เปรียบเทียบข้อจำกัด แฟลชไดร์ฟ และ SSD ใช้ทำอะไรได้-ไม่ได้บ้าง ทำไม SSD จึงมีราคาสูงกว่า ?

หากจะพูดถึงอุปกรณ์จัดเก็บไฟล์ข้อมูลต่างๆ สำหรับใช้งานบนแพลตฟอร์มไอที เช่น คอมพิวเตอร์ แล็ปท็อปในปัจจุบันก็แน่นอนว่าหลายคนย่อมนึกถึง SSD หรือ Solid State Drive ซึ่งสามารถใช้งานเป็นได้ทั้งตัวจัดเก็บข้อมูลภายใน และตัวจัดเก็บข้อมูลภายนอก หรือ External Hard Drive โดย SSD...

หากจะพูดถึงอุปกรณ์จัดเก็บไฟล์ข้อมูลต่างๆ สำหรับใช้งานบนแพลตฟอร์มไอที เช่น คอมพิวเตอร์ แล็ปท็อปในปัจจุบันก็แน่นอนว่าหลายคนย่อมนึกถึง SSD หรือ Solid State Drive ซึ่งสามารถใช้งานเป็นได้ทั้งตัวจัดเก็บข้อมูลภายใน และตัวจัดเก็บข้อมูลภายนอก หรือ External Hard Drive โดย SSD นั้นถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้งานแทนที่ หรือใช้ร่วมกับ HardDisk เพื่อประสิทธิภาพในการรันการทำงานของอุปกรณ์ได้รวดเร็วขึ้น ทั้งการเปิดโปรแกรม การอ่าน เขียนไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ อย่างไรก็ตามนอกจาก SSD แล้ว ก็แน่นอนเช่นกันว่ายังมีอีกหนึ่งอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่ผู้ใช้งานหลายคนคุ้นเคยกันดี และถูกใช้งานเป็นส่วนหนึ่งในไลฟ์สไตล์ประจำวันของหลายคนมานานหลายปีแล้ว ซึ่งก็คือแฟลชไดร์ฟ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลพกพาที่ใช้เทคโนโลยีชุดคำสั่งแบบดิจิทัลเช่นกันกับ SSD นั่นเอง ซึ่งแฟลชไดร์ฟนั้นมีหลากหลายรูปแบบ เช่น WOODEN USB METAL USB แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ก็ตามที่ทุกคนทราบกันดีว่าแฟลชไดร์ฟมักจะถูกมองว่าเป็นแก็ดเจ็ตขนาดเล็ก และมีราคาจำหน่ายที่ถูกกว่า External SSD อยู่พอสมควร แม้ว่าการใช้งานจริงในหลาย ๆ บริบทจะสามารถทดแทนกันก็ได้ และมีความเร็วในการอ่าน เขียนข้อมูลใกล้เคียงกันก็ตาม ในบทความนี้จึงจะมาเปรียบเทียบข้อจำกัดให้ได้เห็นกันชัด ๆ ว่า แฟลชไดร์ฟ และ External SSD ทำอะไรได้-ไม่ได้บ้าง ทำไม SSD จึงมีราคาสูงกว่า
ใช้ติดตั้งระบบปฏิบัติการวินโดว์ได้เหมือนกัน เริ่มกันที่ความสามารถที่ทำได้เหมือนกัน สามารถใช้งานทดแทนกันได้ทั้ง แฟลชไดร์ฟ และ External SSD ก็คือการใช้เป็นตัวบู๊ตเพื่อติดตั้งระบบปฏิบัติการวินโดว์เวอร์ชั่นต่าง ๆ ให้กับอุปกรณ์ หรือ คอมพิวเตอร์ แล็ปท็อปเครื่องใด ๆ ได้นั่นเอง โดยเราสามารถดาวน์โหลดวินโดว์มาบันทึกไว้ในแฟลชไดร์ฟ หรือ External SSD ที่มีพื้นที่จัดเก็บเพียงพอ(มากกว่า 4 Gb ขึ้นไป) เพื่อนำไปใช้ติดตั้งให้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ โดยการเลือกวิธีบู๊ตจาก USB ดังนั้นสรุปข้อเปรียบเทียบแรก ซึ่งก็คือการใช้เพื่อเป็นอุปกรณ์สำหรับ SetUp ระบบปฏิบัติการวินโดว์ได้ว่าไม่มีความแตกต่างกัน ทั้งแฟลชไดร์ฟราคาหลักร้อย หรือ External SSD ราคาหลักพันก็สามารถใช้งานได้เช่นเดียวกัน
แฟลชไดร์ฟไม่สามารถติดตั้งโปรแกรม แอปพลิเคชั่นได้ มาที่ข้อจำกัดที่อาจจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ราคาของ External SSD นั้นสูงกว่าแฟลชไดร์ฟ ซึ่งก็คือข้อจำกัดเรื่องของการติดตั้งโปรแกรม แอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าแก็ดเจ็ตอย่างแฟลชไดร์ฟนั้นไม่สามารถทำได้ ขณะที่ External SSD สามารถทำการติดตั้งโปรแกรม แอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเพื่อความบันเทิง เช่น เกม Streaming ต่างๆ หรือการทำงาน โปรแกรมเอกสาร กราฟฟิกใด ๆ ลงไปและนำไปเปิดใช้งานบนอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ
External SSD ไม่รองรับการใช้งานบนอุปกรณ์พกพาอย่างสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ข้อเปรียบเทียบที่ดูจะเป็นข้อได้เปรียบของแฟลชไดร์ฟก็คือ ในส่วนของการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์พกพาขนาดเล็ก เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ซึ่งอย่างที่ทราบกันว่าปัจจุบันแบรนด์ผู้ผลิตแก็ดเจ็ตหลาย ๆ แบรนด์มีการพัฒนาพอร์ตการเชื่อมแก็ดเจ็ตของตัวเองให้รองรับการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตได้อย่างสะดวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการใช้พอร์ตแบบ USB-C ที่ทำให้สามารถเสียบแฟลชไดร์ฟเข้ากับตัวสมาร์ทโฟนได้ทันที โดยไม่ต้องอาศัยคอมพิวเตอร์เป็นตัวกลางในการโอนถ่ายข้อมูล ขณะที่ External SSD ปัจจุบันยังไม่รองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ขนาดเล็กในตัวเอง โดยอาจต้องอาศัยสายต่อพ่วงต่าง ๆ ในการช่วยแปลงพอร์ต หากต้องการเชื่อมต่อเพื่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ขนาดเล็ก ดังนั้นสรุปข้อจำกัดระหว่างแฟลชไดร์ฟ และ External SSD ได้ว่า External SSD สามารถใช้งานบนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ หรือแล็ปท็อป โน๊ตบุ๊คได้อย่างยืดหยุ่นกว่า ทั้งการจัดเก็บไฟล์ข้อมูล การติดตั้งโปรแกรม แอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ขณะที่แฟลชไดร์ฟสามารถใช้งานในรูปแบบอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกได้หลากหลาย และพกพาไว้ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ขนาดเล็กได้สะดวกกว่าอย่างเช่น GARD USB

ข้อจำกัดในการใช้แฟลชไดร์ฟเก็บข้อมูลบนสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต

เป็นที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันการใช้งานแก็ดเจ็ตจัดเก็บข้อมูลพกพาอย่างแฟลชไดร์ฟถือได้ว่ามียืดหยุ่นกว่าในช่วงหลายปีก่อนพอสมควร เนื่องจากบรรดาแบรนด์ผู้ผลิตแต่ละเจ้าต่างก็มีการพัฒนาทั้งในเรื่องของขนาดความจุ ประสิทธิภาพในการใช้งาน และพอร์ตเชื่อมต่อให้สอดรับกับเทคโนโลยี...

