แฟลชไดร์ฟ หรือ ไมโคร SD

เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว สื่อในการจัดเก็บข้อมูลระหว่าง ถูก-แพง คือ ดิสก์เก็ต-แผ่นซีดี/ดีวีดี แต่สำหรับในปัจจุบันนี้ เราได้เปลี่ยนไปกลายเป็นระหว่าง แฟลชไดรฟ์-ไมโคร SD แทน สำหรับบทความนี้เราจะมาว่าถึงการเปรียบเทียบ ตัวเก็บข้อมูลสองตัวให้หลังอ่าง แฟลชไดรฟ์ กับ ไมโคร SD ว่ามีความต่าง...

เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว สื่อในการจัดเก็บข้อมูลระหว่าง ถูก-แพง คือ ดิสก์เก็ต-แผ่นซีดี/ดีวีดี แต่สำหรับในปัจจุบันนี้ เราได้เปลี่ยนไปกลายเป็นระหว่าง แฟลชไดรฟ์-ไมโคร SD แทน สำหรับบทความนี้เราจะมาว่าถึงการเปรียบเทียบ ตัวเก็บข้อมูลสองตัวให้หลังอ่าง แฟลชไดรฟ์ กับ ไมโคร SD ว่ามีความต่าง และความเหมาะสมต่อการใช้งานอย่างไรได้บ้าง
แฟลชไดร์ฟ
ตามเทคนิคแล้ว USB แฟลชไดร์ฟ คือ ตัวรับส่งข้อมูลที่สามารถถอด-ใส่ได้ผ่านทางหัวปลั๊กเชื่อมต่อ USB โดยส่วนมากแล้ว แฟลชไดร์ฟ จะสามารถเข้ากันได้กับระบบส่วนใหญ่ที่มีหัวปลั๊ก USB ติดตั้งอยู่ ไม่ว่าจะเป็น วินโดว์, แม็ค หรือ ลินุกซ์ก็ตามโดยข้อมูลที่สามารถจัดเก็บได้มีตั้งแต่ขั้นต่ำสุด 128 MB ถึง 1 TB ในยุคปัจจุบัน โดยหัวปลั๊กที่รองรับ แฟลชไดร์ฟ ในยุคปัจจุบันคือ หัวต่อแบบ 2.0 และ 3.0 ซึ่งที่หัวต่อแบบไหม่สุด จะช่วยทำให้การส่งถ่ายข้อมูลได้ไหวขึ้น และรวมไปถึงรับข้อมูลที่ต้องรับส่งได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
ซึ่งตัว แฟลชไดร์ฟ มีลักษณะเด่นพิเศษตรงที่มีความคล่องตัวสูงในการนำไปใช้งานกับสื่อต่างๆได้อย่างกว้างขวาง รวมไปถึงในเรื่องของการออกแบบตัวมันเองนั้น สามารถที่จะดัดแปลงให้ แฟลชไดร์ฟ มีรูปทรงเฉพาะตัวตามความต้องการของผู้ใช้งานได้ และนั่นยังไม่รวมถึงความสามารถในการดัดแปลงการใช้งานของมันที่ใช้คำว่า “แล้วแต่นึกคิดได้” ไม่ว่าจะเป็นปุ่มป้องกัน แฟลชไดร์ฟ หรือแม้กระทั่ง ตัวแสกนลายนิ้วมือบน แฟลชไดร์ฟ ก็สามารถเป็นไปได้ด้วยเช่นกัน
ไมโคร SD
ไมโคร SD หรือ Micro Secure Digital เป็นอีกลักษณะหนึ่งของการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งส่วนมากแล้วมักจะใช้งานในอุปกรณ์จำพวกกล้อง, โทรศัพท์มือถือ, เครื่องเล่น MP3 และ เครื่องเล่นเกมส์แบบพกพา โดยที่ความจุมีได้ตั้งแต่ 2GB, 4GB, 8GB ไปจนถึงมากที่สุดในปัจุบันคือ 128 GB (ของยี่ห้อ Lexar)
ลักษณะของตัว ไมโคร SD เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าไม่สมส่วนขนาดที่ 11มม.-32มม. ซึ่งถือเป็นลักษณะเด่นและด้อยที่สุดในตัวของมันเอง กล่าวคือ ด้วยลักษณะที่เล็กและง่ายต่อการพกพาของมัน ทำให้การที่จะหา “หัวปลั๊ก” ที่รองรับมันได้กว้างขวางเหมือนกับ แฟลชไดร์ฟ นั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะลำบากมาก เพราะเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่นั้น ถ้าไม่นับที่ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานร่วมแล้ว จะไม่มีหัวอ่านสำหรับ ไมโคร SD
สุดท้ายแล้วถ้าต้องให้ถามว่า “อันไหนดีที่สุด” เราคงต้องตอบเหมือนๆกับตอนที่เราต้องเลือกซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆนั่นแหละว่า จุดประสงค์ในการซื้อของเรานั้นคือซื้อมาเพื่อใช้กับอุปกรณ์แบบไหนบ้าง ถ้าหากต้องกรใช้กับอุปกรณ์พกพาอย่าง โทรศัพท์ หรือเครื่องเกมส์พกพาแล้วล่ะก็ ไมโคร SD คือตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่หากเป็นการใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์หรือ โน๊ตบุ๊กทั่วๆไปแล้วล่ะก็ แฟลชไดร์ฟ คือ คำตอบที่ดีที่สุด

สินค้าที่คุณอาจสนใจ

สั่งทำ สั่งผลิต USB แฟลชไดร์ฟ พร้อมสกรีนโลโก้ แบรนด์ องค์กร หรือข้อความของคุณได้ง่าย ๆ สอบถามได้เลย CLICK!










