ไขข้อข้องใจ ใช้แฟลชไดร์ฟบนสมาร์ทโฟน-ไอแพด ปลอดภัยหรือไม่ ?

หากพูดถึงการใช้งานแก็ดเจ็ตสำหรับบันทึกไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ อย่างแฟลชไดร์ฟ ก็แน่นอนว่าในปัจจุบันนี้มีออกมาหลายหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น wooden usb,crystal usb,recycle usb,card usb เป็นต้น  นอกจากนี้ในปัจจุบันการใช้งานไม่จำกัดอยู่แค่เพียงบนคอมพิวเตอร์ หรือแล็ปท็อปเท่านั้น...

หากพูดถึงการใช้งานแก็ดเจ็ตสำหรับบันทึกไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ อย่างแฟลชไดร์ฟ ก็แน่นอนว่าในปัจจุบันนี้มีออกมาหลายหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น wooden usb,crystal usb,recycle usb,card usb เป็นต้น  นอกจากนี้ในปัจจุบันการใช้งานไม่จำกัดอยู่แค่เพียงบนคอมพิวเตอร์ หรือแล็ปท็อปเท่านั้น แต่ผู้ใช้งานหลายคนยังมีการใช้งานเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ไอแพด หรือแท็บเล็ตแบรนด์ต่าง ๆ อีกด้วย เนื่องจากอุปกรณ์พกพาเหล่านี้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้ใช้งานส่วนใหญ่มากขึ้น และกิจกรรมดิจิทัลไลฟ์สไตล์หลาย ๆ อย่างก็สามารถใช้งานอุปกรณ์พกพาเหล่านี้ทดแทนคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามด้วยความที่ผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ คุ้นเคยกับการใช้งานแฟลชไดร์ฟร่วมกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และแล็ปท็อปมาเป็นเวลานานหลายปี การปรับมาใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน ไอแพด หรือแท็บเล็ต จึงทำให้ผู้ใช้งานจำนวนไม่น้อยรู้สึกกังวลใจเรื่องของความปลอดภัยในการใช้งาน และประสิทธิภาพในการเก็บรักษาข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีภัยคุกคามไซเบอร์อยู่รอบตัว และข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงินของผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ ก็เสี่ยงที่จะถูกโจรกรรมอยู่ได้ตลอดเวลา ในบทความนี้จึงจะมาช่วยไขข้อข้องใจให้ผู้ใช้งานหลายคนได้คลายกังวลกันว่า แท้จริงแล้วการใช้งานแฟลชไดร์ฟบนสมาร์ทโฟน ไอแพด หรือแท็บเล็ตบนระบบปฏิบัติการต่าง ๆ เช่น Android และ IOS นั้นปลอดภัยหรือไม่

ภัยคุกคามจากไวรัส โปรแกรมไม่พึงประสงค์อยู่ในระดับต่ำกว่า แม้ว่าปัจจุบันเราจะได้เห็นข่าวการถูกโจรกรรมข้อมูลทางการเงินบนสมาร์ทโฟนเป็นจำนวนมาก แต่หากมองที่ความปลอดภัยของตัวสถาปัตยกรรมของระบบปฏิบัติการอุปกรณ์พกพา เช่น Android, IOS แล้ว ต้องบอกว่าความเสี่ยงที่จะโดนภัยคุกคามจากไวรัส โปรแกรมไม่พึงประสงค์ โปรแกรมมุ่งร้ายต่าง ๆ กลับมีต่ำกว่าบนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือแล็ปท็อป เนื่องจากสถาปัตยกรรมของระบบปฏิบัติการบนคอมพิวเตอร์มีการเปิดกว้างสำหรับโปรแกรมที่หลากหลายกว่า ขณะที่ระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์พกพานั้นมีข้อจำกัดของซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งได้ที่ชัดเจน และมีวงแคบกว่า ดังนั้นหากมองในส่วนของภัยคุกคามจากซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ จึงอาจสรุปได้ว่าการใช้งานแฟลชไดร์ฟบนสมาร์ทโฟน ไอแพด หรือแท็บเล็ตมีความปลอดภัยกว่าการใช้งานบนคอมพิวเตอร์ด้วยซ้ำ

การอนุญาตให้แอปพลิเคชั่น โปรแกรมเข้าถึงข้อมูลบนอุปกรณ์ ส่วนที่ต้องบอกว่าเป็นทั้งข้อดี และช่องโหว่สำหรับการใช้งานแฟลชไดร์ฟบนสมาร์ทโฟน ไอแพด แท็บเล็ต ด้วยก็คือ การยินยอม หรืออนุญาตให้แอปพลิเคชั่น หรือโปรแกรมใด ๆ ที่ติดตั้งลงบนอุปกรณ์สามารถเข้าถึง เรียกดูข้อมูลส่วนต่าง ๆ ของอุปกรณ์ได้ รวมถึงข้อมูลบนไดร์ฟของแฟลชไดร์ฟที่เราเชื่อมต่อนั่นเอง โดยระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์พกพาส่วนใหญ่จะมีระบบการอนุญาตการเข้าถึงดังกล่าวเป็นฟังก์ชั่นมาตรฐาน ดังนั้นหากต้องการใช้งานแฟลชไดร์ฟบนอุปกรณ์สมาร์ทโฟน ไอแพด หรือแท็บเล็ตให้ปลอดภัย ผู้ใช้งานก็ต้องระมัดระวังในการกดอนุญาตการเข้าถึงข้อมูลบนไดร์ฟ โดยควรอ่านข้อตกลง และเงื่อนไขการใช้งานให้ชัดเจนก่อนกดยินยอม

ประสิทธิภาพในการเก็บรักษา โอนถ่ายข้อมูลไว้บนไดร์ฟ มากันที่ส่วนที่ถือว่าเป็นประโยชน์ใช้งานหลักของแก็ดเจ็ตแฟลชไดร์ฟกัน ซึ่งก็คือ ประสิทธิภาพในการเก็บโอนถ่ายข้อมูล และเก็บรักษาข้อมูลไว้บนไดร์ฟ โดยการใช้งานบนสมาร์ทโฟน ไอแพด หรือแท็บเล็ตนั้น ประสิทธิภาพแทบจะไม่แตกต่างไปจากการใช้งานบนคอมพิวเตอร์ หรือแล็ปท็อป ความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลจะขึ้นอยู่กับทั้งตัวแฟลชไดร์ฟ และความเร็วสูงสุดที่พอร์ตเชื่อมต่อ(USB ไทป์ต่าง ๆ ) ทำได้ ขณะที่ประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการเก็บรักษาไฟล์ข้อมูลไว้บนไดร์ฟขึ้นอยู่กับตัวฮาร์ดแวร์ของแฟลชไดร์ฟ ซึ่งตราบที่ฮาร์ดแวร์ไม่ได้เสียหาย ข้อมูลที่เก็บไว้ก็จะยังคงปลอดภัยดี และการเสียบเชื่อมต่อแฟลชไดร์ฟเข้ากับสมาร์ทโฟน ไอแพดก็ไม่ได้มีส่วนทำให้ความเสี่ยงที่ฮาร์ดแวร์จะเสียหายเพิ่มขึ้นแต่อย่างใดและนอกจากนี้เนื่องจากตัวแฟลชไดร์ฟมีขนาดเล็กควรหา package ดี ๆ ไว้ใส่แฟลชไดร์ฟเพื่อป้องกันการสูญหายของแฟลชไดร์ฟ

ผลงานสายชาร์จ USB สกรีนโลโก้ Wrap Room

...