เป็นที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันการใช้งานแก็ดเจ็ตจัดเก็บข้อมูลพกพาอย่างแฟลชไดร์ฟถือได้ว่ามียืดหยุ่นกว่าในช่วงหลายปีก่อนพอสมควร เนื่องจากบรรดาแบรนด์ผู้ผลิตแต่ละเจ้าต่างก็มีการพัฒนาทั้งในเรื่องของขนาดความจุ ประสิทธิภาพในการใช้งาน และพอร์ตเชื่อมต่อให้สอดรับกับเทคโนโลยี และสเปคอุปกรณ์ไอทีเจเนอเรชั่นใหม่ๆ มากขึ้น มีหลากหลายรูปแบบ เช่น Wooden Usb Leather Usb และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของพอร์ตเชื่อมต่อ ซึ่งแต่เดิมการใช้งานแก็ดเจ็ตชิ้นนี้จะผูกติดอยู่กับพอร์ต USB-A มาตลอด เป็นเวลานานเกินกว่าทศวรรษแล้ว แต่ปัจจุบันหลังจากที่อุปกรณ์ไอที เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ตรุ่นใหม่ๆจากแบรนด์ผู้ผลิตเจ้าดังต่างๆ ได้มีการปรับเปลี่ยนไปใช้พอร์ตเชื่อมต่อเจนฯใหม่ ซึ่งก็คือ USB-C ที่ดูเหมือนจะกลายเป็นพอร์ตเชื่อมต่อมาตรฐานใหม่ที่เข้ามาทลายข้อจำกัดในการโอนถ่ายข้อมูลข้ามแพลตฟอร์ม บรรดาผู้ผลิตแก็ดเจ็ตเจ้าต่างๆ ก็ได้มีการพัฒนาแฟลชไดร์ฟพอร์ต USB-C ออกมาวางจำหน่ายตามเช่นกัน ซึ่งก็ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ผู้ใช้งานหลายคนมองว่าแฟลชไดร์ฟ USB-C นั้นเป็นหนึ่งในตัวเลือกการจัดเก็บข้อมูลที่ใช้งานบนสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอุปกรณ์ที่มีขนาดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายในที่จำกัด เช่น อุปกรณ์ที่มีพื้นที่ต่ำกว่า 100 Gb ลงไป ซึ่งเป็นขนาดความจุที่น้อยเกินกว่าจะรองรับไลฟ์ไตล์ดิจิทัลของผู้ใช้งานในปัจจุบันได้ อย่างไรก็ตามในความเป็นจริง การใช้งานแฟลชไดร์ฟเพื่อจัดเก็บข้อมูลต่างๆ บนสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตนั้นถือว่ายังมีข้อจำกัดหลายอย่างที่อาจทำให้ไม่สามารถทดแทนขนาดพื้นที่ความจำภายในของอุปกรณ์นั้นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่ผู้ใช้งานหลายคนคาดหวังไว้ แม้ว่าการมาของพอร์ต USB-C จะทำให้เราสามารถเชื่อมต่อตัวแก็ดเจ็ตเข้ากับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตได้โดยตรงจริงก็ตาม ซึ่งในบทความนี้เองก็ได้นำเอาข้อจำกัดต่างๆ ในการใช้งานแฟลชไดร์ฟเพื่อจัดเก็บข้อมูลร่วมกับอุปกรณ์สมาร์ทโฟน แท็บเล็ตมาบอกกล่าวให้ผู้ใช้งานได้เข้าใจกันอย่างถูกต้องว่ามีส่วนไหนบ้างที่เราอาจจะไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และได้รับความสะดวกตามที่เราคาดหวังไว้

ไม่สามารถจัดเก็บแอปพลิเคชั่น หรือซอฟท์แวร์ที่มีชุดคำสั่งเพื่อรันการทำงานได้ ข้อจำกัดสำคัญประการแรกในการใช้งานแฟลชไดร์ฟสำหรับจัดเก็บข้อมูลบนสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตก็คือ การที่ไม่สามารถติดตั้งแอปพลิเคชั่น หรือซอฟท์แวร์ใดๆ ลงบนไดร์ฟได้นั่นเอง โดยมีเพียงไฟล์ดิจิทัลที่ไม่มีชุดคำสั่งสำหรับรันการทำงานใดๆ เช่น ไฟล์รูปภาพ วิตรงนั่นดีโอ คลิปเสียง ไฟล์เอกสารต่างๆ เท่านั้น ที่เราสามารถโอนย้ายจากพื้นที่จัดเก็บบนสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตมาไว้บนไดร์ฟของแฟลชไดร์ฟได้ กล่าวสรุปได้ว่าเราไม่สามารถใช้แฟลชไดร์ฟแก้ปัญหาหน่วยความจำภายในอุปกรณ์เต็มจากการติดตั้งแอปพลิเคชั่นจำนวนมากได้นั่นเอง

มีความเสี่ยงที่ข้อมูลอาจสูญหาย เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าปัญหายอดฮิตอย่างหนึ่งในการใช้งานแก็ดเจ็ตแฟลชไดร์ฟก็คือ ปัญหาข้อมูลสูญหายจากอาการเสีย หรือชำรุดของตัวแก็ดเจ็ตนั่นเอง ซึ่งสาเหตุนั้นก็มีหลากหลาย เช่น ติดไวรัส ฮาร์ดแวร์เสื่อมคุณภาพ การใช้งานที่ผิดวิธี เป็นต้น ดังนั้นการใช้งานแฟลชไดร์ฟเพื่อสำรองข้อมูลจากสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นการสำรองข้อมูลเพื่อเคลียร์พื้นที่ความจำภายในอุปกรณ์(เมื่อคัดลอกข้อมูลมายังแฟลชไดร์ฟแล้วทำการลบข้อมูลบนอุปกรณ์ออกไปนั้น) จึงค่อนข้างเสี่ยงที่ข้อมูลจะสูญหายไปแบบถาวร

สมาร์ทโฟน แท็บเล็ตส่วนใหญ่ยังไม่รองรับคำสั่งอ่าน เขียนข้อมูลจากแฟลชไดร์ฟ อีกหนึ่งข้อจำกัดที่อาจทำให้ผู้ใช้งานหลายคนรู้สึกว่าการใช้งานแฟลชไดร์ฟเพื่อจัดเก็บข้อมูลบนสมาร์ทโฟน แฟลชไดร์ฟนั้นไม่สะดวกเท่าที่ควรก็คือ การที่สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตหลายรุ่นจากแบรนด์ผู้ผลิตเจ้าดังต่างๆ ยังไม่รองรับคำสั่งอ่าน เขียนข้อมูลบนแฟลชไดร์ฟได้โดยตรงนั้นเอง แม้ว่าเราจะสามารถเสียบเชื่อมต่อแฟลชไดร์ฟเข้าที่ตัวสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตได้โดยตรงด้วยพอร์ต USB-C ก็ตาม โดยยังจำเป็นต้องมีการลงซอฟท์แวร์เสริมเพื่อช่วยในการอ่าน เขียนข้อมูลบนไดร์ฟนั้นๆ  หากกำลังหาแฟลชไดร์ฟซักอันเป็นของขวัญให้ใครซักอันเราอยากจะแนะนำเป็น Gift Set รับรองว่าผู้รับจะต้องประทับใจแน่นอน

การใช้งานแฟลชไดร์ฟ ปลอดภัยแค่ไหน

เชื่อว่าทุกคนน่าจะเคยใช้งานอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟกันอย่างแน่นอน ซึ่งสิ่งนี้สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการเก็บข้อมูล การโอนย้ายหรือถ่ายข้อมูล หรือแม้แต่การใช้เก็บไฟล์เอกสารหรือไฟล์งานสำหรับการนำเสนองานทั้งในระดับโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือแม้แต่ในการทำงานก็ตาม...