E-Medias แนวคิดสำหรับสื่อสมัยใหม่เพื่อคนรุ่นใหม่

หนังสือคือสื่อที่มีมาตั้งแต่ยุคสมัยโบราณแล้ว โดยรูปแบบของหนังสือ คือการบันทึกเนื้อหา, ข้อมูลต่างๆ ลงไปบนแผ่นกระดาษก่อนที่จะไสหรือเย็บกระดาษเหล่านั้นให้เป็นรูปเล่ม ซึ่งหนังสือนั้นอยู่กับเรามานานมาก และพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆตามความก้าวหน้าของยุคสมัย...

หนังสือคือสื่อที่มีมาตั้งแต่ยุคสมัยโบราณแล้ว โดยรูปแบบของหนังสือ คือการบันทึกเนื้อหา, ข้อมูลต่างๆ ลงไปบนแผ่นกระดาษก่อนที่จะไสหรือเย็บกระดาษเหล่านั้นให้เป็นรูปเล่ม ซึ่งหนังสือนั้นอยู่กับเรามานานมาก และพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆตามความก้าวหน้าของยุคสมัย แต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่า การจะทำหนังสือนั้นต้องใช้กระดาษ ซึ่งนั่นหมายถึงการตัดต้นไม้มาเพื่อทำหนังสือขึ้นมา แต่สิ่งสำคัญที่เราจะกล่าวถึงในบทความนี้ ไม่ใช่เรื่องของ รักษณ์โลกเพียงอย่างเดียว แต่เรากำลังจะพูดถึงทางเลือกใหม่ที่สามารถที่จะให้ประโยชน์ได้ทั้งกับผู้บริโภคและผู้ผลิตสื่อต่างหาก
เราจะไม่เจาะลึกลงไปที่รายละเอียดข้อมูลแบบกราฟ หรืออะไรทำนองนั้นมาก แต่เราอยากลองให้ผู้อ่านลองคิดตามว่า ถ้าเราต้องการที่จะตีพิมพ์หนังสือเล่มหนึ่ง เราต้องผ่านอะไรมาอย่างคร่าวๆบ้าง? สมมติว่าเราผ่านกระบวนการในการตรวจสอบเนื้อหาเรียบร้อยแล้ว เราต้องนำต้นไม้ไปผ่านกระบวนการแปรรูปเป็นกระดาษ, กระดาษต้องถูกนำมาคัดแบ่งเป็นเกรดและขนาด, ต้องมีการตรวจสอบอุปกรณ์การพิมพ์, การพิมพ์เกิดขึ้น, กระดาษที่ถูกพิมพ์แล้วถูกจัดเข้ารูปเล่มไม่ว่าจะผ่านทางการไสกาวหรือการเย็บเป็นรูปเล่มก่อนที่จะถูกนำไปเข้าสู่กระบวนการส่งออกไปจำหน่ายให้กับร้านหนังสือต่างๆ ขั้นตอนและกระบวนการต่างๆที่กล่าวมาในที่นี้ ซึ่งยังไม่รวมถึงกระบวนการยิบย่อยอีกมากมาย ใช้ทั้งเวลาและเงินจำนวนไม่ใช้น้อยๆเพื่อให้กระบวนการทั้งหมดนี้เป็นไปอย่างลื่นไหล คราวนี้ลองจินตนาการดูซิว่า ถ้าหากเราเกิดตัดกระบวนการเหล่านี้ออกไป เราจะยังสามารถที่จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปถึงเหล่าผู้บริโภคได้หรือไม่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะไม่ แต่สมัยนี้ คำตอบคือ ใช่ ด้วย E- medias
E – medias เป็นคำเรียกรวมๆของสื่อสมัยนี้ที่ผู้บริโภคสามารถที่จะเข้าถึงได้อย่างง่ายดายสืบเนื่องมาจากความรวดเร็วของการเชื่อมต่อทางอินเตอร์เน็ต และเทคโนโลยีที่เอื้อต่อการจัดเก็บข้อมูลที่ซื้อมาอย่าง แฟลชไดร์ฟ หรือจะจัดเก็บเอาไว้ใน “คลาวด์” ก็ได้เหมือนกัน และด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสมัยนี้ ขอเพียงแค่เรามีอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานกับ แฟลชไดร์ฟ เราสามารถที่จะมีห้องสมุดขนาดเล็กอยู่ใน แฟลชไดร์ฟ อันเล็กจิ๋วของเราได้
สำหรับในส่วนของผู้ผลิต ด้วยกระบวนการจัดจำหน่ายที่ถูกตัดออกไป ทำใหการเข้าถึงลูกค้าสามารถเป็นไปได้ในทันที นี่ยังไม่นับรวมถึงการรับ “ความคิดเห็นตอบกลับ” จากผู้บริโภคที่ทำได้อย่างง่ายดายพอๆกับการจัดจำหน่ายได้ด้วยเช่นกัน แล้วนอกเหนือไปจากความสะดวกในการค้าขายแล้ว ยังตัดความจำเป็นในการที่จะต้องใช้กระดาษเป็นจำนวนมากที่จะช่วยในเรื่องของการรักษาสภาพแวดล้อมได้ด้วย และเชื่อเถอะว่า สำหรับในยุคสมัยที่ทรัพยากรเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องได้รับการตระหนักอย่างมากแล้ว แนวคิดในแบบ E-medias จะสามารถเปลี่ยนแปลงหลายๆสิ่งได้มากมายอย่างแน่นอน

สินค้าที่คุณอาจสนใจ

สั่งทำ สั่งผลิต USB แฟลชไดร์ฟ พร้อมสกรีนโลโก้ แบรนด์ องค์กร หรือข้อความของคุณได้ง่าย ๆ สอบถามได้เลย CLICK!










เผลอลบไฟล์งานในแฟลชไดร์ฟไปแล้ว..ทำไงดี ?

