปลี่ยนไป หลายคนยังคงจำจากที่เราเคยเรียน เคยถูกสอนมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วว่าก่อนจะถอดแฟลชไดร์ฟทุกครั้งต้องไปที่ Safety Remove หรือ Eject ก่อนนะ แต่เรื่องนี้นั้นได้ถูกอัพเดทโดยทางบริษัท Microsoft ที่ได้ออกมายืนยันด้วยตนเองเลยว่า ตั้งแต่ระบบปฏบัติการ Windows 10 (เวอร์ชัน 1809) เป็นต้นไปนั้น ได้มีการติดตั้งระบบปฏิบัติการหรือชุดคำสั่งที่มีชื่อว่า Quick removal เป็นเครื่องมีที่จะช่วยให้ทุก ๆ คนสามารถถอดแฟลชไดร์ฟได้ตลอดเวลาโดยที่ไม่ต้องทำการกด Safety Remove หรือ Eject อีกต่อไป แต่ข้อแนะนำที่ไม่ควรทำก็คือในขณะที่แฟลชไดร์ฟกำลังทำการเซฟไฟล์อยู่นั้นไม่ควรที่จะถอดออกกะทันหันเพราะนั่นอาจจะทำให้ไฟล์มีปัญหาได้ ต่อให้มีโปรแกรมมาช่วยแล้วแต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องด้วยล่ะ เพื่อให้การทำงานของชุดคำสั่งถูกต้องที่สุดนั่นเอง

Safety Remove คืออะไรกันแน่

ทำไมถึงต้องกด คำสั่ง Safety Remove ในสมัยก่อน จริง ๆ แล้วการกดคำสั่งนี้เพื่อให้ Windows รับรู้ชุดคำสั่งเพื่อสั่งการโปรแกรมที่กำลังอ่านและเขียนและทำการบันทึกบนแฟลชไดร์ฟให้หยุดอย่างเสร็จสมบูรณ์ โดยเราสามารถสังเกตได้จากไฟที่แสดงบนแฟลชไดร์ฟ ถ้าหากเราเผลอดึงแฟลชไดร์ฟออกจากคอมพิวเตอร์ในขณะที่กำลังทำการถ่ายโอนหรือเซฟข้อมูลอยู่นั้น ก็อาจจะทำให้ไฟล์เสียหายได้ ในสมัยก่อนจึงแนะนำให้กดชุดคำสั่ง Safety Remove และต้องสังเกตให้ดีว่าเมื่อกดไปแล้วไฟบนแฟลชไดร์ฟยังติดอยู่หรือไม่ ถ้าหากไฟยังติดอยู่แสดงว่าคำสั่งนั้นยังไม่หยุดทำงานแต่ถ้าหากไฟดับแล้วก็สามารถถอดแฟลชไดร์ฟออกมาได้เลยนั่นเอง

ไม่ว่าจะเป็นแฟลชไดร์ฟรุ่นไหน จะเป็นแฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ หรือแฟลชไดร์ฟโลหะ ยี่ห้ออะไรก็ตามในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องกด Safety Remove หรือ Eject ต่อไปแล้ว ทีนี้ก็ไม่ต้องมากังวลแล้วว่าไฟล์จะหายหรือไฟล์จะเสียอีกต่อไปหรือไม่เพราะ Windows 10 ได้ช่วยเราเอาไว้แล้วนั่นเอง ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านบทความนี้และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะพอเป็นประโยชน์ให้กับคนที่เข้ามาอ่านไม่มากก็น้อย และในครั้งหน้านั้นจะมีบทความ สาระความรู้หรือทริคเล็ก ๆ อะไรมานำเสนอกันฝากทุกท่านติดตามกันด้วยนะคะ เราสัญญาว่าจะหาบทความที่เป็นประโยชน์มาให้ทุกท่านได้อ่านกันอย่างต่อเนื่องอย่างแน่นอน

วิธีการ format แฟลชไดร์ฟ

การลบไฟล์ข้อมูลของบางคนอาจเป็นเรื่องยุ่งยากเพราะไม่เคยมีประสบการณืมาก่อน เกรงว่าแฟลชไดร์ฟจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือไม่ บางครั้งต้องการลบไฟล์ในแฟลชไดร์ฟก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ลบอย่างไรก็ไม่ออกนี่สิ ข้อมูลหาย แต่พื้นที่การใช้งานยังไม่หายไปอยู่ดี...