เชื่อว่าทุกคนน่าจะเคยใช้งานอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟกันอย่างแน่นอน ซึ่งสิ่งนี้สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการเก็บข้อมูล การโอนย้ายหรือถ่ายข้อมูล หรือแม้แต่การใช้เก็บไฟล์เอกสารหรือไฟล์งานสำหรับการนำเสนองานทั้งในระดับโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือแม้แต่ในการทำงานก็ตาม และยังมีหลากหลายรูปแบบมากมายเช่น  METAL USB  TWISTER USB  แฟลชไดร์ฟนับว่าเป็นอุปกรณ์ที่สามารถพกพาได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้ในยุคสมัยปัจจุบันยังถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์มากมายเลยทีเดียว

แต่ส่วนมากสำหรับคนที่ใช้งานอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟ น่าจะเป็นการใช้เก็บข้อมูลที่มีความสำคัญต่างๆ เอาไว้ข้างใน หลาย ๆ แฟลชไดร์ฟอย่างเช่น CARD USB WOODEN USB คำถามก็คือ อุปกรณ์แฟลชไดร์ฟของเรานี้มีความปลอดภัยจริงหรือไม่ มีโอกาสที่จะโดนล้วงหรือขโมยข้อมูลหรือไม่ ในวันนี้เราจะมาให้คำตอบทุกคนเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยของแฟลชไดร์ฟ ว่าแท้จริงแล้วมันมีความปลอดภัยหรือไม่ หรือแม้แต่มีความปลอดภัยมากน้อยเท่าไหร่

แฟลชไดร์ฟนั้นปลอดภัยหรือไม่

หากเราจะถามว่าการใช้งานอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟของเรามีความปลอดภัยหรือไม่ เราก็จะขอตอบอย่างง่ายที่สุดเลยคือมันค่อนข้างมีความปลอดภัย หรือระบบรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์อยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีโอกาสที่อุปกรณ์ของเราจะถูกแฮ็กได้ด้วยเช่นเดียวกัน แต่ก็ยังมีการป้องกันหรือสามารถรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ของเราได้หลากหลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้รหัสผ่านเวลาเปิด ซึ่งอันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับอุปกรณ์แต่ละตัว วิธีนี้เราไม่จำเป็นต้องกังวลว่าใครจะหยิบเอาอุปกรณ์ของเราไปดูข้อมูลใดเลย เพราะระบบจะขึ้นให้ใส่รหัสผ่านเพื่อทำการปลดล็อคข้อมูล แน่นอนว่าหลักการตั้งรหัสผ่านก็ควรจะมีความซับซ้อนในระดับหนึ่ง

แฟลชไดร์ฟติดไวรัส

นี่ก็เป็นอีกปัญหาสำหรับผู้ใช้งาน อุปกรณ์ที่ถูกแฮ็กส่วนใหญ่นั้น จะเกิดจากการที่ติดไวรัสมา ซึ่งนั่นก็ได้มาจากการดาวน์โหลดข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ ตั้งแต่ไฟล์เอกสารเล็กๆ ไปจนถึงคลิปวีดีโอหรือไฟล์ที่เป็นเกมขนาดใหญ่ ที่มาจากแหล่งข้อมูลที่ไม่ได้น่าเชื่อถือมากนัก ทำให้อาจจะมีไวรัสแพร่กระจายเข้าไปในอุปกรณ์และเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราในที่สุดโดยที่เราไม่รู้ตัว ตรงนี้เองเป็นช่องว่างให้บรรดาผู้ไม่หวังดีนำข้อมูลของเราไปใช้งาน วิธีแก้ไขก็ง่ายนิดเดียว เราอาจจะทำการสแกนไวรัสไฟล์ต่างๆ ก่อนที่เราจะนำมาเก็บไว้ในอุปกรณ์ของเรา หรือไม่ก็ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลที่เราดาวน์โหลดมาจากอินเทอร์เน็ตนั้น มาจากเว็บไซต์ที่เราสามารถเชื่อถือได้

ปัญหาที่มักพบเจอบ่อย

และก็มีอีกปัญหาหนึ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจะพบเจอบ่อย สำหรับผู้ใช้งานอุปกรณ์หลายคน คือการทำอุปกรณ์นี้หาย เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วส่วนมากมักจะทำออกมาให้มีขนาดเล็กพกพาได้ง่าย นั่นจึงมีโอกาสที่จะตกระหว่างที่เราเดินทาง หรือลืมเสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นทิ้งไว้ ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่เราไม่ควรจะมองข้ามเด็ดขาด โดยเฉพาะหากเราเก็บข้อมูลสำคัญไว้ในอุปกรณ์ มีโอกาสที่เราจะโดนขโมยข้อมูลอันมีค่า ดังนั้นตรงนี้จำเป็นต้องระวังให้มากๆ

การป้องกันข้อมูลของเราให้ดีที่สุด

แน่นอนว่ามีหลักการปฏิบัติในการป้องกันข้อมูลของเราได้บ้าง ซึ่งวิธีดังกล่าวเป็นวิธีที่แนะนำให้ทำเพราะมันจะสามารถป้องกันข้อมูลของเราได้ในระดับที่ดีเลยทีเดียว อย่างแรกคืออย่าทำการแชร์อุปกรณ์ร่วมกับคนอื่น หรือนำไปเสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นที่ไม่จำเป็น เพราะมีโอกาสจะทำให้อุปกรณ์ของเราติดไวรัสได้ การตั้งรหัสผ่านก็สามารถช่วยได้เช่นเดียวกัน ทำให้ข้อมูลของเรามีความปลอดภัย มีซอฟต์แวร์ต่างๆมากมายที่ช่วยในการตั้งรหัสผ่านอุปกรณ์ของเราได้ การ Backup ข้อมูลหรือสำรองข้อมูลไว้ทุกครั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ก็สามารถป้องกันในกรณีที่ข้อมูลสูญหายได้ และสุดท้ายคือการสแกนไวรัส จะช่วยให้การใช้งานของเราปลอดภัยได้มากยิ่งขึ้น

แฟลชไดร์ฟ กับฮาร์ดไดร์ฟแตกต่างกันอย่างไร ใช้ทดแทนกันได้หรือไม่ ?

เมื่อพูดถึงอุปกรณ์จัดเก็บ บันทึกไฟล์ข้อมูลดิจิทัลต่างๆ สำหรับใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อย่างคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แล็ปท็อป รวมถึงแท็บเล็ต แน่นอนว่าผู้ใช้งานทั่วไปมักคุ้นเคยกับชื่อเรียกของอุปกรณ์อย่างแฟลชไดร์ฟ ฮาร์ดดิสก์...