ผลงาน แฟลชไดร์ฟ สกรีนโลโก้ usb-perfect

โรงงานผลิตแฟลชไดร์ฟ พร้อมสกรีนโลโก้ฟรี! ขั้นต่ำน้อย มีโรงงานในไทย มีโกดังสต็อคในไทย พร้อมผลิต

  • สั่งทำเพื่อเป็นของแจก ของสมนาคุณ ของพรีเมี่ยม หรือของขวัญในโอกาสต่าง ๆ
  • สามารถสั่งทำเป็นชื่อ ข้อความ โลโก้ ลวดลาย ได้ตามต้องการ

สนใจสินค้า โทร. 02-4081377 หรือ ไลน์ @premiumperfect

ผลงานแฟลชไดร์ฟอื่น ๆ













เปรียบเทียบการทำงาน แฟลชไดร์ฟกับระบบคลาวด์

หากเราย้อนกลับไปประมาณ 10 ถึง 20 ปีที่แล้ว เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการเก็บข้อมูล หรือการบันทึกข้อมูลยอดนิยมที่ผู้คนมักจะจะใช้กัน เราก็น่าจะนึกถึงอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟ เป็นอุปกรณ์แรก เรียกได้ว่าอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟ ถือเป็นอุปกรณ์สามัญและติดตัวสำหรับใครหลายคน นักเรียนนักศึกษา...

หากเราย้อนกลับไปประมาณ 10 ถึง 20 ปีที่แล้ว เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการเก็บข้อมูล หรือการบันทึกข้อมูลยอดนิยมที่ผู้คนมักจะจะใช้กัน เราก็น่าจะนึกถึงอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟ เป็นอุปกรณ์แรก เรียกได้ว่าอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟ ถือเป็นอุปกรณ์สามัญและติดตัวสำหรับใครหลายคน นักเรียนนักศึกษา หรือจะเป็นคนที่ทำงานล้วนแต่ใช้แฟลชไดร์ฟ ถือว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นอุปกรณ์ที่เราขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตามในยุคนั้นยังมีแฟลชไดร์ฟแค่ไม่กี่รูปแบบไม่ว่าจะเป็น CLASSIC USB , METAL USB

 

แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เทคโนโลยีหนึ่งได้เข้ามาแทนที่แฟลชไดร์ฟ ถึงแม้จะมีคนใช้แฟลชไดร์ฟ กันอยู่บ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีสิ่งอื่นเข้ามาแทนที่ด้วยเช่นเดียวกัน นั่นคือการเก็บไฟล์ หรือเก็บข้อมูลไว้บนโลกอินเทอร์เน็ต หรือที่เราเรียกกันว่าระบบคลาวด์ ระบบดังกล่าวนี้นับว่ามีความโดดเด่นไม่แพ้กับการใช้แฟลชไดร์ฟ ในสมัยก่อน สามารถที่จะทำหน้าที่ในการบันทึกข้อมูล ในการจัดเก็บข้อมูล และในการถ่ายโอนข้อมูลได้เช่นเดียวกันกับแฟลชไดร์ฟ

 

ทั้งสองเทคโนโลยียังคงถูกใช้งานกันอยู่ในปัจจุบันและยังมีรูปแบบใหม่ ๆ ออกมามากมายอย่างเช่น PEN USB, RUBBER USB, RECYCLE USB เป็นต้น แต่อาจจะนำมาใช้ในกรณีที่แตกต่างกันออกไป วันนี้เราจะพาคุณมาเปรียบเทียบทั้งสองเทคโนโลยีนี้ ว่าเทคโนโลยีไหนที่จะเหมาะกับจุดประสงค์งานไหนมากกว่ากัน พื้นฐานการทำงานรวมถึงเรื่องของความปลอดภัย แบบไหนจะดีกว่าและตอบโจทย์การใช้งานของคุณมากกว่ากัน เพื่อที่จะเลือกใช้งานได้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์นั่นเอง

 

พื้นฐานในการทำงาน

 

พื้นฐานในการทำงานของสองอุปกรณ์นี้ นับว่ามีความใกล้เคียงกันพอสมควรเลยทีเดียว อย่างแรกก็คือแฟลชไดร์ฟ โดยปกติแล้วพื้นฐานการทำงานของอุปกรณ์ชนิดนี้ คือเราจะนำมาใช้สำหรับการเก็บข้อมูล การบันทึกข้อมูล รวมถึงการถ่ายโอนข้อมูล ผ่านอุปกรณ์ซึ่งมีขนาดค่อนข้างเล็ก เราสามารถที่จะเก็บอุปกรณ์ชนิดนี้อีกทั้งยังพกพาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบายมากกว่า กลับกันแล้ว หากเป็นระบบคลาวด์ เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพกเอาสิ่งนี้ไปไหนมาไหนอยู่ด้วย เนื่องจากการทำงานเป็นการฝากไฟล์ ผ่านอินเทอร์เน็ตหรือผ่านระบบออนไลน์ การนำข้อมูลเหล่านี้เก็บเข้าไปไว้ในระบบออนไลน์ ทำให้เราไม่จำเป็นต้องพกพาอุปกรณ์ใดไปไหนมาไหนเลยในขณะใช้งาน เพียงแค่เรามีอินเทอร์เน็ตเท่านั้น เราก็สามารถที่จะใช้งานข้อมูลของเราได้แล้ว

 

ความปลอดภัยในการใช้งาน

 

ในเรื่องของความปลอดภัย เราก็ต้องยอมรับกันตรงตรง ว่าการเข้าถึงข้อมูลได้นั้น หากเป็นอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟ เรียกได้ว่าปลอดภัยแทบจะเกือบ 100% เลยก็ว่าได้ เนื่องจากข้อมูลที่เรามีอยู่เป็นข้อมูลที่อยู่ในอุปกรณ์ของเรา เราจะพกพาอุปกรณ์ของเราไปไหนมาไหนก็ได้ การนำข้อมูลใส่อุปกรณ์บางอย่างโดยที่ไม่ได้ทำการอัพโหลด หรือการเก็บไฟล์ไว้บนโลกอินเทอร์เน็ตเลย ทำให้เรามั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยได้ค่อนข้างสูง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า การที่เรานำไฟล์ใดใดก็ตามไว้ในโลกอินเทอร์เน็ต มันจะเป็นอะไรที่ไม่ปลอดภัย ในระบบคลาวด์ ถึงแม้จะมีการแชร์ข้อมูลและการแบ่งปันข้อมูลกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ข้อมูลเหล่านี้ก็ยังคงมีการป้องกันในระดับที่ยอดเยี่ยม แต่นั่นต้องอยู่ในกรณีที่เราเลือกใช้กับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ แต่ถึงอย่างนั้นหากเทียบกับความเสี่ยง ไฟล์บนระบบอินเทอร์เน็ตย่อมเสี่ยงกว่าอยู่แล้ว

 

การพกพา

 

ในเรื่องของการพกพานั้น อุปกรณ์ขนาดเล็กที่เราพกพาไปไหนมาไหน ถึงแม้จะเป็นอะไรที่ค่อนข้างสะดวกสบายดี แต่บ่อยครั้งเราอาจจะทำหาย หรือลืมไว้ที่ไหนซักที่ก็ได้ กลับกันแล้ว หากเป็นระบบออนไลน์เอง เราไม่จำเป็นต้องกังวลหรือพกพาอุปกรณ์ไปไหนมาไหนเลย เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตก็สามารถใช้งานข้อมูลของเราได้ แต่นี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดอ่อนเช่นเดียวกัน เพราะว่าหากไม่มีอินเทอร์เน็ต ระบบคลาวด์ ก็จะใช้การไม่ได้

ตัวการทำลาย แฟลชไดร์ฟ ให้ชำรุดนั้นมีอะไรบ้า

การเก็บรักษา แฟลชไดร์ฟ นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับผู้ที่มีข้อมูลจำนวนมากหรือมีข้อมูลที่ต้องการเก็บไว้อย่างยาวนาน แต่บางทีข้อมูลเหล่านั้นก็อาจสูญหายได้ จากสาเหตุที่คาดไม่ถึง อันส่งผลให้ แฟลชไดร์ฟ เกิดการชำรุดได้ซึ่งสาเหตุต่าง ๆ ที่สามารถทำให้ แฟลชไดร์ฟ ...