การลบไฟล์ข้อมูลของบางคนอาจเป็นเรื่องยุ่งยากเพราะไม่เคยมีประสบการณืมาก่อน เกรงว่าแฟลชไดร์ฟจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือไม่ บางครั้งต้องการลบไฟล์ในแฟลชไดร์ฟก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ลบอย่างไรก็ไม่ออกนี่สิ ข้อมูลหาย แต่พื้นที่การใช้งานยังไม่หายไปอยู่ดี ลบจนไม่เหลือไฟล์ข้อมูลอะไรแล้วในแฟลชไดร์ฟก็ยังไม่สำเร็จ ทำอย่างไรดี ติดไวรัสหรือเปล่า วันนี้เราจะมาแนะนำการลบข้อมูลในแฟลชไดร์ฟให้หายเกลี้ยงในครั้งเดียว เตือนไว้ก่อนว่าวิธีนี้จะทำให้ข้อมูลของคุณหายจนหมด หากต้องการเก็บข้อมูลที่สำคัญเอาไว้ให้ backup ไฟล์เอาไว้ก่อนด้วยล่ะ โดยเราได้รวบรวมข้อมูลใน format เป็น 2 ระบบปฏิบัติการ ทั้งระบบ Windows และ Mac นั่นเอง

วิธีการ format แฟลชไดร์ฟบน Windows

1.เสียบแฟลชไดร์ฟไปที่เคสของคอมพิวเตอร์เราโดยเสียบเข้าไปในพอร์ต usb สี่เหลี่ยม ๆ ที่อยู่ด้านหน้า ด้านข้าง หรือด้านหลังก็ได้

2.คลิกไปที่ start ที่อยู่บริเวณมุมซ้ายล่างของหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือ กดปุ่มโลโก้ windows ที่อยู่บนคีย์บอร์ดของเรา

3.หลักจากนั้นให้ค้นหาคำว่า This PC หรือหากอยู่ที่หน้าจออยู่แล้วให้คลิกเปิดขึ้นมาได้เลย

4.เมื่อเราเปิด This PC ขึ้นมาแล้วเราจะพบเห็นไดร์ฟของแฟลชไดร์ฟที่เราทำการเสียบเข้าไปเมื่อสักครู่ ใน This PC อาจจะแสดงเป็นไดร์ฟ (E:) , (F:) หรือไดร์ฟอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าของ Windows นั่นเอง

5.คลิกขวาไปที่ไดร์ฟเวอร์ของแฟลชไดร์ฟที่เราต้องการจะ format (ล้างข้อมูล) และเลือกคำว่า format… จะอยู่เป็นตัวเลือกกลาง ๆ เมนูที่ขยายออกมาหลังจากคลิกขวา

6.เมื่อคลิกเสร็จแล้วให้ดูที่ช่อง File System จะมีตัวเลือกต่าง ๆ ให้เราเลือก

– NTFS = format ตามค่า default ของระบบปฏิบัติการ Windows ใช้สำหรับเป็นไดรฟ์สำรองของ Windows

– FAT32 = format ใช้ได้กับหลายระบบรองรับการใช้งานมากที่สุด โดยส่วนใหญ่จะใช้งานแฟลชไดร์ฟสำหรับคอมพิวเตอร์และเครื่องเล่นเกมคอนโซล

– exFAT = มีความคล้ายกับ FAT32 แต่สำหรับ external hard drive (เช่น แฟลชไดรฟ์) จะใช้งานได้รวดเร็วทันใจกว่านั่นเอง

7.หลักจากเลือกไดร์ฟตามความเหมาะสมในการใช้งานของเราแล้ว ขั้นต่อไปนั่นคือการ กดปุ่ม Start เพิ่มเริ่มทำการ format แฟลชไดร์ฟ เมื่อ format ทำการกดปุ่ม ok เพียงเท่านี้ก็เป็นการ format แฟลชไดร์ฟเรียบร้อยแล้วล่ะ

วิธีการ format แฟลชไดร์ฟบน macOS

1.เสียบแฟลชไดร์ฟเข้าไปที่พอร์ต usb โดย Mac บางเครื่องจะไม่มีพอร์ตชนิดนี้จึงต้องหา adapter เสริมในการใช้งาน