เมื่อพูดถึงอุปกรณ์จัดเก็บ บันทึกไฟล์ข้อมูลดิจิทัลต่างๆ สำหรับใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อย่างคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แล็ปท็อป รวมถึงแท็บเล็ต แน่นอนว่าผู้ใช้งานทั่วไปมักคุ้นเคยกับชื่อเรียกของอุปกรณ์อย่างแฟลชไดร์ฟ ฮาร์ดดิสก์ ซึ่งเป็นตัวจัดเก็บข้อมูลที่ถูกนำมาใช้งานกันตั้งแต่ในยุคเริ่มแรกที่มีการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับบุคคลและองค์กรเอกชนทั่วไป ว่ากันง่ายๆก็คือ หากพูดถึงอุปกรณ์สำหรับจัดเก็บข้อมูลภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ หลายคนก็เข้าใจว่าหมายถึงฮาร์ดดิสก์ และเมื่อพูดถึงอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่ต่อจากภายนอก เพื่อการโอนย้ายข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ก็จะเข้าใจว่าหมายถึงแฟลชไดร์ฟนั่นเอง ในปัจจุบันนี้แฟลชไดร์ฟนั้นมีหลากหลายรูปแบบมาก อย่างเช่น wooden usb classic usb และอื่น ๆ อีกมากมายอย่างไรก็ตามนอกเหนือจากชื่อเรียกอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลทั้งสองชื่อดังกล่าวแล้ว ผู้ใช้งานบางคนก็อาจจะเคยได้ยินชื่อเรียกอื่นๆอีกบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากข้อมูลเฉพาะด้านในแวดวงไอทีที่อาจจะได้ยินได้ฟังจากร้านค้าผู้จำหน่ายอุปกรณ์ไอที หรือช่างเทคนิคที่ทำการซ่อมอาการเสียต่างๆ ของอุปกรณ์ เช่น ฮาร์ดไดร์ฟ ทรัมไดร์ฟ เป็นต้น โดยเฉพาะกับชื่อ ฮาร์ดไดร์ฟ ซึ่งผู้ใช้งานหลายคนอาจสงสัยว่ามันมีความเหมือน หรือแตกต่างจากแฟลชไดร์ฟ และฮาร์ดดิสก์หรือไม่ ในบทความนี้จึงจะมาไขข้อข้องใจให้ได้ทราบกันว่าแท้จริงแล้ว ฮาร์ดไดร์ฟ คือชื่อเรียกของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบไหน และเหมือนกับแฟลชไดร์ฟ ฮาร์ดดิสก์ ที่เราคุ้นเคยกันหรือไม่
ฮาร์ดไดร์ฟหมายถึงอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบจานหมุน ถ้ายึดเอาตามความหมายดั้งเดิมก็ต้องบอกว่าฮาร์ดไดร์ฟคือ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลชนิดหนึ่งที่อาศัยเทคโนโลยีจานหมุนแม่เหล็กในการขับเคลื่อนการทำงาน ซึ่งก็คือคล้ายคลึงกับฮาร์ดดิสก์นั่นเอง หรือถ้าจะเรียกให้ถูกยิ่งขึ้นก็ต้องบอกว่าเป็นส่วนประกอบของกันและกัน เพราะตัวดิสก์นั้นหมายถึง แผ่นที่ถูกบันทึกจัดเก็บไฟล์ข้อมูลต่างๆ ลงไป แต่ตัวแผ่นนั้นไม่สามารถรันการทำงานด้วยตัวเองได้ จึงต้องอาศัยการขับเคลื่อนโดยฮาร์ดไดร์ฟ เพื่อเรียกดู แก้ไข หรือเขียน ลบข้อมูลต่างๆ ดังนั้นในทางเทคนิคแวดวงไอทีเราจึงจะได้ยินทั้งคำว่าฮาร์ดไดร์ฟ ที่หมายถึงตัวจานหมุนแม่เหล็ก และฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ ที่หมายถึงทั้งตัวจานหมุนแม่เหล็กและแผ่นดิสก์ที่จัดเก็บข้อมูลไว้ด้วยนั่นเอง สรุปเบื้องต้นได้ฮาร์ดไดร์ฟเป็นส่วนประกอบของฮาร์ดดิสก์สำหรับใช้งานเป็นพื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายในอุปกรณ์ ซึ่งแตกต่างจากแฟลชไดร์ฟที่เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก
ฮาร์ดไดร์ฟที่เป็นไดร์ฟสำหรับจัดเก็บข้อมูลแบบต่างๆ แม้ว่าตามความหมายดั้งเดิมจะค่อนข้างมีความชัดเจนดังกล่าวข้างต้นว่า ฮาร์ดไดร์ฟนั้นเป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายใน ซึ่งแตกต่างจากอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบพกพาภายนอกอย่างแฟลชไดร์ฟ แต่ทว่าในบริบทของยุคสมัยที่เปลี่ยนไปก็ทำให้ชื่อเรียกอุปกรณ์ดังกล่าวถูกใช้ในความหมายที่แตกต่างไปจากเดิมด้วย โดยในแวดวงไอที และกลุ่มผู้ใช้งานในบางประเทศใช้ชื่อเรียกฮาร์ดไดร์ฟแทนอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบต่างๆ โดยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การใช้เรียกอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบจานหมุนแม่เหล็กเท่านั้น ตัวอย่างเช่น อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบ SSD หรือ External SSD, External HardDisk ก็ถูกเรียกรวมๆ ว่าฮาร์ดไดร์ฟ กล่าวสรุปได้ว่าในบริบทสมัยใหม่ ฮาร์ดไดร์ฟมักถูกใช้เรียกอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบต่างๆ ที่นอกเหนือไปจากแฟลชไดร์ฟ และสามารถใช้งานเป็นได้ทั้งไดร์ฟภายในและภายนอก โดยสังเกตได้จากการตั้งชื่อสินค้ากลุ่มอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลของร้านค้า แพลตฟอร์มออนไลน์ หรือเว็บไซต์ขายสินค้าต่างประเทศที่บ่อยครั้งอาจใช้ชื่อ External Hard Drive กับสินค้าประเภท SSD หรือ External HardDisk ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบประโยชน์การใช้งานที่ผู้ใช้งานบางคนสงสัยก็ต้องบอกว่าฮาร์ดไดร์ฟ กับแฟลชไดร์ฟนั้นแตกต่างกันชัดเจน และไม่สามารถใช้งานทดแทนกันได้ เพราะแฟลชไดร์ฟนั้นหมายถึงแก็ดเจ็ตจัดเก็บข้อมูลขนาดเล็กที่เราคุ้นเคยกับการใช้งานพกพาไว้สำหรับคัดลอก โอนย้ายข้อมูลบนอุปกรณ์ต่างๆ ขณะที่ฮาร์ดไดร์ฟนั้นหมายถึงอุปกรณ์จัดเก็บ บันทึกข้อมูลที่สามารถใช้เป็นพื้นที่จัดเก็บข้อมูลหลักบนคอมพิวเตอร์ หรือแล็ปท็อปได้ด้วย หากกำลังต้องการแฟลชไดร์ฟสักอันในการทำงานเราขอแนะนำเป็นแบบ gift set usb คุ้มค่ามาก ๆ

ส่องแฟลชไดร์ฟ Type C รุ่นคุ้มค่า สำหรับใช้งานกับสมาร์ทโฟน-แล็ปท็อปเจนฯใหม่

เป็นที่ทราบกันดีว่าการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนอย่างหนึ่งในแวดวงสินค้าไอทีในช่วงไม่กี่ปีหลังนี้ก็คือ พอร์ตการเชื่อมต่อที่ใส่มากับสินค้าเจเนอเรชั่นใหม่ๆ ทั้งในส่วนของสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และแล็ปท็อป หรือโน๊ตบุ๊คจากแบรนด์ต่างๆ ซึ่งมีการใส่พอร์ต USB Type C เข้ามาแทนที่พอร์ตเดิม...

เป็นที่ทราบกันดีว่าการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนอย่างหนึ่งในแวดวงสินค้าไอทีในช่วงไม่กี่ปีหลังนี้ก็คือ พอร์ตการเชื่อมต่อที่ใส่มากับสินค้าเจเนอเรชั่นใหม่ๆ ทั้งในส่วนของสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และแล็ปท็อป หรือโน๊ตบุ๊คจากแบรนด์ต่างๆ ซึ่งมีการใส่พอร์ต USB Type C เข้ามาแทนที่พอร์ตเดิม หรือใส่เพิ่มเติมเข้ามาจากเดิม และนั่นก็ทำให้แก็ดเจ็ตเสริมต่างๆ เช่น แฟลชไดร์ฟ พาวเวอร์แบงค์ มีการปรับตัว ออกรุ่นที่เป็นพอร์ต USB-C หรือเพิ่มพอร์ต USB-C เข้ามาในผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ตามไปด้วย เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้งานของผู้ใช้งานยุคใหม่ที่มักมองหาอุปกรณ์และแก็ดเจ็ตต่างๆ ที่สามารถเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB-C ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแก็ดเจ็ตอย่างแฟลชไดร์ฟ แฟลชไดร์ฟนั้นมีหลายรูปแบบเช่น WOODEN USB METUL USB และอื่น ๆ ซึ่งการมาของพอร์ต Type C ถือว่าช่วยอำนวยความสะดวกและรองรับไลฟ์สไตล์การใช้งานได้มากยิ่งขึ้น เพราะสามารถใช้งานได้กับทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ จากแบรนด์ผู้ผลิตแทบทุกแบรนด์ ในบทความนี้จึงได้นำเอาลิสต์แฟลชไดร์ฟ Type C รุ่นน่าใช้ คุ้มค่าคุ้มราคาจากแบรนด์ต่างๆ มาแนะนำให้หลายคนได้ใช้เป็นแนวทางเลือกส่องเลือกหาแฟลชไดร์ฟสักอันไว้ใช้งานกับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตและโน๊ตบุ๊คเจนฯใหม่กัน และอีกสิ่งที่อยากจะแนะนำคือการจะรักษาแฟลชไดร์ฟให้ดีควรมี แพ็คเกจแฟลชไดร์ฟด้วย