การเก็บรักษา แฟลชไดร์ฟ นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับผู้ที่มีข้อมูลจำนวนมากหรือมีข้อมูลที่ต้องการเก็บไว้อย่างยาวนาน แต่บางทีข้อมูลเหล่านั้นก็อาจสูญหายได้ จากสาเหตุที่คาดไม่ถึง อันส่งผลให้ แฟลชไดร์ฟ เกิดการชำรุดได้

 

ซึ่งสาเหตุต่าง ๆ ที่สามารถทำให้ แฟลชไดร์ฟ  เกิดการชำรุดได้นั้นมีอะไรบ้าง เรามาดูกันเลย

 

แฟลชไดร์ฟ ชำรุดจากการเปียกหรือชื้น

น้ำและความชื้นคือสาเหตุยอดนิยมที่พบเจอได้บ่อยมากโดยเฉพาะการเผชิญกับสภาพอากาศในวันฝนตก หรือต้องเปียกปอนจากการทำงานบ้าน โดยที่ยังพกพา แฟลชไดรฟ์ ติดตัวอยู่ หรือแม้แต่กระทั่งในขณะทำงาน เผลอทำเครื่องดื่มหกใส่ ก็มีอุบัติเหตุแบบนี้เกิดขึ้นกับหลายผู้ใช้งานเช่นกัน ซึ่งไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม สิ่งเหล่านี้สามารถทำให้ แฟลชไดร์ฟ เกิดการชำรุดได้ทั้งสิ้น หรือแม้แต่อาจจะไม่ชำรุดในทันที แต่เกิดคราบตะกรันหรือคราบสนิม คอยบั่นทอนอายุการใช้งาน
หรือหากร้ายกว่านั้นก็อาจจะเกิดการชำรุดตามมาในไม่ช้า อย่างไม่ทันตั้งตัวรู้ทัน

 

ชำรุดจากการกระทบกระเทือน

อีกสาเหตุหนึ่งที่พบเจอได้บ่อยนั่นก็คือการชำรุดของ แฟลชไดร์ฟ อันเนื่องมาจากการกระทบกระเทือน โดยการกระทบกระเทือนนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย
ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญกับอุบัติเหตุ หรือการกระแทกที่แม้แต่การกระแทกเพียงแค่เล็ก ๆ ที่ร่างกายไม่รู้สึกบาดเจ็บ หากเป็นการกระแทกในกิจวัตรประจำวันทั่วไปที่ไม่ได้สังเกตเห็น
แต่แรงกระทบนั้นมันดันทำมุมที่พอดี และส่งแรงตรงกับจุดที่เก็บ แฟลชไดร์ฟ ไว้กับตัว จนเกิดการชำรุดเสียหายได้เช่นกัน หรืออาจจะต้องเปลี่ยนมาใช้ Metal Usb ที่วัสดุเป็นโลหะมีความแข็งแรงทนทาน อาจจะได้รับผลกระทบน้อยหรือไม่ได้รับเลยเมื่อตกหล่นโดนพื้น

 

ชำรุดจากกระแสไฟฟ้า หรืออุณหภูมิสูง

มีอีกสาเหตุหนึ่งที่เกิดขึ้นได้แม้ว่าผู้พกพา แฟลชไดร์ฟ จะมีการระมัดระวังแค่ไหนก็ตาม นั่นก็คือเรื่องของกระแสไฟฟ้า ที่เกิดการผกผันคาดเดาไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นกระแสไฟฟ้าแปรปรวนจากฟ้าผ่าส่งแรงดันสูงมายังสายไฟเข้าสู่อุปกรณ์ หรือเกิดไฟกระชากไฟตกจากปัจจัยภายนอก สิ่งเหล่านี้ก็สามารถทำให้ แฟลชไดร์ฟ เกิดการชำรุดได้เช่นกัน

อีกทั้ง ในเรื่องของความร้อนสูงจากการใช้งานหนัก ซึ่งผู้ใช้งาน แฟลชไดร์ฟ กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปจำนวนมาก มักจะนิยมเสียบ แฟลชไดร์ฟ คาเครื่องเอาไว้
และสิ่งนี้เองจึงทำให้เกิดการเสื่อมสภาพก่อนอายุการใช้งาน อันเนื่องด้วยภายในชิ้นส่วนโครงสร้างของ แฟลชไดร์ฟ นั้นประกอบไปด้วยวัสดุ อิเล็กทรอนิกส์ ที่มีขนาดเล็กจิ๋วและค่อนข้างเปราะบาง

ซึ่งแม้ว่าโครงสร้างของ แฟลชไดร์ฟ บางรุ่นนั้นจะมีน้ำหนักเบา ทนทานต่อแรงกระแทกตกหล่นแต่หากต้องเผชิญกับอุณหภูมิที่เกินขนาด มันก็ง่ายที่จะสร้างความเสียหายได้เช่นกัน
ดังนั้นก่อนที่ผู้ใช้งาน แฟลชไดร์ฟ จะนำอุปกรณ์ไปเชื่อมต่อกับแหล่งจ่ายพลังงาน ผ่านอุปกรณ์ชนิดใดก็ตาม ก็ควรจะตรวจสอบสังเกตให้ดีว่าอุปกรณ์ชนิดนั้น หรือเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นมีระบบการควบคุมไฟที่ไว้วางใจได้หรือไม่

แม้หากเป็นกรณีของอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ ส่วนตัวที่มีระบบการควบคุมไฟที่แน่นหนา ไม่ว่าจะเป็น power supply คุณภาพดี หรือมีการติดตั้งเครื่องสำรองไฟ UPS เอาไว้เรียบร้อยแล้วก็ตาม แต่ปัจจัยภายนอกที่เกิดจากสายไฟนอกบ้าน หรือปัจจัยทางธรรมชาติที่เกิดจากแรงฟ้าผ่า มันมีพลังงานที่ไม่อาจคาดเดาได้ ดังนั้นการเสียบ แฟลชไดร์ฟ เอาไว้กับเครื่องตลอดเวลา จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง

 

ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่าปัจจัยในการทำให้อุปกรณ์ แฟลชไดร์ฟ เกิดการชำรุดเสียหายนั้นมีอยู่หลายกรณีด้วยกัน แต่ผู้ใช้งานสามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงเหล่านั้นได้ ด้วยการใช้งานอย่างถูกวิธีและสังเกตระมัดระวังอยู่เสมอซึ่งหากจะให้ดีขึ้นอีก ควรมีที่เก็บ แฟลชไดร์ฟ ที่มีความแข็งแรง แน่นหนา อย่างเช่นเก็บไว้ใน Package ที่เคสหรือในกล่องเป็นต้น หรือใช้แฟลชไดร์ฟที่เป็น Rubber Usb เนื่องจากเป็นแฟลชไดร์ฟที่เป็นสายรัดข้อมือ สามรถนำมาใส่เพื่อความสวยงามและป้องกันการตกหล่นหรือเสียหายได้ เพียงเท่านี้ก็ไว้วางใจได้เลยว่า แฟลชไดร์ฟ ที่เก็บข้อมูลสำคัญของเรานั้น จะมีอายุการใช้งานได้อีกยาวนานอย่างแน่นอน

เช็คลิสต์สิ่งที่ควรทำ/ไม่ควรทำ เมื่อเปิดไฟล์ในแฟลชไดร์ฟไม่ได้

แฟลชไดร์ฟมีหลายรูปแบบมากมาย ทั้งแบบ card usb, wooden usb, metal usb เป็นต้น ในการใช้งานแฟลชไดร์ฟสำหรับบันทึกข้อมูล โอนถ่ายไฟล์ดิจิทัลต่างๆ นั้น ผู้ใช้งานหลายคนคงทราบกันดีว่ามีหนึ่งในปัญหากวนใจที่มักจะเกิดขึ้นแบบที่เราไม่ทันตั้งตัว ซึ่งก็คือปัญหาการเปิดไฟล์ใด ๆ...