แฟลชไดร์ฟ เป็นนวัตกรรมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจัดเก็บบันทึกข้อมูลต่างๆไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของเอกสาร รูปภาพ วีดีโอ เสียง ด้วยขนาดที่เล็ก พกพาสะดวก รวมถึงความเอนกประสงค์อันทรงพลังของแฟลชไดร์ฟ ทำให้มันได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและแพร่หลาย...

แฟลชไดร์ฟ เป็นนวัตกรรมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจัดเก็บบันทึกข้อมูลต่างๆไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของเอกสาร รูปภาพ วีดีโอ เสียง ด้วยขนาดที่เล็ก พกพาสะดวก รวมถึงความเอนกประสงค์อันทรงพลังของแฟลชไดร์ฟ ทำให้มันได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและแพร่หลาย จนทุกวันนี้มันเป็นอุปกรณ์คู่ชีพของมนุษย์ไอทีทั้งหลาย
การถูกนำมาใช้งานบ่อยและใช้อย่างหลากหลาย แน่นอนว่าย่อมที่จะมีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดได้ เราอาจจะมือเร็ว ตาลาย เผลอหรือพลาดไปลบไฟล์ใดไฟล์หนึ่งแบบไม่ได้ตั้งใจ และบังเอิญเหลือเกินที่ไฟล์นั้นดันเป็นไฟล์สำคัญที่ชนิดมีหนึ่งเดียวในโลก ถ้าหากหายไปนั่นหมายถึงอนาคตของเราจะดับวูบตามมันไปด้วย แต่สำหรับการบันทึกลงในแฟลชไดร์ฟ วิบากกรรมเหล่านี้มันจะผ่านพ้นไปได้ด้วยโปรแกรม RECUVA Pro ซึ่งเป็นเสมือนของวิเศษจากกระเป๋าโดเรม่อนกันเลยทีเดียว
ขั้นตอนการกู้ไฟล์ในแฟลชไดร์ฟคืนด้วยโประแกรม RECUVA Pro เพื่อกู้ข้อมูล ที่เสียหายกลับมาอยู่ในแฟลชไดร์ฟดังเดิม มันง่ายแสนง่ายในการทำเรื่องพวกนี้แม้ว่าในอดีตเราจะไม่เคยพานพบประสบเจอกับการทำอะไรระดับเทพแบบนี้มาก่อน แต่ด้วยขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน แม่ค้าขายกล้วยทับน้ำกะทิอย่างเราๆก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองแบบเมินโปรแกรมเมอร์ไปได้เลย
ขั้นตอนแรก เราต้องดาวน์โหลดโปรแกรม Recuva Pro มาติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราก่อน ซึ่งโปรแกรมนี้เราสามารถดาวน์โหลดฟรีตามเว็ปที่แจกโปรแกรมฟรีทั่วไป เมื่อดาวน์โหลดเสร็จให้ดูที่มุมล่างซ้ายมือ จะเห็นช่อง Recuva Pro เมื่อเอาเมาส์ไปแตะจะเห็นแถบโชว์ขึ้นมา ให้คลิกขวาตรง Show in folder จากนั้นเลือกที่โฟลเดอร์ Recuva Pro… คลิกขวาอีกทีเพื่อ เลือกที่ Extract to Recuva Pro
เมื่อเข้าไปในโฟลเดอร์ Recuva Pro ได้แล้วให้คลิกขวาอาจ เลือกที่อ่านก่อนติดตั้งเพื่อทำความรู้จักกันก่อน ต่อมาเลือกคลิก rcsetup152 คลิกขวา เลือกที่ Run as… และกดที่ Next และ Next และ เลือกNo thank…ต่อด้วยคลิก Next อีกครั้ง โปรแกรมจะวิ่งไปเรื่อยๆ จนในที่สุดมันจะขึ้นหน้าจอสุดท้ายให้เราคลิกเอาเครื่องหมายถูกทั้งสองช่องออกก่อน และเลือก Finish เป็นอันเสร็จสิ้นการติดตั้ง ขั้นตอนต่อมาให้เราปิดการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต และกลับมาที่โฟลเดอร์ Recuva Pro ที่ค้างไว้ ให้คลิกขวาที่ Crack และเลือก Extract to crack หน้าจอจะขึ้น branding.dll คลิกขวาเลือก copy จากนั้นให้กลับไปที่หน้าจอหลัก เข้า ไดรฟ์ C เลือก Program Files และเลือก Recuvaแล้ววางไฟล์ที่ branding.dll ก็อปปี้มาเมื่อกี้ลงไป หน้าจอจะให้เรายืนยัน เราก็คลิก Continue ไปเลย จากนั้นให้เราย้อนกลับไปยังโฟลเดอร์ Recuva ที่ดาวน์โหลดมาในตอนแรกอีกครั้งหนึ่ง ให้คลิกขวาที่ Keygenแล้วเลือก Extract to Keygenเมื่อเข้ามาใน Keygenแล้วให้คลิกขวา ที่ cr-piriformจากนั้นเลือก Run as … ต่อด้วยคลิก yes หน้าจอจะปรากฏ ขึ้นมาให้เราเลือกที่ Recuva V1 แล้วให้คลิก GENERATE เลือกที่ไฟล์ lic Key คลิกขวา เลือก Copy คล้ายๆกับการทำก่อนหน้านี้
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นให้เรากลับมาที่หน้าจอหลักของเรา จะมีสัญลักษณ์หมวกช่างสีเหลือง ให้ดับเบิลคลิกที่ตรงนั้น พิมพ์ช่อง Name ว่าอะไรก็มั่วๆไป แล้ววางโค้ดที่ copy มาจากขั้นตอนเมื่อกี้ลงไป โดยให้เราคลิกวางลงในช่องแรก คลิก Register ต่อด้วย Next แล้วเลือก All Files ในกรณีที่ต้องการกู้ไฟล์ทุกชนิด หรือเลือกเฉพาะไฟล์ที่เราต้องการ แล้วคลิกที่ Next ในขั้นตอนนี้ให้เราเสียบแฟลชไดรฟ์ ที่เสียหายไปเอาไว้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออาจจะเสียบรอไว้ก่อนก็ได้ หน้าจอจะขึ้นมาถามให้เราเลือก No แล้วให้คลิก Next จากนั้นคลิกตรง Browse… เลือกไปที่แฟลชไดรฟ์ แล้วคลิกที่ OK ตามด้วย Next จากนั้นเครื่องจะทำการสแกนละเอียดให้ คลิกที่ช่อง Enable Deep Scan แล้วให้คลิก Start เมื่อเครื่องสแกนเสร็จ ให้เราติ๊ก ถูก ที่หน้า Filename จากนั้นคลิกที่ Switch to… ด้านที่อยู่ทางขวา เลือก Options…แล้วเลือก Action ตามด้วย ติ๊กช่อง Restore Folder Structure แล้วต่อด้วย OK จากนั้นคลิกที่ Recover… ตามด้วย Make New Folder เพื่อที่จะได้สร้างโฟลเดอร์ใหม่ ให้เราตั้งชื่อโฟลเดอร์แล้วคลิก OK รอจนเครื่องทำงานเสร็จ เมื่อเสร็จแล้วก็ให้ลองเข้าไปตรวจสอบไฟล์ที่เสียหายไป ในบางครั้งชื่อไฟล์อาจเพี้ยนไปบ้างค่อยแก้เอาใหม่ได้
ไม่ยากเกินไปใช่มั้ยกับการใช้โปรแกรมกู้ข้อมูลที่ว่ามา ต่อไปนี้ไม่ว่าแฟลชไดร์ฟของเราจะถูกทำร้ายจากมือเรา มือคนอื่นหรือแม้กระทั่งไวรัสเราก็สามารถดึงงานกลับมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก โปรแกรมนี้สามารถทำได้แม้กระทั่งเราสั่ง ดีลีททิ้งไปจาก Recycle Bin แล้วก็ตาม นับว่าเป็นโปรแกรมที่มีคุณอนันต์สำหรับพวกขามั่วและขามึนทั้งหลาย ให้ทำงานได้สบายใจขึ้นไม่ต้องขนหัวลุกเพราะทำงานหาย และคงต้องกราบขอบคุณแฟลชไดร์ฟตัวเก่งสามครั้งรวดที่ทำให้รอดตาย