SanDisk Ultra Dual Drive go Type C เมื่อพูดถึงแก็ดเจ็ตแฟลชไดร์ฟก็แน่นอนว่าแบรนด์ที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ในบ้านเรานึกถึงเป็นลำดับแรก และรู้จักคุ้นเคยกันดีย่อมหนีไม่พ้นแบรนด์ SanDisk ผู้ผลิตแก็ดเจ็ตคุณภาพในราคาย่อมเยาที่เป็นผู้นำตลาดแฟลชไดร์ฟในบ้านเรามาตลอดช่วงหลายปีหลัง ซึ่งแน่นอนว่าทางแบรนด์ SanDisk ก็ย่อมต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในรุ่นที่เป็นพอร์ตเชื่อมต่อ USB-C มาวางจำหน่ายเช่นกัน และรุ่นที่น่าสนใจ ซึ่งเลือกมาอยู่ในลิสต์แนะนำวันนี้ก็คือ SanDisk Ultra Dual Drive Go Type C แฟลชไดร์ฟขนาดเล็ก สวยเรียบตามแบบฉบับของแซนดิสก์ มาพร้อมหัวเชื่อมต่อสองหัว คือ USB-C และ USB-A มีขนาดความจุให้เลือก 3 ขนาด ประกอบด้วย ขนาด 64 GB, 128 GB และ 256 GB ราคาจำหน่ายอยู่ในช่วง  260-750 บาท(ตามขนาดความจุ)

Toshiba Dual Pendrive พูดถึงแบรนด์ Toshiba ก็แน่นอนว่าหลายคนอาจจะคุ้นเคยกันดีในฐานะแบรนด์ผู้ผลิตสินค้าไอที เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งมีสินค้าค่อนข้างหลากหลายวางจำหน่ายในหลายประเทศทั่วโลก แต่สำหรับภาพลักษณ์ของแบรนด์แก็ดเจ็ตขนาดเล็กอาจจะเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ไม่ค่อยคุ้นเคยกันเท่าไหร่ เช่นเดียวกับสินค้าอย่างแฟลชไดร์ฟที่ชื่อแบรนด์โตชิบาอาจจะไม่ได้อยู่ในลิสต์ที่หลายคนนึกถึง แต่ทว่าแบรนด์ดังเจ้านี้ก็มีสินค้ารุ่น USB-C ที่น่าสนใจอยู่เช่นกัน ซึ่งก็คือในรุ่น Toshiba Dual Pendrive แฟลชไดร์ฟ Dual Port(USB-C และ USB-A) แบบหมุนสลับด้านใช้งาน มาพร้อมกับขนาดความจุ 256 GB ราคาจำหน่ายประมาณ 250-500 บาท(ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของร้านผู้จำหน่าย)

Mchy Dual Drive มาที่แบรนด์ที่อาจจะไม่ใช่แบรนด์ดัง และเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ใช้งาน แต่ถือว่ามีฟังก์ชั่นการใช้งาน และราคาที่น่าสนใจกันบ้าง ซึ่งก็คือในตัว Mchy แฟลชไดร์ฟ Dual Port ที่มาพร้อมกับพอร์ต USB-A และ USB-C เช่นเดียวกับแบรนด์เจ้าดังต่างๆ โดยลักษณะดีไซน์เป็นแบบสลับด้านใช้งานที่มาพร้อมกับฝาปิดหัวทั้งสองหัว(ไม่ใช่แบบหมุนปิด) ขนาดกะทัดรัด ทันสมัย มีให้เลือกสามสีด้วยกัน ประกอบด้วย สีเงิน สีแดง และสีน้ำเงิน มาพร้อมขนาดความจุสองขนาด คือ 64 GB และ 128 GB ราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 120-220 บาท ตามขนาดความจุ อย่างไรก็ตามในส่วนของช่องทางการเลือกซื้อเลือกหาแฟลชไดร์ฟ Dual Port จาก Mchy นี้อาจจะต้องพึ่งพาช่องทางออนไลน์ แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ต่างๆ เพราะหาซื้อตามสโตร์ ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าผู้จำหน่ายแก็ดเจ็ตทั่วไปได้ยากหน่อย

วิวัฒนาการของการจัดเก็บข้อมูล จากฟล็อปปี้ดิสก์สู่แฟลชไดร์ฟ

ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงที่สําคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการเก็บข้อมูลของยุคสมัยใหม่คือการเปลี่ยนจากฟล็อปปี้ดิสก์ไปเป็นแฟลชไดร์ฟที่ทันสมัยกว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงการพัฒนาของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลในแบบรูปธรรมเพียงเท่านั้น...

ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงที่สําคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการเก็บข้อมูลของยุคสมัยใหม่คือการเปลี่ยนจากฟล็อปปี้ดิสก์ไปเป็นแฟลชไดร์ฟที่ทันสมัยกว่าซึ่งมีหลากหลายแบบมาก ๆ ทั้ง wooden usb classic usb การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงการพัฒนาของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลในแบบรูปธรรมเพียงเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงการพัฒนาแบบก้าวกระโดดในเรื่องของการเพิ่มความจุข้อมูล ความเร็วในการรับส่งข้อมูล และความสะดวกสบายในการพกพkอย่างเช่นแบบ card usb ในบทความนี้เราจะสํารวจการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยเน้นถึงปัจจัยที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงข้อดีของอุปกรณ์นี้เมื่อเทียบกับฟล็อปปี้ดิสก์

 

ยุคของฟล็อปปี้ดิสก์

 

ฟล็อปปี้ดิสก์เป็นสื่อจัดเก็บข้อมูลทำจากแม่เหล็กแบน รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า หุ้มด้วยพลาสติกทรงสี่เหลี่ยม ซึ่งเรามักจะเคยเห็นเป็นสัญลักษณ์การ Save ข้อมูลที่แพร่หลายไปทั่วโลก ฟล็อปปี้ดิสก์เปิดตัวครั้งแรกในปี 1970 ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนวิธีการจัดเก็บและรับ-ส่งข้อมูลอย่างสิ้นเชิง โดยรูปแบบที่พบบ่อยมากที่สุดของฟล็อปปี้ดิสก์คือรูปแบบที่มีขนาด 3.5 นิ้ว สามารถเก็บข้อมูลได้ 1.44 เมกะไบต์ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานที่ตั้งไว้ช่วงในเวลานั้น

แม้ว่าฟล็อปปี้ดิสก์จะเข้ามาเพื่อจะปฏิวัติวงการแต่ก็ไม่อาจทำให้สำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้ได้ เนื่องจากมีความบอบบางเกินไปทำให้สามารถเกิดความเสียหายภายนอกแล้วส่งผลก่อให้เกิดความเสียหายของข้อมูลภายใน อีกทั้งยังมีความจุที่น้อยเกินไป นอกจากนี้การอ่านและเขียนข้อมูลจากฟล็อปปี้ดิสก์ค่อนข้างช้าและสร้างความลําบากให้แก่ผู้ใช้งาน ในกรณีที่ไฟล์มีขนาดใหญ่หรือมีการถ่ายโอนหลายๆไฟล์

 

การกำเนิดของแฟลชไดร์ฟ

 

ด้วยความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่แข็งแรงทนทานและมีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงได้มีการพัฒนาอุปกรณ์นี้ หรือที่รู้จักกันในชื่อ USB Flash Drive, Thump Drive หรือ Jump Drive เจ้าอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลขนาดพกพานี้ได้เปิดตัวครั้งแรกในช่วงปลายทศวรรษ 1990 และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ข้อแตกต่างของฟล็อปปี้ดิสก์กับแฟลชไดร์ฟนอกจากรูปลักษณ์ภายนอกคือ อุปกรณ์นี้เป็นการใช้ Flash Memory คือเป็นเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลที่จะคงทนกว่า ทนต่อสิ่งแวดล้อมรอบข้างได้อย่างเช่น แรงกระแทก ความชื้น เปียกน้ำ หรือแม้กระทั่งความร้อน ความแตกต่างเหล่านี้ทำให้ฟล็อปปี้ดิสก์เสื่อมความนิยมลงอย่างรวดเร็ว จนอุปกรณ์นี้ได้รับความนิยมมาแทนที่

 