แฟลชไดร์ฟมีหลายรูปแบบมากมาย ทั้งแบบ card usb, wooden usb, metal usb เป็นต้น ในการใช้งานแฟลชไดร์ฟสำหรับบันทึกข้อมูล โอนถ่ายไฟล์ดิจิทัลต่างๆ นั้น ผู้ใช้งานหลายคนคงทราบกันดีว่ามีหนึ่งในปัญหากวนใจที่มักจะเกิดขึ้นแบบที่เราไม่ทันตั้งตัว ซึ่งก็คือปัญหาการเปิดไฟล์ใด ๆ ที่เราบันทึกไว้ในแฟลชไดร์ฟเพื่ออ่าน หรือคัดลอก ส่งต่อไม่ได้นั่นเอง และแม้ว่าผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะทราบดีว่าควรต้องสำรองไฟล์ข้อมูลนั้น ๆ ไว้บนอุปกรณ์อื่นก่อนทำการบันทึกลงแฟลชไดร์ฟ แต่ในการใช้งานจริงนั้นก็มีบ่อยครั้งที่เราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สะดวกในการสำรองข้อมูลไปยังอุปกรณ์อื่น ไม่ว่าจะด้วยข้อจำกัดเรื่องของเวลา อุปกรณ์ที่มีให้ใช้งาน หรือด้านความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญโดยบุคคลอื่น ดังนั้นปัญหาการเปิดไฟล์จากแก็ดเจ็ตชิ้นนี้ไม่ได้ จึงยังคงนับเป็นปัญหายอดฮิตนึงของผู้ใช้งานอุปกรณ์ไอทีในปัจจุบัน ในบทความนี้จึงจะมาแนะนำลิสต์สิ่งที่ควรทำ และไม่ควรทำ เมื่อไม่สามารถเปิดไฟล์ใด ๆ จากแฟลชไดร์ฟได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟล์เสียหายจนถึงขั้นไม่สามารถเปิดและใช้งานไฟล์นั้น ๆ ได้เป็นการถาวร
ควรสแกนไวรัสโดยโปรแกรมของระบบ ลิสต์สิ่งที่ควรทำอันดับแรกเมื่อไม่สามารถเปิดไฟล์ในแฟลชไดร์ฟได้ก็คือ การสแกนไวรัสโดยโปรแกรมของระบบบนอุปกรณ์นั้น ๆ เอง ทั้งนี้อุปกรณ์บางตัวในปัจจุบันจะมีระบบป้องกันภัยคุกคามจากไดร์ฟภายนอก ทำให้ไม่สามารถเปิด เรียกดูไฟล์ใดๆ ได้ หากไม่ผ่านการสแกนโดยระบบซะก่อน ดังนั้นในหลายๆกรณีที่ผู้ใช้งานไม่สามารถเปิดไฟล์จากแฟลชไดร์ฟได้ จึงสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดสแกนไวรัสโดยโปรแกรมของระบบ ก่อนเข้าไปเปิดไฟล์อีกครั้งหลายจากที่เสร็จสิ้นขั้นตอนการสแกนไวรัส
ไม่ควรสแกนไวรัสโดยโปรแกรมที่ติดตั้งเอง มากันที่ลิสต์ที่ไม่ควรทำเมื่อไม่สามารถเปิดไฟล์จากแฟลชไดร์ฟได้กันบ้าง ซึ่งก็คือ การกดสแกนไวรัสโดยโปรแกรมแอนตี้ไวรัสต่างๆ ที่ทำการดาวน์โหลดมาติดตั้งเองนั่นเอง ทั้งนี้ก็เพราะโปรแกรมสแกนไวรัสต่าง ๆ ที่มีให้เลือกดาวน์โหลดมาใช้งานกันฟรี ๆ ตามแหล่งดาวน์โหลดออนไลน์ต่าง ๆ นั้น อาจแฝงมาด้วยไวรัส หรือซอฟท์แวร์ไม่พึ่งประสงค์ต่าง ๆ ซะเอง และบ่อยครั้งการใช้งานโปรแกรมสแกนไวรัสที่เชื่อถือไม่ได้เหล่านี้ก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้ไฟล์ต่าง ๆ บนแฟลชไดร์ฟเสียหายจนไม่สามารถเข้าถึงได้เป็นการถาวร
ไม่ควรดาวน์โหลดโปรแกรม/แอปพลิเคชั่น กู้คืนข้อมูลมาใช้งาน อีกหนึ่งวิธีที่ผู้ใช้งานจำนวนไม่น้อยมักนึกถึง แต่ต้องจัดให้เป็นลิสต์ที่ไม่ควรทำก็คือ การดาวน์โหลดโปรแกรม หรือแอปพลิเคชั่นกู้คืนข้อมูลใด ๆ มาใช้งานนั่นเอง เพราะซอฟท์ลักษณะดังกล่าวที่เปิดให้ดาวน์โหลดมาใช้งานกันฟรี ๆ จัดเป็นซอฟท์แวร์ที่ค่อนข้างอันตราย เนื่องจากต้องมีการอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลบนอุปกรณ์ของเราหลายส่วน อีกทั้งเปอร์เซ็นต์ที่ซอฟท์แวร์จะสามารถกู้คืนไฟล์ต่าง ๆ ได้จริงก็มีเพียงน้อยนิดด้วย เพราะพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของแฟลชไดร์ฟนั้นเป็นลักษณะของดิจิทัลไดร์ฟ ซึ่งจะเป็นการเขียนข้อมูลทับไปเรื่อย ๆ หากมีข้อมูลใด ๆ ถูกลบ หรือสูญหายไปแล้วจริง ๆ ก็เท่ากับว่าพื้นที่นั้น ๆ อาจถูกใช้งานในการเขียนข้อมูลใหม่ ๆ ทับลงไปแล้ว ซึ่งแตกต่างจากกรณีปัญหาเปิดไฟล์ไม่ได้ ที่ไฟล์ข้อมูลยังคงมีอยู่
เปิด/แกะบอดี้เพื่อตรวจเช็คชิ้นส่วนภายใน อีกหนึ่งลิสต์ข้อห้ามที่ต้องบอกว่าควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาดเลยก็คือ การเปิด หรือแกะบอดี้ของตัวแฟลชไดร์ฟ เพื่อตรวจเช็คความผิดปกติของชิ้นส่วนภายในใด ๆ นั่นเอง เนื่องจากชิ้นส่วนภายในแฟลชไดร์ฟนั้นเป็นเพียงชิปวงจรขนาดจิ๋ว ซึ่งง่ายต่อการถูกรบกวน หรือทำให้เสียหายได้เพียงแค่การสัมผัสไม่กี่ครั้ง และแน่นอนว่าเป็นเรื่องยากยิ่งที่ผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ จะสามารถสังเกตเห็นความผิดปกติของชิ้นส่วนภายในใด ๆ และทำการซ่อมแซมได้ การแกะบอดี้ออกมาตรวจเช็คเองจึงยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้ไฟล์ข้อมูลเสียหาย และเข้าถึงไม่ได้เป็นการถาวรขึ้นไปอีก ทั้งที้ควรเลือกใช้แฟลชไดร์ฟที่ดี มีคุณภาพ มีรีวิวและควรเลือกใช้แฟลชไดร์ฟที่มีความแข็งแรงทนทานเมื่อตกหล่นอย่างเช่น Metal usb หรือหากว่ามีแฟลชไดร์ฟในรูปแบบอื่น ๆ ก็ควรใช้ Package แบบกล่องหรือถุงผ้าเพื่อป้องกันการตกหล่น ที่อาจจะก่อให้ข้างในของแฟลชไดร์ฟเสียหาย