 

 

สินค้าที่คุณอาจสนใจ

สั่งทำ สั่งผลิต USB แฟลชไดร์ฟ พร้อมสกรีนโลโก้ แบรนด์ องค์กร หรือข้อความของคุณได้ง่าย ๆ สอบถามได้เลย CLICK!










ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ดูแฟลชไดร์ฟแท้ๆต้องดูตรงไหน

ถ้าคู่ชีวิตในแง่ความรัก เราคงต้องทำความรู้จักกับคนๆนั้นให้ลึกซึ้งฉันใด ถ้าเลือกคู่ชีวิตในแง่ของการทำงานเราคงต้องทำความรู้จักกับแฟลชไดร์ฟฉันนั้น คำเปรียบเปรยที่ดูไม่ค่อยจะเข้ากันแต่มันทำให้เห็นภาพได้ชัดขึ้น...

ถ้าคู่ชีวิตในแง่ความรัก เราคงต้องทำความรู้จักกับคนๆนั้นให้ลึกซึ้งฉันใด ถ้าเลือกคู่ชีวิตในแง่ของการทำงานเราคงต้องทำความรู้จักกับแฟลชไดร์ฟฉันนั้น คำเปรียบเปรยที่ดูไม่ค่อยจะเข้ากันแต่มันทำให้เห็นภาพได้ชัดขึ้น เพราะการเลือกแฟลชไดร์ฟมาใช้คู่กายซักอันมันก็ไม่ต่างอะไรกับการเลือกคู่ครอง และอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไป เพราะแฟลชไดร์ฟมักจะอยู่ติดหรือใกล้ตัวเราตลอดเวลา เรียกได้ว่าเจอกันบ่ออยกว่าเมียด้วยซ้ำไป
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงต้องเลือกแฟลชไดร์ฟกันให้ดีๆ เพราะอนาคตการงานของเราปัจจุบันนี้มักฝากข้อมูลงานสำคัญไว้ในแฟลชไดร์ฟแทบทั้งสิ้น อย่างนี้ใช่มั้ยที่เขาเรียก “อนาคตอยู่ในมือเรา” เราเลยจำเป็นจะต้องมีข้อมูลในการเลือกซื้เลือกใช้กันพอสมควร
อันแรกเลยคงต้องดูที่ความจุ ความจุของแฟลชไดร์ฟขอบอกว่ายิ่งสูงยิ่งหนาว ยิ่งยี่ห้อดังๆยิ่งหนาวไปถึงกระดูกต้นคอกันเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามเราควรเลือกความจุให้เหมาะสมกับปริมาณงานและการใช้งานจะดีกว่า เพราะถ้าไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่ากับราคา ก็ไม่ต่างอะไรกับการทิ้งเงินลงทะเลเปล่าๆ เช่น ถ้าเป็นพนักงานออฟฟิตหรือนักเรียนนักศึกษา หรือใช้เก็บพวกเพลงต่างๆไว้ฟังในรถ ใช้ความจุเพียงแค่ 4-8 กิ๊กก็น่าจะเพียงพอ แต่ถ้าเน้นเอาไว้ใช้งานเก็บพวกรูปภาพต่างๆก็ขยับขึ้นมาหน่อยเป็น 8 กิ๊ก
ข้อต่อมาคงต้องมองความเร็วในการเชื่อมต่อ โดยทั่วไปถ้าตัวเชื่อมต่อเป็น USB เวอร์ชั่น 2.0 ก็ถือว่าดีมากแล้ว สำหรับการใช้ในงานเอกสารต่าง ๆ ส่วนเวอร์ชั่น 3.0 คงต้องให้เป็นงานพวกไฟล์ขนาดใหญ่เช่นรูปภาพหนัง อีกข้อสำคัญที่ต้องคำนึงถึงนั่นคือ ขนาดและดีไซน์ อันนี้ขึ้นออยู่กับความชอบของแต่ละคน แต่โดยหลักๆแล้วคงต้องมองว่าขนาดของแฟลชไดร์ฟที่ใหญ่เกิดไปหรือมีดีไซน์ที่เยอะแบบเว่อร์วังอลังการ อาจจะไปบังพอร์ทของช่องอื่นๆทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งต้องขอบอกว่าเป็นความผิดอย่างแรง เพราะมันจะกลายเป็นเนื้องอกของเครื่องคอมของเราทันที อีกข้อที่น่าสนใจ การรับประกันตัวแฟลชไดรฟ์ เมื่อเกิดความเสียหายหรือใช้งานไม่ได้ เราสามารถส่งเคลมสินค้าได้ทันที ถึงแม้ว่างานจะเสียหายไปด้วยแต่อย่างน้อยๆเราก็ได้อุปกรณ์เก็บข้อมูลอันใหม่มาใช้งาน เงินไม่สูญเปล่าแน่นอน
ส่วนสุดท้ายเป็นคุณสมบัติพิเศษอื่นที่ทำให้แฟลชไดร์ฟของเราดูทรงคุณค่ามากขึ้น เช่น มีโปรแกรมสแกนลายนิ้วมือเจ้าของ การป้องกันความปลอดภัยโดยต้องใส่รหัสผ่าน หรือการที่แฟลชไดร์ฟมีซอฟแวร์ที่เราจำเป็นต้องใช้เพื่อนำไปใช้กับคอมฯเครื่องไหนก็ได้ แม้กระทั่งเครื่องที่ไม่มีระบบปฏิบัติการดังกล่าว มันสามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องลงโปรแกรมในเครื่องที่ว่านั้น