ประโยชน์ของแฟลชไดร์ฟเมื่อเทียบกับฟล็อปปี้ดิสก์

 

  • ความจุ เป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบที่สําคัญที่สุดของแฟลชไดร์ฟเมื่อเทียบกับฟล็อปปี้ดิสก์คือความจุที่มีขนาดใหญ่กว่า แฟลชไดร์ฟสามารถเก็บข้อมูลได้หลายสิบหรือหลายร้อยเมกะไบต์และเมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นความจุที่สามารถจุได้ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย วันนี้แฟลชไดร์ฟสามารถจัดเก็บข้อมูลได้หลายเทอร์ราไบต์ทำให้มีความสะดวกสําหรับการรับและส่งไฟล์ขนาดใหญ่หรือแม้กระทั่งระบบปฏิบัติการทั้งระบบก็ได้เช่นกัน
  • ความทนทาน แฟลชไดร์ฟมีความทนทานมากกว่าฟล็อปปี้ดิสก์ การประกอบกันของชิ้นส่วนภายในนั้นแน่นหนาขึ้นทำให้ชิ้นส่วนภายในไม่ขยับไปมาจนเกิดความเสียหายได้ ซึ่งช่วยให้สามารถทนต่อแรงกระแทกจากภายนอก ทนต่อสนามแม่เหล็กและทนต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิภายนอกที่อาจทำให้ข้อมูลบนฟล็อปปี้ดิสก์เสียหายได้
  • ความเร็ว อุปกรณ์นี้สามารถทำความเร็วในการอ่านและเขียนได้เร็วกว่ามาก เมื่อเทียบกับฟล็อปปี้ดิสก์ ส่วนต่างความเร็วนี้สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพหรือลดเวลาในการถ่ายโอนข้อมูลและยังทำให้อุปกรณ์นี้เหมาะสําหรับการถ่ายโอนหรือแชร์ไฟล์ขนาดใหญ่มากกว่าฟล็อปปี้ดิสก์อีกด้วย
  • ความสะดวกในการพกพา อุปกรณ์นี้มีขนาดเล็กกว่า น้ำหนักเบากว่าและง่ายต่อการใส่กระเป๋าหรือจะทำเป็นพวงกุญแจก็ยังได้ ความสะดวกในการพกพานี้ทำให้เป็นทางเลือกที่สะดวกขึ้นสําหรับผู้บริโภค
  • ความเป็นมาตรฐานสากล แฟลชไดร์ฟใช้พอร์ตการเชื่อมต่อ USB ซึ่งมีอยู่ในคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เกือบทุกเครื่อง ด้วยความเป็นมาตรฐานของพอร์ตนี้ช่วยลดภาระของผู้พัฒนาอุปกรณ์ต่างๆ เนื่องจากสามารถใช้พอร์ต USB มาตรฐานเดียวกันได้ทั่วโลก จึงสามารถไปพัฒนาในด้านอื่นๆแทนได้

 

แฟลชไดร์ฟพรีเมี่ยม เลือกอย่างไรถูกใจลูกค้า

การสร้างความประทับใจแรกให้กับลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมายของเรานั้นถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ ของพรีเมี่ยมที่เลือกนำมาใช้นั้นก็อาจจะมีอยู่ด้วยกันมากมายหลากหลายแตกต่างกันออกไป หนึ่งใน Gadget อิเล็กทรอนิกส์สำคัญที่ในปัจจุบันก็ยังคงมอบให้กับลูกค้ากันอยู่...

การสร้างความประทับใจแรกให้กับลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมายของเรานั้นถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ ของพรีเมี่ยมที่เลือกนำมาใช้นั้นก็อาจจะมีอยู่ด้วยกันมากมายหลากหลายแตกต่างกันออกไป หนึ่งใน Gadget อิเล็กทรอนิกส์สำคัญที่ในปัจจุบันก็ยังคงมอบให้กับลูกค้ากันอยู่ และถือว่าเป็นของที่ได้ผลเป็นอย่างยิ่งเลยก็คือแฟลชไดร์ฟ แฟลชไดร์ฟนั้นมีหลายรูปแบบอย่างเช่น wooden usb , rubber usb เนื่องจากแฟลชไดร์ฟ กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในชีวิตประจำวันสำหรับใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานส่วนตัว ใช้งานเพื่อผ่อนคลาย ฟังเพลง เสียบเข้ากับอุปกรณ์อื่น หรือใช้งานกับคอมพิวเตอร์ในออฟฟิศก็ตาม และในปัจจุบัน แฟลชไดร์ฟก็มีให้เลือกอยู่ด้วยกันมากมายหลากหลายด้วยกัน และมีความปลอดภัยสูงด้วย ไม่จำเป็นต้องใช้อินเตอร์เน็ตในการถ่ายโอนข้อมูล ก็เพิ่มความสะดวกในแง่หนึ่ง

วันนี้เรามีวิธีการเลือกแฟลชไดร์ฟเพื่อนำมาใช้งานเป็นของพรีเมี่ยม และเลือกอย่างไรให้ประทับใจลูกค้า เมื่อผู้รับหรือลูกค้าของเราได้รับไปนั้นก็ถูกใจอย่างแน่นอน

เรื่องของความจุ เรื่องพื้นฐานสำหรับการเลือกแฟลชไดร์ฟ

แน่นอนว่าการเลือกแฟลชไดร์ฟข้อแรก เราจำเป็นที่จะต้องเลือกตามขนาดความจุที่เราใช้งาน เราควรดูว่าเราใช้ในการบันทึกหรือถ่ายโอนข้อมูลที่มีขนาดเท่าไหร่ อย่างหากเราจะใช้ในการเก็บไฟล์ที่เป็นเพลงหรือวิดีโอ เราอาจจะต้องใช้ที่มีความจุสูงขึ้นมาในระดับหนึ่ง หากเป็นเพียงแค่รูปภาพ ซึ่งเป็นรูปภาพที่ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก หรือเป็นไฟล์ประเภทเอกสารต่างๆ เราอาจจะเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟที่มีความจุต่ำลงมาแบบนี้ก็ได้เป็นต้น ปัจจุบันในเรื่องของขนาดความจุนั้นมีให้เลือกตั้งแต่ขนาดเล็กเป็นหลัก GB ไปจนถึงระดับ TB เลยก็มีให้เห็น เลือกตามความสะดวกและการใช้งานของตัวคุณได้เลย

เรื่องของขนาด ยิ่งเล็กยิ่งพกพาง่าย

เนื่องจากอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟนั้น เป็นอุปกรณ์ที่สำหรับใครหลายคนนิยมที่จะพกพาติดตัวและไปไหนมาไหนอยู่เสมอ บางคนอาจจะพกพาใส่กระเป๋าเงินไว้ ดังนั้นจึงนิยมเลือกที่มีขนาดเล็กและพกพาง่าย ซึ่งในปัจจุบันนั้นในตลาดมีให้เลือกอยู่ด้วยกันมากมายหลากหลายรูปแบบ มีทั้งแบบที่เป็นแฟลชไดร์ฟรูปแบบปกติ หรือคุณอาจมองเป็นรูปแบบที่เป็นการ์ด หรือที่พับเก็บได้ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันให้บริเวณพอร์ต USB ไม่เกิดความเสียหายหรือกระแทกจากการพกพาได้ด้วยเช่นเดียวกัน

เลือกจากลักษณะพอร์ต USB

ในปัจจุบันนั้นบริเวณพอร์ต USB มีการรองรับการใช้งานมากมายหลากหลายรูปแบบ หากเป็นรูปแบบเก่าก็อาจจะเป็น USB 2.0 หรือหากเป็นรูปแบบใหม่ก็อาจเป็น 3.0, 3.1 หรืออีกมากมายหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ให้เราดูว่าอุปกรณ์ที่เรานำไปใช้นั้น มีลักษณะของพอร์ต USB เป็นแบบใด สามารถรองรับหรือถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็วขนาดไหน แล้วจากนั้นค่อยเลือกซื้อนำมาใช้งานก็ได้