เหตุผลที่ไม่ควรเลือกใช้ แฟลชไดร์ฟที่มีขนาดความจุสูง

ในการใช้งานแก็ดเจ็ตจัดเก็บข้อมูลพกพาอย่างแฟลชไดร์ฟนั้น ปัจจุบันนี้ผลิตออกมาหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นแบบ card usb, rubber usb, pen usb, metal usb ความจุที่เพิ่มมากขึ้น ผู้ใช้งานหลายคนมักเข้าใจว่ายิ่งมีขนาดความจุสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะจะทำให้สามารถจัดเก็บข้อมูลได้เยอะ สามารถใช้งานโอนถ่ายไฟล์ขนาดใหญ่...

ในการใช้งานแก็ดเจ็ตจัดเก็บข้อมูลพกพาอย่างแฟลชไดร์ฟนั้น ปัจจุบันนี้ผลิตออกมาหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นแบบ card usb, rubber usb, pen usb, metal usb ความจุที่เพิ่มมากขึ้น ผู้ใช้งานหลายคนมักเข้าใจว่ายิ่งมีขนาดความจุสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะจะทำให้สามารถจัดเก็บข้อมูลได้เยอะ สามารถใช้งานโอนถ่ายไฟล์ขนาดใหญ่ ๆ ได้ ซึ่งปัจจุบันนี้แบรนด์ผู้ผลิตเจ้าต่าง ๆ ก็ดูจะตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน ด้วยการผลิตแฟลชไดร์ฟที่มีขนาดความจุสูงถึงระดับเทราไบต์ หรือกว่า 1,000 เมกะไบต์ ออกมาวางจำหน่าย ซึ่งนับเป็นขนาดความจุที่ผู้ใช้งานหลายคนไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นในแก็ดเจ็ตขนาดจิ๋ว อย่างไรก็ตามในการใช้งานแก็ดเจ็ตชิ้นนี้จริง ๆ จะเห็นได้ว่าปริมาณความจุที่สูงระดับเทราไบต์ หรือหลายเทราไบต์นั้นไม่ได้ตอบสนองความต้องการใช้งานกิจกรรมการเรียน การทำงานต่าง ๆ ได้ดีกว่าแฟลชไดร์ฟที่มีขนาดความจุระดับกิกะไบต์สักเท่าไหร่ และยังตามมาด้วยข้อเสียอีกหลายประการเช่นกัน ในบทความนี้จึงจะมากล่าวถึงข้อเสียต่าง ๆ ดังกล่าว ซึ่งถือเป็นเหตุผลที่ผู้ใช้งานหลายคนไม่ควรเลือกใช้แฟลชไดร์ฟที่มีขนาดความสูงเกินไปให้ได้ทราบกัน
ขนาดความจุที่มากเกินความต้องการใช้งานจริง เหตุผลแรกที่การเลือกใช้งานแฟลชไดร์ฟที่มีขนาดความจุสูงๆ ดูจะไม่มีความจำเป็นสำหรับผู้ใช้งานหลายคนก็คือ ขนาดความจุที่สูงเกินความต้องการใช้งานจรงนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานจัดเก็บไฟล์รูปภาพ วิดีโอ และไฟล์เอกสารทั่วไปสำหรับกิจกรรมการทำงานต่าง ๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วระดับความจุกิกะไบต์ เช่น 128GB, 256GB, 512GB ก็มักจะเพียงพอที่จะรองรับการใช้งานได้ครอบคลุมแล้ว จึงแทบไม่มีความจำเป็นที่ผู้ใช้งานต้องจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อแลกกับพื้นที่ความจำระดับเทราไบต์ เช่น 1TB, 2TB, 4TB
ความเสี่ยงที่ไฟล์จะสูญหายกะทันหัน และไม่สามารถกู้คืนได้ อย่างที่ทราบกันดีว่าปัญหาคลาสสิคอย่างนึงในการใช้งานแฟลชไดร์ฟ ก็คือ อาการชำรุดเสียหายที่เกิดขึ้นแบบกะทันหัน ซึ่งมาได้จากหลากหลายสาเหตุ และเปอร์เซ็นต์ที่จะกู้คืนไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ กลับมาที่มีค่อนข้างน้อย เนื่องจากการรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลในแฟลชไดร์ฟนั้นเป็นแบบดิจิทัล(แตกต่างจากระบบจากหมุนแบบฮาร์ดดิสก์ ที่การบันทึกจัดเก็บข้อมูลมีความมั่นคง ปลอดภัยกว่า) ดังนั้นยิ่งมีพื้นที่ความจำสูงเท่าไหร่ ก็มีแนวโน้มที่ผู้ใช้งานอาจจะจัดเก็บไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ ไว้ในแฟลชไดร์ฟมากขึ้นไปอีก และทำให้ความเสี่ยงที่ไฟล์ต่าง ๆ จะสูญหายมีสูงขึ้น และส่งผลกระทบกับกิจกรรมการเรียน การทำงานต่าง ๆ มากขึ้นไปด้วยนั่นเอง
มีตัวเลือกการสำรองข้อมูลอื่นๆให้เลือกใช้ อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้แฟลชไดร์ฟขนาดความจุสูง ๆ ดูจะไม่มีความจำเป็นถึงขนาดที่แบรนด์ผู้ผลิตเจ้าต่าง ๆ พยายามจะโปรโมทก็คือ การที่ปัจจุบันมีช่องทางการสำรองข้อมูลอื่น ๆ ให้ได้เลือกใช้อีกมากมาย เช่นเดียวกับระบบเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ ทั้งนี้อย่างที่ทราบกันว่า ประโยชน์การใช้งานแฟลชไดร์ฟสำหรับผู้ใช้งานหลายคนไม่ได้มีเพียงแค่การใช้เป็นพื้นที่สำรองข้อมูล หรือจัดเก็บไฟล์ข้อมูลใดๆ เท่านั้น แต่ยังใช้เพื่อความปลอดภัยในการเข้าถึงไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ โดยบุคคลอื่นอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์แบบกึ่งสาธารณะ เช่น คอมพิวเตอร์ในออฟฟิศ คอมพิวเตอร์ใน Co-Working Space ซึ่งไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ ที่เราทำงานบันทึก จัดเก็บไว้อาจถูกเข้าถึง เปิดดู ส่งต่อโดยบุคคลอื่นได้ ดังนั้นผู้ใช้งานหลายคนจึงเลือกที่จะบันทึกไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ ไว้บนแฟลชไดร์ฟที่สามารถพกติดตัวได้ง่าย ๆ แทน อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้วปัจจุบันเราสามารถเลือกเพิ่มระบบความปลอดภัยในการเข้าถึงไฟล์ข้อมูลบนอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ โดยไม่จำเป็นต้องโอนย้ายไฟล์ไปเก็บไว้ที่อื่น ไม่ว่าจะเป็นการใช้วิธีเข้ารหัสโฟลเดอร์ หรือแฟ้มเอกสารนั้น ๆ ซึ่งจะทำให้มีเพียงผู้ที่ทราบรหัสเท่านั้นที่สามารถเปิดเข้าไปดูไฟล์ต่าง ๆ ได้ หรือการใช้ระบบซ่อนโฟลเดอร์จากหน้าเดสก์ท็อป หรือหน้าไดร์ฟนั้น ๆ ซึ่งจะทำให้ผู้อื่นไม่สามารถสังเกตเห็นไฟล์ที่เราบันทึกไว้ได้ เช่นเดียวกับระบบสำรองข้อมูลอื่น ๆ เช่น ระบบออนไลน์คลาวด์ต่าง ๆ ก็สามารถใช้เป็นพื้นที่การสำรองไฟล์ข้อมูลแทนการบันทึกลงบนไดร์ฟภายนอกได้นอกจากนี้ยังสามารถใช้ GPS Tracker ติดไว้กับแฟลชไดร์ฟได้ด้วยเผื่อสูญหายหรือหลงลืมไว้ที่ไหนก็จะถามหาได้