สินค้าที่คุณอาจสนใจ

สั่งทำ สั่งผลิต USB แฟลชไดร์ฟ พร้อมสกรีนโลโก้ แบรนด์ องค์กร หรือข้อความของคุณได้ง่าย ๆ สอบถามได้เลย CLICK!










ใช้งานแฟลชไดร์ฟ อย่างถูกวิธี ชีวิตนี้ไม่มีพัง

แฟลชไดรฟ์หลายคนจะมองว่าเป็นเพียงแค่อุปกรณ์ที่ใช้เพียงช่วยในการโอนถ่ายข้อมูล จากกล้อง จากมือถือ หรืออุปกรณ์ ไอทีต่างๆเท่านั้น การใช้งานของเราจึงไม่ค่อยได้ใส่ใจมากว่า แฟลชไดรฟ์ จะทนมือทนเท้าเราไปได้อีกนานเท่าไหร่ ยิ่งเดี๋ยวนี้ แฟลชไดรฟ์ มีออกมามากมายหลายแบบให้เราเลือกใช้ และ...

แฟลชไดรฟ์หลายคนจะมองว่าเป็นเพียงแค่อุปกรณ์ที่ใช้เพียงช่วยในการโอนถ่ายข้อมูล จากกล้อง จากมือถือ หรืออุปกรณ์ ไอทีต่างๆเท่านั้น การใช้งานของเราจึงไม่ค่อยได้ใส่ใจมากว่า แฟลชไดรฟ์ จะทนมือทนเท้าเราไปได้อีกนานเท่าไหร่ ยิ่งเดี๋ยวนี้ แฟลชไดรฟ์ มีออกมามากมายหลายแบบให้เราเลือกใช้ และ แทบทุกอุปกรณ์ไอทีต้องมี พอร์ท USB ติดมาด้วยเสมอ เพื่อให้เราใช้งานได้อย่างง่ายขึ้น แต่จริง ๆ แล้ว เจ้าอุปกรณ์เก็บข้อมูลตัวนี้ ใช้งานได้อยางยาวนานเกินกว่าที่เราจะรู้ด้วยซ้ำไป โดยทฤษฏีแล้ว อายุการใช้งานของมันมากโขอยู่ทีเดียว ซึ่ง จากข้อมูล สามารถใช้ได้ถึง ล้านครั้ง มันมากใช่ไหมละ แต่เรารู้อีกหรือเปล่าว่า ถอด 1 ครั้ง เสียบ อีกครั้ง ก็เท่ากับ 2 ครั้งเข้าไปแล้ว และ การทำงานที่ต้องมีการทำติดกันเช่น การใช้งานฟังชั่นต่าง ๆ ใน word excel หรือ โปรแกรมอะไรก็แล้ว แต่ทุกระยะการทำงานก็นับ หนึ่งครั้ง แปลว่า อายุมันก็ไม่ได้ยาวมากขนาดนั้นนั่นเอง
และเพราะ ทุกการใช้งานต้องมีไฟเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ แฟลชไดรฟ์จึงยิ่งมีอายุสั้นเข้าไปอีก เพราะความเสื่อมจากการสปาร์คของประจุไฟนั่นเอง แล้วเรายังไม่รวม แฟลชไดรฟ์ตกบ่อยครั้งยิ่งทำให้ เรายิ่งใจแป้วเข้าไปอีก ว่ามันจะยิ่งลดอายุอุปกรณ์เก็บข้อมูลของเราเข้าไปอีก เหตุผลหลัก ๆ นอกจากคุณภาพอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่มีคุณภาพแล้ว การใช้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของ แฟลชไดรฟ์ให้ยาวนานขึ้น หากเราเลือกซื้ออุปกรณ์เก็บข้อมูลคุณภาพดีแน่นอนว่า อายุมันก็มากอยู่แล้ว แต่ หากเราใช้งานไม่ดี มันก็อายุสั้นอยู่แล้ว
การถนอม แฟลชไดรฟ์ให้มีอายุยาวนาน หลัก ๆ เลยคือ การถอด และ เสียบเพราะส่วนนี้ทำให้มันเสียง่ายที่สุด เพราะการเสียบและถอด มีโอกาสที่จะโดนกระแทกมากที่สุด และการถอดใคร ๆ ก็รู้ว่าต้อง คลิ๊กขวาเพื่อ เซฟ flash drive แต่หลายคนก็มักลืมถอดพลวด ๆ จน flash drive พังคามือ บางทีก็พังไปจนถึง main board เลยก็มี บางคนรัก flash drive มากหน่อยก็หาโปรแกรมมาใช้เพื่อรักษาข้อมูลภายในไว้ บางคนก็ใช้เพียง ไอคอน Safely Remove หรือ Unplug หรือ Eject อย่างน้อยมันก็ช่วยเซฟได้พอสมควร
แต่ มีอีกสาเหตุที่ทำให้ flash drive สุดรักของเราเจ๊งได้อีกคือ การเปิดนั่นเอง ปกติเรามัก ดับเบิ้ลคลิ๊กทุก ๆ ไฟล์ที่เราต้องการแต่รู้ตัวกันหรือเปล่าว่ามันจะทำให้ไวรัสที่แอบอยู่ โผล่ขึ้นมาได้ง่าย ๆ ดังนั้น การใช้งาน แฟลชไดรฟ์ที่ถูกต้องจึงควรคลิ๊กขวาทุกครั้ง เห็นหรือยังว่า แค่เราคลิ๊กขวา เราก็จะมี แฟลชไดรฟ์ไว้ใช้นาน ๆ แล้ว