2.คลิกคำว่า Go ที่มุมด้านซ้ายบนของแถบเมนู แต่หากไม่เจอคำว่า Go ให้คลิกที่ icon Finder ที่เป็นสีฟ้าใน dock ของ Mac เสียก่อน

3.หลังจากนั้นให้คลิกที่ Utilities ในตัวเลือกของแถบเมนู Go

4.คลิกไปที่ Disk Utility

5.คลิกที่ชื่อแฟลชไดรฟ์ของเราจะอยุ่ทางซ้ายสุดของหน้าต่าง Disk Utility

6.คลิกที่แถบ Erase เป็นตัวเลือกด้านบนสุดของหน้าต่าง Disk Utility

7.หลังจากนั้นได้ดูที่ช่อง Format จะมีตัวเลือกต่าง ๆ ให้เราเลือก

– Mac OS Extended (Journaled)

– Mac OS Extended (Journaled, Encrypted)

– Mac OS Extended (Case-sensitive, Journaled)

– Mac OS Extended (Case-sensitive, Journaled, Encrypted)

– MS-DOS (FAT)

– ExFAT

หากต้องการใช้แฟลชไดร์ฟกับ Mac โดยเฉพาะให้เลือก Mac OS แต่ถ้าต้องการใช้งานกับระบบอื่น ๆ ก็สามารถเลือก MS-DOS (FAT) หรือ ExFat ก็จะใช้ได้กับหลายระบบ

8.หลักจากเลือกค่า default แล้วให้คลิกที่ Erase เมื่อ Format เสร็จแล้วจะเห็น icon ของแฟลชไดรฟ์แสดงในหน้า desktop ของ Mac

การ Format แฟลชไดร์ฟไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่ทุกคนคิด ทำได้ง่าย ๆ ภายใน 5 นาที เท่านั้น ไม่ว่าจะใช้แฟลชไดร์ฟรูปแบบไหนทั้งแฟลชไดร์ฟการ์ด , แฟลชไดร์ฟไม้ , แฟลชไดร์ฟโลหะ , แฟลชไดร์ฟรีไซเคิล หรือแฟลชไดร์ฟใด ๆ ก็ตาม ก็สามารถทำตามได้ทันที

แฟลชไดร์ฟอุปกรณ์ที่คอมพิวเตอร์รู้จัก

แฟลชไดร์ฟเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเรามานานแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับใครหลาย ๆ คน โดยแฟลชไดร์ฟเป็นอุปกรณ์ที่ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ และสามารถใช้งานได้ง่ายอีกด้วยหลายคนคงรู้ดีอยู่แล้วว่าแฟลชไดร์ฟหน้าที่หลัก ๆ คือ แฟลชไดร์ฟทำหน้าที่ในการบันทึกข้อมูล และไฟล์งานต่าง ๆ...

แฟลชไดร์ฟเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเรามานานแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับใครหลาย ๆ คน โดยแฟลชไดร์ฟเป็นอุปกรณ์ที่ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ และสามารถใช้งานได้ง่ายอีกด้วยหลายคนคงรู้ดีอยู่แล้วว่าแฟลชไดร์ฟหน้าที่หลัก ๆ คือ แฟลชไดร์ฟทำหน้าที่ในการบันทึกข้อมูล และไฟล์งานต่าง ๆ เพื่อเป็นการป้องกันไฟล์งานหายจากคอมพิวเตอร์ที่อาจจะเกิดจากการกัดกินของไวรัสภายในเครื่องได้ แฟลชไดร์ฟจึงจำเป็นอย่างมากเพราะสามารถสำรองไฟล์งานสำคัญเอาไว้ได้อย่างปลอดภัย แม้ว่าแฟลชไดร์ฟจะมีขนาดเล็กแต่สามารถนำไปใช้งานกับคอมพิวเตอร์ได้หลายเครื่องทำให้สามารถจัดเก็บข้อมูลได้สะดวกเป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้แฟลชไดร์ฟก็ยังสามารถเกิดความล้มเหลวได้หากคุณทำดังต่อไปนี้

1.แฟลชไดร์ฟที่ใช้งานจะต้องได้มาตรฐานเมื่อเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ห้ามโดนกระแทกอย่างรุนแรง หรือเสียหายมาก่อนไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้ข้อมูลเกิดการสูญหายได้