พฤติกรรมการใช้ แฟลชไดร์ฟ แบบใดที่ควรระวัง

สิ่งสำคัญที่ผู้ใช้งาน แฟลชไดร์ฟ ต่างนึกระวัง ก็คือการทำยังไงก็ได้ไม่ให้ข้อมูลภายในเกิดสูญหายไปในระหว่างการใช้งาน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะคำนึงถึงการระมัดระวังปัญหาไวรัสเป็นหลัก เนื่องจากเป็นสิ่งที่พบได้ง่ายและสร้างปัญหาได้มากที่สุด...

สิ่งสำคัญที่ผู้ใช้งาน แฟลชไดร์ฟ ต่างนึกระวัง ก็คือการทำยังไงก็ได้ไม่ให้ข้อมูลภายในเกิดสูญหายไปในระหว่างการใช้งาน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะคำนึงถึงการระมัดระวังปัญหาไวรัสเป็นหลัก เนื่องจากเป็นสิ่งที่พบได้ง่ายและสร้างปัญหาได้มากที่สุด แต่ทั้งนี้มันก็ไม่ได้มีแค่เรื่องของมัลแวร์เพียงอย่างเดียวที่จะทำให้อุปกรณ์ของคุณเกิดความเสียหาย มันยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบให้คุณจำเป็นต้องบอกลาแฟลชไดร์ฟ อันเก่าโดยไม่จำเป็นได้อีก ถ้าหากไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ดีพอ

เทคนิคยืดอายุการใช้งาน แฟลชไดร์ฟ

ปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อแฟลชไดร์ฟให้เกิดความเสียหายจะมีอยู่ด้วยกันอยู่ 2 ประเภท คือ มาจากการใช้งานอุปกรณ์ด้านฮาร์ดแวร์ กับ เกิดจากการใช้งานด้านซอฟแวร์ ที่ไม่ถูกต้อง

วิธีถนอมการใช้งานด้านฮาร์ดแวร์

1.ดูแล แฟลชไดร์ฟ ให้เหมือนกับของใช้สำคัญ
อย่างแรกเราต้องเข้าใจกันก่อนว่าการผลิตอุปกรณ์ แฟลชไดร์ฟ ไม่ได้ผลิตจากวัสดุที่มีความแข็งแรงอะไรมาก แต่จะเน้นใช้งานได้และให้น้ำหนักเบา ดังนั้นเมื่อมันตกหรือรับแรงกระแทก ก็อาจจะทำให้ชิ้นส่วนเกิดการแตกหัก และยังรวมถึงอากาศร้อนกับความชื้น ที่สามารถทำให้ชิ้นส่วนภายในเกิดการเสื่อมสภาพอีกเช่นเดียวกัน นอกจากนี้แม้แต่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็ยังรบกวนวงจรภายในได้อีกต่างหาก เพื่อป้องกันการตกหล่นควรใช้แฟลชไดร์ฟที่เป็นสายรัดข้อมืออย่าง rubber usb

โดยผู้ใช้ควรหาเคสหรือกระเป๋าใบเล็กสำหรับเก็บแฟลชไดร์ฟ เพื่อให้ง่ายต่อการหยิบใช้งานรวมถึงหลีกเลี่ยงการตกกระแทกของอุปกรณ์ และสภาพแวดล้อมโดยรอบ ให้แฟลชไดร์ฟยังคงอยู่ในสภาพเดิมอยู่เสมอ

2.ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเสียบ เข้า-ออก
การใช้งานของคนส่วนใหญ่มักจะมีนิสัยชอบความรวดเร็ว จึงทำให้เมื่อเสียบหรือถอดแฟลชไดร์ฟออกจากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์จะทำแบบรุนแรง ซึ่งถ้าหากทำบ่อยเข้ามันก็จะส่งผลให้อุปกรณ์เกิดความเสียหายโดยเฉพาะในส่วนของขั้วเชื่อมต่อ ฉะนั้นแล้วผู้ใช้ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ใช้งานมันอย่างทะนุถนอมขึ้น รวมถึงขณะถอดหรือเสียบเข้าก็พยายามทำให้มันเสียบตรงกับพอร์ต USB อย่าให้อยู่ในลักษณะงอ ขึ้น-ลง มากจนเกินไป

นอกจากนี้แล้วอีกหนึ่งพฤติกรรมที่พบเห็นได้บ่อยคือการเสียบแฟลชไดร์ฟค้างเอาไว้ในขณะที่ยังไม่ได้ใช้งาน โดยรู้หรือไม่ว่าในระหว่างนั้นอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟจะยังคงทำงานอยู่ตลอด เนื่องจากระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์จะคอยรันทดสอบการทำงานอยู่เป็นระยะ ซึ่งนั่นหมายความว่าแฟลชไดร์ฟจะต้องคอยเขียนข้อมูลตอบสนองอยู่เสมอ และถ้าหากรันไปมาโดยไม่ได้ใช้งานอะไรก็จะทำให้อายุการใช้งานสั้นลงไปอย่างไร้ประโยชน์

ถนอมการใช้งานด้านซอฟแวร์

1.หยุดการทำงานก่อนดึงแฟลชไดร์ฟออก
ในระหว่างที่แฟลชไดร์ฟยังคงเสียบและกำลังทำงานอยู่ หากผู้ใช้ถอดมันออกโดยทันที จะเป็นการตัดการเขียนข้อมูลอย่างกะทันหัน อาจทำให้เกิดความเสียหายถึงข้อมูล หรือวงจรอุปกรณ์ ซึ่งเมื่อไม่ใช้งานแล้วควรที่จะสั่งให้ระบบปฏิบัติการหยุดเขียนข้อมูลก่อน จากนั้นจึงค่อยถอดแฟลชไดร์ฟออก ผ่านการคลิกขวาที่ไดร์ฟแล้วเลือกเมนู Eject ก็เป็นอันเสร็จ

2.หลีกเลี่ยงการแก้ไขไฟล์ข้อมูลใน flash drive
การหลีกเลี่ยงการเพิ่มจำนวนรอบเขียนข้อมูลของแฟลชไดร์ฟมากเกินความจำเป็น ถือเป็นวิธีการที่ช่วยยืดอายุของแฟลชไดร์ฟได้เป็นอย่างมาก ซึ่งหากต้องการจะแก้ไขไฟล์ ก็ควรจะมีการย้ายหรือคัดลอกออกมาจัดการในเครื่องคอมพิวเตอร์ เมื่อเสร็จแล้วก็ให้นำวางในแฟลชไดร์ฟตามเดิม จะเป็นการแบ่งเบาภาระได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่า