สินค้าที่คุณอาจสนใจ

สั่งทำ สั่งผลิต USB แฟลชไดร์ฟ พร้อมสกรีนโลโก้ แบรนด์ องค์กร หรือข้อความของคุณได้ง่าย ๆ สอบถามได้เลย CLICK!










เทคนิคการเลือกแฟลชไดร์ฟที่เหมาะสมต่อการใช้งาน

แฟลชไดร์ฟถือว่าเป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลและไฟล์ดิจิตอล ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมากในปัจจุบัน แต่ละคนนั้นก็มีความจำเป็นที่จะต้องใช้งานแฟลชไดร์ฟไม่เหมือนกัน อาจจะเป็นเพื่อบันทึกงาน ไฟล์เอกสาร ไฟล์วีดีโอ ไฟล์เพลง...

แฟลชไดร์ฟถือว่าเป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลและไฟล์ดิจิตอล ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมากในปัจจุบัน แต่ละคนนั้นก็มีความจำเป็นที่จะต้องใช้งานแฟลชไดร์ฟไม่เหมือนกัน อาจจะเป็นเพื่อบันทึกงาน ไฟล์เอกสาร ไฟล์วีดีโอ ไฟล์เพลง ซึ่งแต่ละคนนั้นจำเป็นต้องใช้แฟลชไดร์ฟเพื่อใช้งานให้เหมาะสมมากที่สุด แต่แฟลชไดร์ฟนั้นมีหลายแบบ มีการใช้งานที่ต่างกันออกไปด้วย เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องเลือกใช้งานให้เหมาะสมและคุ้มค่าเหมาะกับประเภทของแฟลชไดร์ฟมากที่สุด เพราะหากเลือกแฟลชไดร์ฟผิดประเภทก็จะทำให้ใช้งานได้ไม่เต็มที่ และอาจจะส่งผลเสียต่องานของเราได้อีกด้วย และแน่นอนว่าเรามีเทคนิคการเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟที่เหมาะสมต่อการใช้งานมาฝากทุกคนกันในบทความนี้ด้วย ไปดูเทคนิคที่ว่ากันเลย
เทคนิคการเลือกแฟลชไดร์ฟที่เหมาะสมต่อการใช้งาน
1.ให้คำนึงถึงการใช้งานเป็นหลัก เวลาเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟเราต้องคิดด้วยว่าจะนำไปใช้งานอะไร เช่นใช้บันทึกไฟล์เอกสารเท่านั้น ควรเลือกแบบที่มีความจุ 1-2 GB หาเลือกแบบใส่วีดีโอเท่านั้น ควรเลือกแบบที่พกพาง่าย ความจุสูงสามารถรองรับการใช้งานในเครื่องเล่นประเภทต่างๆได้ แต่หากไว้ใช้เก็บความลับ เอกสารสำคัญ ควรเลือกแบบที่สามารถตั้งรหัสเพื่อรักษาข้อมูลภายในได้ ใช้ในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ควรเลือกแอร์การ์ดจากค่ายต่างๆนั้นเอง
2.คำนึงถึงขนาดความจุ ถ้าเป็นไปได้การเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟที่มีความจุสูงไว้ก่อนจะดีกว่า เพราะสามารถนำไปใส่ข้อมูล วีดีโอ หรือรูปภาพต่างๆได้อย่างไม่จำกัด อีกทั้งยังสามารถนำไปดัดแปลงใช้ได้ด้านอื่นๆได้อีกด้วย
3.มาตรฐานการผลิตแฟลชไดร์ฟ จัดว่าเป็นสิ่งสำคัญเลยก็ว่าได้ในการเลือกซื้อของอื่นๆรวมถึงแฟลชไดร์ฟด้วย เพราะหากสินค้ามีคุณภาพย่อมการันตีอายุการใช้งานได้ อีกทั้งบางแบรนด์ก็มีประกันคุณภาพอีกด้วย
4.รูปลักษณ์ภายนอกของแฟลชไดร์ฟ ควรเลือกแบบที่มีขนาดพอเหมาะ ไม่ใหญ่เกินไป สามารถพกพา ความแข็งแรงทนทาน สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้ทุกเครื่อง ได้สะดวกซึ่งปัจจุบันแฟลชไดร์ฟนั้นมีหลายแบบ ทั้งแบบตัวการ์ตูน น่ารัก แบบคริสตัลขนาดเล็กสวยงาม แบบแฟชั่นที่อินตามแทรนด์ และแบบอื่นๆมากมาย ซึ่งสามารถเลือกได้ตามความชอบ
5.ราคาของแฟลชไดร์ฟ เป็นปัจจัยสุดท้ายที่ควรคำนึงถึง เพราะราคาแพงก็ใช่ว่าจะได้สินค้าดีเสมอไป ควรเลือกแบบที่มีคุณภาพ และเลือกจากซื้อจากร้านที่มีความน่าเชื่อถือเป็นหลักนะครับ
เทคนิคทั้งหมดสามารถนำไปปรับใช้ในการเลือกซื้อสิ่งของอย่างอื่นได้ด้วย สิ่งที่ต้องคำนึงคือความปลอดภัยของสินค้า และคุณภาพของสินค้านั้นเอง หากท่านใดมีคำถามหรือข้อสงสัยสามารถสอบถามเข้ามาพูดคุยกันได้นะครับ