2.ไม่เลือกซื้อแฟลชไดร์ฟที่มีราคาถูกจนเกินไปเพราะอาจจะได้แฟลชไดร์ฟที่ไม่มีคุณภาพมาใช้งานนั่นเอง ไม่ว่าคุณจะเขียนข้อมูลทับลงไปแฟลชไดร์ฟก็จะหยุดทำงาน และมีการตรวจจับแฟลชไดร์ฟปลอม

3.ในบางครั้งแฟลชไดร์ฟอาจจะเกิดการเสียหายได้แบบไม่มีเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อที่ไม่ได้เสถียรตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้นควรตรวจเช็คให้ดีก่อนใช้งาน

4.แฟลชไดร์ฟอาจจะเกิดความเสียหายของอุปกรณ์ได้ เช่นวงจรไฟฟ้าขัดข้อง

5.มีการล้มเหลวของฮาร์ดแวร์ เป็นสาเหตุที่ทำให้แฟลชไดร์ฟนั้นหยุดดำเนินการ จึงไม่สามารถเปิดแฟลชไดร์ฟได้นั่นคือเป็นปัญหาที่ต้องพบเจอ

6.หาไฟล์งานของคุณหายสามารถกู้ไฟล์คืนด้วยการแยกชิปหน่วยความจำ NAND จึงเป็นทางเลือกเดียว

ทั้งนี้ยังมีแฟลชไดร์ฟให้คุณได้เลือกซื้อมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟโลหะ และแฟลชไดร์ฟประเภทอื่น ๆ ก็สามารถเลือกซื้อได้ตามความต้องการของคุณ แฟลชไดร์ฟเหล่านี้สามารถนำวัสดุที่แตกต่างกันมาผลิต และแน่นอนว่าราคาก็จะต้องแตกต่างกันเช่นกัน และแฟลชไดร์ฟเหล่านี้จะมีคุณภาพที่ดีก็ต่อเมื่อคุณเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟจากแหล่งที่ได้รับความน่าเชื่อถือ คุณถึงจะได้ใช้งานแฟลชไดร์ฟที่มีประสิทธิภาพ และคุณจะได้รับประโยชน์จากแฟลชไดร์ฟที่เหมาะกับการใช้งานบนคอมพิวคอมเตอร์ สามารถพกพาไปไหนมาไหนสะดวกเป็นอย่างมาก และสามารถใช้เก็บไฟล์งานได้อย่างสะดวกสบาย ทั้งนี้แฟลชไดร์ฟยังสามารถใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้เป็นอย่างดี โดยที่คุณไม่ต้องนำคอมพิวเตอร์เครื่องเดิมมาใช้งาน และยังสามารถนำไปเก็บรูปภาพเพื่อเป็นที่ระลึกต่าง ๆ ได้อีกมากมาย

ประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้งานแฟลชไดร์ฟ

1.สามารถนำเป็นของฝาก ของแจก ของชำร่วยได้หลากหลายรูปแบบ

2.สามารถนำไปเป็นโปรโมชั่นให้ลูกค้าได้รับเพื่อเป็นการกระตุ้นการตลาดนั่นเอง

3.ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในองค์กรได้เป็นอย่างดี เพราะในปัจจุบันได้มีคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรา แฟลชไดร์ฟจึงเป็นสิงที่สำคัญอย่างมาก

4.สามารถใช้เป็นเครื่องมือพรีเซ็นต์งาน โดยที่คุณไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตในการใช้งาน

ด้วยความที่แฟลชไดร์ฟเป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายจึงเป็นสิ่งที่อยู่เคียงคู่กับเรามาจนในปัจจุบัน จึงเป็นที่นิยมสำหรับคนที่ต้องการใช้คอมพิวเตอร์นั่นเอง หรือสามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ และเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์แก่คนรุ่นใหม่ ๆ เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับบทความ เราหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านที่จะนำไปสานต่อในอนาคต และเราจะมีบทความที่เกี่ยวข้องกับแฟลชไดร์ฟอีกเป็นจำนวนมาก ที่จะนำมาให้ทุกท่านได้อ่าน และเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการจะซื้อแฟลชไดร์ฟเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน

แฟลชไดร์ฟรุ่นแนะนำ