สรุปแล้ววิธีการถนอมแฟลชไดร์ฟที่ดีที่สุด คือต้องเริ่มจากทำความเข้าใจก่อนว่ามันคืออุปกรณ์สำหรับจัดเก็บและขนย้ายข้อมูล และไม่ควรที่จะใช้งานมันอย่างหนักเกินความจำเป็น เพื่อยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ให้นานขึ้นนั่นเอง จะได้ไม่ต้องคอยซื้อแฟลชไดร์ฟมาเปลี่ยนใช้ใหม่บ่อย ๆ เหมือนกับที่คนอื่นประสบปัญหากันและที่สำคัญควรรักษาแฟลชไดร์ฟให้ดีโดยการเก็บ Package ให้ดี และควรเลือกใช้แฟลชไดร์ฟที่มีวัสดุ ที่ทนทานยกตัวอย่างเช่น  metal usb เป็นต้นเนื่องจากทำมาจากวัสดุที่เป็นโลหะจะทำให้แฟลชไดร์ฟทนท่านเป็นพิเศษ

Top 3 แบรนด์แฟลชไดร์ฟ ที่ดีที่สุดตลอดกาล

ในการเลือกซื้อเลือกหาแก็ดเจ็ตไอทีอย่างแฟลชไดร์ฟไว้ใช้งานนั้น แน่นอนว่าปัจจัยนึงที่ผู้ใช้งานหลายคนค่อนข้างให้ความสำคัญก็คือเรื่องของแบรนด์ หรือยี่ห้อผู้ผลิต เนื่องจากสินค้ากลุ่มแก็ดเจ็ตไอทีนั้นถือเป็นกลุ่มสินค้าที่ค่อนข้างมีความอ่อนไหวในเรื่องของคุณภาพ...

ในการเลือกซื้อเลือกหาแก็ดเจ็ตไอทีอย่างแฟลชไดร์ฟไว้ใช้งานนั้น แน่นอนว่าปัจจัยนึงที่ผู้ใช้งานหลายคนค่อนข้างให้ความสำคัญก็คือเรื่องของแบรนด์ หรือยี่ห้อผู้ผลิต เนื่องจากสินค้ากลุ่มแก็ดเจ็ตไอทีนั้นถือเป็นกลุ่มสินค้าที่ค่อนข้างมีความอ่อนไหวในเรื่องของคุณภาพ และปัญหาจุกจิกระหว่างการใช้งานพอสมควร พูดง่าย ๆ ก็คือผู้ใช้งานจำเป็นต้องเลือกใช้งานสินค้าจากแบรนด์ที่ไว้วางใจได้นั่นเอง ซึ่งปัจจุบันแบรนด์ที่ผลิตแฟลชไดร์ฟมาวางจำหน่ายในตลาดนั้นก็มีมากมายหลายแบรนด์ด้วยกัน แต่ก็มีเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้นที่ครองอันดับความนิยมในตลาดมาได้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน จนกลายเป็นแบรนด์ที่ผู้ใช้งานจดจำได้และนึกถึงเป็นลำดับแรก ๆ ไปโดยอัตโนมัติ และยัง เหมาะสำหรับการทำเป็น Gift set เป็นของพรีเมี่ยมไว้ในงานอื่นๆ ซึ่งในบทความนี้เองได้คัดเอาเพียง Top 3 แบรนด์ผู้ผลิตแฟลชไดร์ฟที่ดีที่สุดตลอดกาลมาบอกกล่าวให้ได้ทราบกันพร้อมกับจุดเด่นที่ทำให้แต่ละแบรนด์ครองใจผู้ใช้งานมาได้ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา
SanDisk แบรนด์ที่ต้องยกให้เป็นอันดับหนึ่งในตลาดบ้านเราเวลานี้ก็แน่นอนว่าย่อมต้องเป็น Sandisk(แซนดิสก์) นั่นเอง ซึ่งแม้ว่าจะเป็นแบรนด์ที่อายุในตลาดบ้านเรายังไม่ยาวนานมากนัก แต่เมื่อเทียบกับกระแสตอบรับที่ทำได้ดีอย่างคงเส้นคงวาตลอดช่วงหลายปีหลังก็ต้องยกให้เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ดีที่สุดที่ผู้ใช้งานไว้วางใจมากที่สุด โดยจุดเด่นของแฟลชไดร์ฟจากค่ายแซนดิสก์ก็คือ เรื่องของคุณภาพที่ทำได้ดีเกินค่าเฉลี่ยของคู่แข่งในตลาด ฟีดแบ็กเรื่องปัญหาชำรุด เสียหายที่ตัวฮาร์ดแวร์ถือว่ามีน้อย นอกจากนี้ยังมีการวางระบบสนับสนุนการใช้งานที่ดี มีการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับใช้ควบคู่กันกับผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานใช้งานแฟลชไดร์ฟรุ่นต่าง ๆ ของแบรนด์ได้อย่างสะดวกมากขึ้น อีกทั้งยังมีหลายรูปแบบเช่น metal usb, casd usd  เป็นต้น
Kingston แบรนด์ผู้ผลิตแฟลชไดร์ฟแบรนด์นึงที่ต้องบอกว่าผู้ใช้งานอุปกรณ์ไอทีในบ้านเราแทบทุกคนรู้จัก และเกินกว่า 50% เคยผ่านการใช้งานสินค้าของแบรนด์มาแล้วก็คือ Kingston(คิงส์ตัน) นั่นเอง โดยคิงส์ตันเป็นแบรนด์ที่มีจุดเริ่มต้นจากคู่หูนักธุรกิจชาวจีนที่สนใจในการพัฒนาอุปกรณ์เสริมสำหรับใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ไอทีต่าง ๆ และนับเป็นแบรนด์ผู้บุกเบิกการทำอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลพกพาแบบ USB โดย USB Drive หรือแฟลชไดร์ฟที่คิงส์ตันพัฒนาออกมาถูกวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2001 หรือกว่า 23 ปีมาแล้ว จุดเด่นของคิงส์ตันก็คือการรุกตลาดไปในหลายทวีปทั่วโลก ทำให้ผู้ใช้งานสามารถพบเห็นสินค้าของแบรนด์ได้จากทุกมุมโลก นอกจากนี้สินค้าของคิงส์ตันยังวางจำหน่ายในราคาที่ค่อนข้างคุ้มค่า เมื่อเทียบกับแบรนด์ชื่อดังอีกหลายแบรนด์ และแม้ว่าจะเป็นแบรนด์เก่าแก่ แต่คิงส์ตันก็มีการอัปเดตนวัตกรรมสินค้าของตนเองให้ทันยุคทันสมัยอยู่เสมอ จึงนับเป็นอีกหนึ่งแบรนด์แฟลชไดร์ฟที่ดีที่สุดตลอดกาล ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานมากที่สุด
Apacer อีกหนึ่งแบรนด์ที่ต้องยกให้เป็นหนึ่งในรุ่นบุกเบิกอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบ USB Drive เช่นกัน ก็คือ Apacer นั่นเอง ทั้งนี้ apacer นับเป็นแบรนด์แฟลชไดร์ฟที่ผู้ใช้งานในบ้านเราคุ้นเคยกันมานานหลายปีแล้ว โดย apacer มีแฟลชไดร์ฟราคาย่อมเยาวางจำหน่ายในตลาดบ้านเรามากมายหลายรุ่น และก็เป็นหนึ่งในแบรนด์ยอดฮิตที่ทั้งนักเรียน นักศึกษา และคนวัยทำงานในบ้านเราเลือกใช้งาน เนื่องด้วยสเปคที่คุ้มค่าคุ้มราคา และคุณภาพการผลิตที่ไว้วางใจได้ โดย Apacer นั้นเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดระบบไอทีหลายกลุ่ม ซึ่งไม่เพียงแต่ผลิตแก็ดเจ็ตอย่างแฟลชไดร์ฟมาวางจำหน่ายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพัฒนาระบบซอฟท์แวร์สำหรับธุรกิจ และอุตสาหกรรมต่าง ๆ ด้วย จึงนับเป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างโดดเด่นเรื่องของคุณภาพ และการดีไซน์สเปคและราคาออกมาได้ถูกใจผู้ใช้งานส่วนใหญ่

5 แฟลชไดร์ฟ Type C น่าใช้ ในปี 2024

แฟลชไดร์ฟในปัจจุบันมีหลากหลายแบบมากขึ้นเช่น wooden usb, metal usb, card usb, pen usb เป็นต้น แต่ในการเลือกซื้อเลือกหาแฟลชไดร์ฟสักอันไว้ใช้งานในปี 2024 นี้ แน่นอนว่าหนึ่งในสเปค หรือฟังก์ชั่นใช้งานที่ผู้ใช้งานหลายคนคาดหวังก็คือเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อ Type C หรือ USB-C ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่อกับหลายอุปกรณ์...