สินค้าที่คุณอาจสนใจ

สั่งทำ สั่งผลิต USB แฟลชไดร์ฟ พร้อมสกรีนโลโก้ แบรนด์ องค์กร หรือข้อความของคุณได้ง่าย ๆ สอบถามได้เลย CLICK!










แฟลชไดร์ฟมีกี่แบบ

แฟลชไดร์ฟเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล ไฟล์งานเอกสาร ไฟล์เพลง ไฟล์วีดีโอและอื่นๆมากมาย ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีข้อดีหลายอย่าง แต่ทุกท่านทราบกันหรือไม่ว่า แฟลชไดร์ฟนั้นมีหลายแบบมาก ซึ่งแบ่งได้ 2...

แฟลชไดร์ฟเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล ไฟล์งานเอกสาร ไฟล์เพลง ไฟล์วีดีโอและอื่นๆมากมาย ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีข้อดีหลายอย่าง แต่ทุกท่านทราบกันหรือไม่ว่า แฟลชไดร์ฟนั้นมีหลายแบบมาก ซึ่งแบ่งได้ 2 ประเภทด้วยกันคือแบ่งตามการใช้งานที่มีแยกย่อยออกไปอีกเพียบ และแบ่งตามรูปแบบภายนอก ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักแฟลชไดร์ฟประเภทแบ่งตามการใช้งานว่า มีข้อดี ข้อเสียหรือไม่ แบบไหนได้รับความนิยม แล้วแฟลชไดร์ฟที่คุณใช้งานนั้นอยู่ในประเภทไหนบ้าง ตามไปดูประเภทแบ่งตามการใช้งานนั้นเอง ไปดูกันเลยว่าประเภทนี้มีแยกย่อยออกเป็นกี่แบบกันแน่
ประเภทแฟลชไดร์ฟแบ่งตามการใช้งานแบ่งได้ดังนี้
1.แฟลชไดร์ฟเพื่อความปลอดภัย เป็นเฟลชไดร์ฟที่มีความจำเป็นต้องกรอกรหัสและอาจจะต้องใส่รหัสเพื่อเปิดส่วนเก็บข้อมูลและเข้าถึงข้อมูลของเนื้อหาภายในแฟลชไดร์ฟ ซึ่งส่วนใหญ่นิยมใช้ในงานราชการต่างๆที่เป็นความลับหรือในงานวิจัยที่จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับ หรืองานต่างๆมากมาย
2.แฟลชไดร์ฟที่บรรจุเฉพาะเพลง เป็นแฟลชไดร์ฟที่ใช้ในการใส่ไฟล์เพลง หรือบันทึกเพลง เสียงต่างๆ ซึ่งอาจจะสามารถย้ายไฟล์เพลงจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง หรือสามารถเชื่อมต่อพอร์ตหูฟังไว้ใช้ในการฟังเพลงได้
3.แฟลชไดร์ฟสำหรับเริ่มระบบ เป็นแฟลชไดร์ฟที่ใช้ในการบันทึกโปรแกรมทั้งหลาย เมื่อเสียบเข้าสู่คอมพิวเตอร์ก็จะรันโปรแกรมและเริ่มการติดตั้งจนสำเร็จ ซึ่งส่วนใหญ่แฟลชไดร์ฟนี้จะมาพร้อมโปรแกรมติดตั้งสำเร็จรูป ไม่สามารถนำแฟลชไดร์ฟไปใช้งานอย่างอื่นได้
4.แฟลชไดร์ฟเพื่อการเชื่อมต่อ หรือแอร์การ์ดเป็นแฟลชไดร์ฟที่ใช้ในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นแบบใหม่ที่ได้รับความนิยมมากพอสมควร เมื่อเสียบเข้าสู่คอมพิวเตอร์แล้วเข้ารหัสเชื่อมต่อ ก็จะสามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ในความเร็วที่กำหนดไว้ และยังมีแบบที่ใช้เชื่อมต่อข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ 2 เครื่องได้อีกด้วยแต่ไม่ได้รับความนิยมมากนัก
5.แฟลชไดร์ฟใช้บันทึกข้อมูล เป็นแฟลชไดร์ฟธรรมดาที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันเพราะสามารถบันทึกข้อมูลได้ทุกแบบทั้งไฟล์เอกสาร ไฟล์เสียง ไฟล์วีดีโอ ไฟล์แบบงาน และไฟล์อื่นๆซึ่งสามารถนำไปใช้งานกับคอมพิวเตอร์ได้ทุกเครื่องอีกด้วย มีราคาไม่แพง มีรูปร่างหลากหลายอีกด้วย
6.แฟลชไดร์ฟใช้บันทึกวีดีโอ เป็นแฟลชไดร์ฟที่ใช้เพื่อการบันทึกหนัง หรือวีดีโอเท่านั้น มีจำนวนหน่วยความจำที่สูงมาก และมีราคาที่ไม่แพงมากด้วย ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่คนชอบดูหนังหรือวีดีโอ
แฟลชไดร์ฟที่แบ่งตามประเภทการใช้งานก็มีดังนี้ซึ่งคุณสามารถเลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสม และควรเลือกซื้ออย่างเหมาะสมด้วยเพื่อให้ใช้งานได้อย่างสูงสุดนั้นเอง