ความเร็วในการอ่านข้อมูล

แน่นอนว่าใครก็อยากได้อุปกรณ์ที่มีการถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็ว ดังนั้นยิ่งถ่ายข้อมูลได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใครต้องการที่จะถ่ายโอนข้อมูลที่เป็นไฟล์วิดีโอหรือเพลงที่มีขนาดใหญ่ เราก็ควรที่จะคำนึงการถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็ว ตรงนี้เราสามารถดูได้เลยว่าอุปกรณ์ของเราที่เราจะเลือกซื้อนั้น มีอัตราการถ่ายโอนข้อมูลที่รวดเร็วหรือช้าเท่าไหร่

ราคา

ปัจจัยนี้อาจจะเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อมากที่สุดเลยก็ว่าได้ คือการพยายามเปรียบเทียบราคาของอุปกรณ์ที่เราจะเลือกนำมาใช้ เลือกแบบที่เราต้องการและตรงวัตถุประสงค์ของเราได้มากที่สุด เพื่อที่จะได้เลือกแบบที่ไม่เกินงบประมาณของเรามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การที่ราคาถูกไม่นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเสมอไป การที่เราได้ราคาแพงที่สุดก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเช่นเดียวกัน เพียงแต่เลือกให้พอดีและตรงกับเป้าหมาย และเราจะได้รับประโยชน์ในระยะยาวมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หากอยากได้ความคุ้มค่าควรเลือกแบบ GIFT SET 

ความเป็นมาและการทำงานของแฟลชไดร์ฟ

แฟลชไดร์ฟ เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบพกพาที่ใช้เทคโนโลยีแฟลชเมมโมรี ในการเก็บข้อมูลไว้ภายในตัวอุปกรณ์ เพื่อให้สามารถเขียนและอ่านข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูง แฟลชไดร์ฟนั้นจะมีขนาดเล็ก มากนั้นมีความจุที่แตกต่างกันไปตั้งแต่ไม่กี่เมกะไบต์ (MB) ไปจนถึงไม่กี่เทราไบต์ (TB)...

แฟลชไดร์ฟ เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบพกพาที่ใช้เทคโนโลยีแฟลชเมมโมรี ในการเก็บข้อมูลไว้ภายในตัวอุปกรณ์ มีหลากหลายแบบอย่างเช่น CARD USB, METAL USB และอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อให้สามารถเขียนและอ่านข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูง แฟลชไดร์ฟนั้นจะมีขนาดเล็ก มากนั้นมีความจุที่แตกต่างกันไปตั้งแต่ไม่กี่เมกะไบต์ (MB) ไปจนถึงไม่กี่เทราไบต์ (TB) และถือเป็นทางเลือกที่สะดวกสะบายในการถ่ายโอนและเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานทั่วไป โดยไม่จำเป็นต้องใช้สายเชื่อมต่อเหมือนกับฮาร์ดดิสก์แบบอื่น ๆ ที่ต้องเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB หรือคาเบิลอื่น ๆ และไม่ต้องมีอุปกรณ์สำหรับจัดการกำลังไฟเพิ่มเติม เนื่องจากแฟลชไดร์ฟสามารถทำงานได้ด้วยพลังงานที่ได้จากพอร์ต USB หรืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อไป ซึ่งทำให้แฟลชไดร์ฟเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการถ่ายโอนข้อมูลและการเก็บไฟล์ต่าง ๆ ในรูปแบบพกพาและที่สะดวกในการใช้งานระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์หลายเครื่อง ๆ
การทำงานของแฟลชไดร์ฟนั้นคล้ายกับหลักการทำงานของหน่วยความจำแฟลช ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลแบบไม่ต้องใช้สายไฟฟ้าในการเก็บข้อมูล หน่วยความจำจะถูกแบ่งออกเป็นเซลล์เล็ก ๆ ที่แต่ละเซลล์สามารถเก็บข้อมูลได้หลาย ๆ บิต และสามารถเขียนและลบข้อมูลได้หลายครั้ง
การเขียนข้อมูลลงในแฟลชไดร์ฟจะเป็นการใช้กระแสไฟฟ้าสูงเพื่อเขียนข้อมูลลงในเซลล์ของแฟลช ในขณะเดียวกันการอ่านข้อมูลจะเป็นการวัดค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านเซลล์ เมื่อมีกระแสไฟฟ้าผ่านเซลล์นั้น ๆ แสงจะถูกปล่อยออกมา การอ่านและเขียนข้อมูลในแฟลชไดร์ฟสามารถทำซ้ำได้หลายครั้งโดยไม่มีปัญหาในเรื่องการล้างข้อมูลเหมือนกับหน่วยความจำแบบอื่น ๆ ที่ใช้สายไฟฟ้าในการจัดเก็บข้อมูล
วิธีเชื่อมต่อและถ่ายโอนข้อมูล
เพื่อเชื่อมต่อและถ่ายโอนข้อมูลจากแฟลชไดร์ฟไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่น ๆ หรือจากเครื่องคอมพิวเตอร์ไปยังแฟลชไดร์ฟ สามารถทำได้หลายวิธีตามความสะดวกและอุปกรณ์ที่คุณมี ดังนี้
ใช้พอร์ต USB แฟลชไดร์ฟจะมาพร้อมกับพอร์ต USB ที่คุณสามารถเสียบเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง ในกรณีนี้คุณเพียงแค่เสียบปลั๊กแฟลชไดร์ฟลงในพอร์ต USB บนคอมพิวเตอร์ของคุณ แล้วรอให้ระบบประมวลผลและแสดงให้เห็นในเครื่องคอมพิวเตอร์
ใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อเพิ่มเติม หากคุณมีแฟลชไดร์ฟที่มีพอร์ตที่แตกต่างกัน เช่น USB-C หรือ Micro USB คุณอาจต้องใช้สายแปลงหรืออุปกรณ์เชื่อมต่อเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อได้กับพอร์ตของคอมพิวเตอร์
ใช้เทคโนโลยีไร้สาย บางแฟลชไดร์ฟรุ่นใหม่อาจมาพร้อมกับเทคโนโลยีไร้สาย เช่น Wi-Fi หรือ Bluetooth เพื่อให้คุณสามารถเชื่อมต่อและถ่ายโอนข้อมูลได้โดยไม่ต้องใช้สาย
เมื่อเชื่อมต่อแฟลชไดร์ฟกับเครื่องคอมพิวเตอร์ คุณสามารถเข้าถึงแฟลชไดร์ฟเหมือนกับการใช้งานฮาร์ดดิสก์ทั่วไป คุณสามารถดูไฟล์และโฟลเดอร์ คัดลอกไฟล์ ย้ายไฟล์ และลบไฟล์ได้เหมือนกับการทำงานกับข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณอย่างปกติ

รูปแบบไฟล์ที่ยอมรับของแฟลชไดร์ฟ
แฟลชไดร์ฟส่วนมากยอมรับรูปแบบไฟล์ที่แตกต่างกันไปตามระบบปฏิบัติการและความสามารถของอุปกรณ์ แต่นี่คือรูปแบบไฟล์ที่พบบ่อยที่สุดที่แฟลชไดร์ฟยอมรับ
รูปภาพ ไฟล์รูปภาพเช่น JPEG, PNG, GIF, BMP เป็นต้น เหมาะสำหรับการเก็บภาพถ่ายหรือภาพประกอบอื่น ๆ
เอกสารข้อความ ไฟล์ข้อความเช่น DOCX (Microsoft Word), PDF, TXT เป็นต้น เหมาะสำหรับเก็บเอกสารและข้อมูลข้อความต่าง ๆ
วิดีโอ ไฟล์วิดีโอเช่น MP4, AVI, MOV เป็นต้น เหมาะสำหรับเก็บวิดีโอและหนังสือเสียง
เพลง ไฟล์เพลงเช่น MP3, WAV, FLAC เป็นต้น เหมาะสำหรับเก็บไฟล์เสียงและเพลง
เอกสารแผนภูมิ ไฟล์งานนำเสนอเช่น PPTX (Microsoft PowerPoint), PDF เป็นต้น เหมาะสำหรับเก็บงานนำเสนอและสไลด์
เอกสารสเปรดชีต ไฟล์สเปรดชีตเช่น XLSX (Microsoft Excel), CSV เป็นต้น เหมาะสำหรับเก็บข้อมูลตารางและข้อมูลตัวเลข
ไฟล์เนื้อหาเว็บ ไฟล์เว็บเช่น HTML, CSS เป็นต้น เหมาะสำหรับเก็บส่วนของเว็บไซต์หรือเนื้อหาเกี่ยวกับเว็บ
สรุปแล้ว แฟลชไดร์ฟเป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบพกพาที่ใช้เทคโนโลยีแฟลชเมมโมรีในการเก็บข้อมูล มีความสะดวกและง่ายต่อการใช้งานในการถ่ายโอนและเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานทั่วไป และมีรูปแบบการทำงานที่คล้ายกับหน่วยความจำแฟลช โดยการเขียนและอ่านข้อมูลจะใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อควบคุมการจัดเก็บและการเข้าถึงข้อมูลในเซลล์ของแฟลชไดร์ฟ หากอยากจะมอบแฟลชไดร์ฟให้ใครสักคนก็เป็นเรื่องดี เราขอแนะนำ GIFT SET แฟลชไดร์ฟ ผู้รับจะต้องประทับใจแน่นอน