แฟลชไดร์ฟในปัจจุบันมีหลากหลายแบบมากขึ้นเช่น wooden usb, metal usb, card usb, pen usb เป็นต้น แต่ในการเลือกซื้อเลือกหาแฟลชไดร์ฟสักอันไว้ใช้งานในปี 2024 นี้ แน่นอนว่าหนึ่งในสเปค หรือฟังก์ชั่นใช้งานที่ผู้ใช้งานหลายคนคาดหวังก็คือเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อ Type C หรือ USB-C ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่อกับหลายอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นแล็ปท็อป แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน ทำได้อย่างสะดวกกว่าแฟลชไดร์ฟที่ให้มาแค่พอร์ตมาตรฐานดั้งเดิมอย่าง USB-A เนื่องด้วยปัจจุบันพอร์ต USB-C ได้ถูกนำมาใช้งานเป็นพอร์ตมาตรฐานของอุปกรณ์พกพาอย่างสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ซึ่งทุกแบรนด์ใช้เหมือนกัน เช่นเดียวกับแล็ปท็อปรุ่นใหม่ๆ จากแบรนด์เจ้าดังต่างๆ ก็มีการปรับตัวเพิ่มพอร์ต USB-C เข้ามา บ้างก็เลือกใช้พอร์ต USB-C ทดแทนพอร์ตชาร์จ หรือช่องรับไฟแบบเดิมเลยด้วย ในบทความนี้จึงได้คัดเอา 5 ลิสต์ แฟลชไดร์ฟ Type C ที่น่าสนใจเลือกซื้อเลือกหามาใช้งานในปี 2024 นี้ มาแนะนำให้ผู้ใช้งานได้ใช้เป็นแนวทางเลือกช้อปมาใช้งานกัน
SanDisk Ultra USB 3.1 แฟลชไดร์ฟ Type C ตัวแรกที่เลือกมาอยู่ในลิสต์แนะนำที่น่าใช้งานในปี 2024 นี้ มาจากแบรนด์เจ้าดังที่ผู้ใช้งานจำนวนมากไว้วางใจเรื่องคุณภาพ ซึ่งก็คือ SanDisk ในชื่อรุ่น SanDisk Ultra USB 3.1 แฟลชไดร์ฟความจุ 128 GB ที่มาพร้อมกับพอร์ต USB-C เวอร์ชั่น 3.1 ที่นับเป็นเวอร์ชั่นที่ค่อนข้างใหม่ รับส่งไฟล์ได้รวดเร็วทันใจ(พอร์ตเดี่ยว ไม่มีพอร์ต USB-A มาให้) ดีไซน์ภายนอกสวยเรียบ เป็นสีดำล้วน พิมพ์ชื่อแบรนด์ SanDisk ด้วยตัวอักษรสีเงิน ราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 415 บาท
Lenovo Thinkplus 2in1 แฟลชไดร์ฟ Type C ตัวต่อมาในลิสต์แนะนำ มาจากอีกหนึ่งแบรนด์ที่ผู้ใช้งานจำนวนมากก็น่าจะคุ้นชื่อและไว้วางใจในคุณภาพได้ดีเช่นกัน ซึ่งก็คือ Lenovo แบรนด์ผู้ผลิตสินค้าไอทีเจ้าดัง ในชื่อรุ่น Lenovo Thinkplus 2in1 แฟลชไดร์ฟที่มาพร้อมกับ 2 หัวเชื่อมต่อ USB-C และ USB-A โดยเป็นลักษณะของการหมุนกลับด้านเพื่อใช้งานแต่ละพอร์ต จุดเด่นของ Lenovo Thinkplus นี้ก็คือ สามารถเลือกความจุตามความต้องการใช้งานได้หลากหลายขนาด เริ่มตั้งแต่ 32 GB, 64 GB, 128 GB และ 256 GB โดยในรุ่นเริ่มต้น 32 GB มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 280 บาท และในรุ่นความจุสูงสุด 256 GB มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 1,200 บาท
SanDisk Dual FlashDrive แฟลชไดร์ฟ Type C ลิสต์แนะนำอันดับที่สาม เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ต้องบอกว่าค่อนข้างคุ้มค่าจากแบรนด์เจ้าดัง แซนดิสก์ ซึ่งก็คือ SanDisk Dual FlashDrive แฟลชไดร์ฟที่มาพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อทั้งแบบ USB-A และ USB-A(หมุนสลับด้านเพื่อใช้งานแต่ละพอร์ต) โดยในรุ่นความจุ 64 GB มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 300 บาท และรุ่นความจุ 128 GB มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 450 บาท
Kingston DT80 แฟลชไดร์ฟ Type C ลิสต์แนะนำอันดับที่ 4 มาจากหนึ่งแบรนด์ที่ผู้ใช้งานหลายคนน่าจะพอรู้จัก และคุ้นชื่อกันดี โดยเฉพาะในช่วง 5-10 ปีก่อน ซึ่งนับเป็นช่วงที่แบรนด์ได้เข้ามาเป็นผู้นำตลาดแฟลชไดร์ฟบ้านเราในชื่อแบรนด์ “Kingston” และแม้ว่าปัจจุบันคิงส์ตันจะไม่ใช่ผู้นำในตลาดแล้ว แต่ปัจจุบันก็ยังคงมีสินค้าออกมาวางจำหน่ายในช่องทางต่างๆ ให้ได้เลือกใช้งานกันอยู่ โดยรุ่นที่เลือกมาแนะนำกันนี้เป็นในชื่อรุ่น Kingston DT80 แฟลชไดร์ฟที่มาพร้อมพอร์ต USB-C ขนาดความจุ 32 GB ดีไซน์เรียบหรู เล็กกะทัดรัดตามสไตล์คิงส์ตัน ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 165 บาท
Aston FlashDrive 2in1 แฟลชไดร์ฟ Type C ลิสต์แนะนำอันดับที่ห้า มาจากแบรนด์ที่หลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อสักเท่าไหร่ แต่ดีไซน์หน้าตาสินค้า สเปค และราคาถือว่าทำออกมาได้น่าสนใจทีเดียว โดย Aston FlashDrive Type-C เป็นแฟลชไดร์ฟที่มาพร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อ USB-A และ USB-C เวอร์ชั่น 3,0 มีขนาดความจุให้เลือก 2 ขนาด ประกอบด้วยความจุ 32 GB ในราคา 179 บาท และความจุ 64 GB ในราคา 209 บาท เพื่อการใช้งานของแฟลชไดร์ฟที่ยาวนานขึ้นเราควรที่จะมี Package ที่เก็บแฟลชไดร์ฟที่ดี ป้องกันการตกหล่นหรือสูญหาย