รวม SSD รุ่นแนะนำ เหมาะสำหรับใช้งานแทนแฟลชไดร์ฟ

อย่างที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันมีแก็ดเจ็ตจัดข้อมูลพกพาสองแบบด้วยกันที่ได้รับความนิยมเลือกใช้งานสำหรับกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บ โอนถ่ายไฟล์งาน หรือไฟล์ข้อมูลส่วนตัว รูปภาพ คลิปวิดีโอ และสื่อบันเทิงต่างๆ...

อย่างที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันมีแก็ดเจ็ตจัดข้อมูลพกพาสองแบบด้วยกันที่ได้รับความนิยมเลือกใช้งานสำหรับกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บ โอนถ่ายไฟล์งาน หรือไฟล์ข้อมูลส่วนตัว รูปภาพ คลิปวิดีโอ และสื่อบันเทิงต่างๆ ซึ่งแบบแรกก็คือแฟลชไดร์ฟที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่คุ้นเคยกันมานานหลักสิบปีแล้วมีหลากหลายแบบทั้งแบบ WOODEN USB  CLASSIC USB กับอีกแบบหนึ่งก็คือ SSD หรือในชื่อเต็มคือ Solid State Drive ที่เพิ่งจะถูกพัฒนาขึ้นในช่วงไม่กี่ปีหลัง โดยเป็นการพัฒนาต่อยอดมาจากเทคโนโลยีการบันทึกข้อมูลด้วยคำสั่งดิจิทัลแบบเดียวกับที่ใช้ในแฟลชไดร์ฟเช่น CARD USB ซึ่งจุดประสงค์หลักก็เพื่อนำมาใช้งานแทนที่ฮาร์ดดิสก์ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลดั้งเดิมที่ใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และแล็ปท็อป ก่อนที่ในภายหลังแบรนด์ผู้ผลิตแก็ดเจ็ตไอทีเจ้าต่างๆ จะมีการต่อยอดพัฒนาออกมาเป็น External SSD ที่สามารถใช้งานเป็นไดร์ฟภายนอกได้เช่นเดียวกับแฟลชไดร์ฟ ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเป็นกระแสความนิยมเลือกใช้งาน SSD แทนที่แฟลชไดร์ฟในกลุ่มผู้ใช้งานยุคใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประสิทธิภาพโดยรวมของ SSD นั้นสูงกว่าก็ทำผู้ใช้งานบางส่วนมองว่า SSD เป็นแก็ดเจ็ตจัดเก็บข้อมูลพกพาเจเนอเรชั่นใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีกว่า ซึ่งนั่นก็ทำให้แบรนด์ผู้ผลิตแฟลชไดร์ฟเจ้าดังหลายๆเจ้าได้พัฒนา External SSD ออกมาวางจำหน่ายควบคู่กันไปด้วย ในบทความนี้จึงได้เลือกนำเอา SSD รุ่นแนะนำที่น่าสนใจเลือกซื้อเลือกหามาใช้งานมาบอกกล่าวให้ได้ทราบกัน
SanDisk Extreme Portable รุ่นแรกที่เลือกมาอยู่ในลิสต์แนะนำวันนี้มาจากแบรนด์ผู้ผลิตแฟลชไดร์ฟเจ้าดังที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่น่าจะรู้จักคุ้นเคยกันอย่างดีอยู่แล้ว ซึ่งก็คือ SanDisk นั่นเอง ทั้งนี้แซนดิสก์ถือเป็นแบรนด์ชั้นนำที่มีการผลิตแก็ดเจ็ตจัดเก็บข้อมูลพกพามาวางจำหน่ายในบ้านเราตลอดช่วงหลายปีหลัง เช่นเดียวกับแก็ดเจ็ตจัดเก็บข้อมูลพกพาเจเนอเรชั่นใหม่อย่าง SSD นี้ ทางแซนดิสก็ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาในชื่อรุ่น SanDisk Extreme Portable SSD Model ซึ่งเป็น External SSD ความจุ 500Gb ดีไซน์สวยหรูทันสมัย ขนาดกะทัดรัด ออกมาวางจำหน่ายให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกการใช้งานสำหรับผู้ใช้งาน โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 2,900 บาท
Kingston HyperX Savage ตัวต่อมาก็ถือเป็น SSD จากอีกหนึ่งแบรนด์ที่ผู้ใช้งานหลายคนน่าจะรู้จัก คุ้นเคยและเคยได้ใช้แฟลชไดร์ฟของแบรนด์นี้กันมาบ้างแล้ว ซึ่งก็คือ Kingston นั่นเอง ทั้งนี้ Kingston ถือเป็นแบรนด์แฟลชไดร์ฟยอดฮิตแบรนด์หนึ่งที่มีสินค้าวางจำหน่ายในบ้านเราหลากหลายรุ่นตลอดช่วงสิบปีที่ผ่านมา และถือว่าได้รับกระแสการตอบรับอย่างดีจากผู้ใช้งานในบ้านเรา โดยเฉพาะเรื่องเรทราคาที่คุ้มค่า เข้าถึงง่าย แม้ว่าจะมีกระแสวิจารณ์ในทางลบเรื่องของความทนทานบ้างประปราย แต่ปัจจุบันก็ยังนับเป็นแบรนด์ลำดับต้นๆที่ผู้ใช้งานนึกถึง โดย External SSD จาก Kingston ที่เลือกมาแนะนำกันนี้ก็คือ Kingston HyperX Savage SSD ความจุ 256GB ที่มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 1,300 บาท
Samsung Portable SSD T5 พูดถึงแบรนด์ซัมซุงก็แน่นอนว่า ผู้ใช้งานแทบจะทุกคนรู้จักคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เพราะถือว่าเป็นแบรนด์ผู้ผลิตอุปกรณ์ไอทีชั้นนำที่มีลูกค้าจำนวนมากทั่วโลกไว้วางใจเลือกใช้งาน อย่างไรก็ตามแม้ว่าแบรนด์ซัมซุงจะไม่ค่อยเน้นพัฒนาแก็ดเจ็ตไอทีขนาดเล็กสักเท่าไหร่ และที่ผ่านมาเราก็ไม่ค่อยเห็นแฟลชไดร์ฟซัมซุงวางจำหน่ายด้วย แต่ปัจจุบันแบรนด์ยักษ์ใหญ่สัญชาติเกาหลีรายนี้มี External SSD รุ่นที่น่าสนใจอย่าง Samsung Portable SSD T5 วางจำหน่ายให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกดีๆสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการมองหาทางเลือกการจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพมากกว่าแฟลชไดร์ฟ โดย Samsung Portable SSD T5 นี้มาพร้อมกับความจุสูงถึง 1TB(เทราไบต์) และพอร์ตเชื่อมต่อที่สะดวกต่อการใช้งานทั้งพอร์ต USB Type C และ USB Type A ดีไซน์ภายนอกเรียบหรูตามแบบฉบับของซัมซุง ราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาท เท่านั้น(ขึ้นอยู่กับร้านค้าตัวแทนจำหน่าย)