สินค้าที่คุณอาจสนใจ

สั่งทำ สั่งผลิต USB แฟลชไดร์ฟ พร้อมสกรีนโลโก้ แบรนด์ องค์กร หรือข้อความของคุณได้ง่าย ๆ สอบถามได้เลย CLICK!










แฟลชไดร์ฟคืออะไร

เชื่อว่าหากพูดถึงอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ใช้บันทึกเพลง วีดีโอ บทความ และอื่นๆทุกคนต้องรู้จักกันดีอยู่แล้ว สำหรับตัวเก็บข้อมูลที่มีขนาดเล็กที่ชื่อว่า แฟลชไดร์ฟ มีหน้าที่ในการบันทึกข้อมูลต่างๆ...

เชื่อว่าหากพูดถึงอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ใช้บันทึกเพลง วีดีโอ บทความ และอื่นๆทุกคนต้องรู้จักกันดีอยู่แล้ว สำหรับตัวเก็บข้อมูลที่มีขนาดเล็กที่ชื่อว่า แฟลชไดร์ฟ มีหน้าที่ในการบันทึกข้อมูลต่างๆ คัดลอกไฟล์ข้อมูลมาจากคอมพิวเตอร์แล้วส่งไปบันทึกบนหน่วยความจำบนแฟลชไดร์ฟจากนั้นเมื่อนำไปใช้งานในคอมพิวเตอร์เครื่องก็สามารถนำดูข้อมูล แก้ไข ที่คัดลอกมานั้นเอง ในปัจจุบันแฟลชไดร์ฟเรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่ต้องมีติดตัวไว้ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานออฟฟิศ ที่ต้องทำงานเกี่ยวกันเอกสารไฟล์งานแบบต่างๆ ก็จำเป็นต้องใช้งานแฟลชไดร์ฟเพื่อย้ายข้อมูลไปทำต่อที่บ้านหรือย้ายงานจากที่บ้านมายังที่ทำงานก็เป็นเรื่องง่าย ไม่จำเป็นจะถือเอกสารจำนวนมากและมีขนาดใหญ่ไปไหนมาไหน เพียงแค่พกแฟลชไดร์ฟที่มีขนาดเล็กก็สามารถทำงานได้ทุกที่เลย เพิ่มความสะดวกให้ได้หลายเท่าเลย
แต่เดิมแล้วก่อนจะมีกานคิดค้นแฟลชไดร์ฟขึ้นมานั้นก็มี อุปกรณ์บันทึกงานชนิดอื่นๆ เช่น ฟ๊อปปี้ไดร์ส แผ่นซีดี แผ่นดีวีดี แต่เนื่องจากสามารถบรรจุไฟล์ต่างๆได้น้อย อีกทั้งการใช้งานยังยากอีกด้วย ทำให้ตกยุคไปในที่สุดเนื่องจากมีการผลิตคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ขึ้นมาแทนที่คอมพิวเตอร์ยุคเก่าที่มีช่องใส่ฟ๊อปปี้ไดร์ส ทำให้อุปกรณ์เหล่านั้นหายไปตามกาลเวลา และจึงมีการคิดค้นและผลิตอุปกรณ์บันทึกข้อมูลที่เรียกว่าแฟลชไดร์ฟขึ้นมาแทนที่อุปกรณ์ยุคเก่า แฟลชไดร์ฟนั้นมีการผลิตขึ้นมาให้มีขนาดเล็กเหมาะกับการใช้งานในทุกเครื่องคอมพิวเตอร์ สะดวกพกพาง่าย และยังสามารถนำไปใช้งานในแบบอื่นๆได้อีกด้วย ทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในทุกวัยเลย นอกจากนี้ยังสามารถเลือกชื้อได้ตามความชอบอีกด้วย
นอกจากนี้ในปัจจุบันแฟลชไดร์ฟเองก็มีการพัฒนาเพิ่มความจำให้มากขึ้น ขนาดที่สามารถบรรจุวีดีโอหนังได้หลายพันเรื่องเลยทีเดียว แตกต่างจากเดิมที่สามารถใช้เพียงเพื่อบรรจุงานเท่านั้นเอง และยังมีการผลิตแฟลชไดร์ฟแบบต่างๆออกมามายไม่ว่าจะเป็นการ์ตูน แฟชั่น รูปฮาร์ต และอื่นๆมากมาย อีกทั้งยังมีหลายราคาให้เลือกซื้อตามความเหมาะสมของกำลังทรัพย์อีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วแม้คนเราจะชอบเลือกซื้อจากหน่วยความจำของแฟลชไดร์ฟเป็นหลักแต่หากเจอแบบที่ตัวเองชอบก็ย่อมต้องเลือกแบบที่ชอบอยู่แล้ว ทำให้ทุกวันนี้แฟลชไดร์ฟยังคงได้รับความนิยมอยู่มากเลยทีเดียว และกลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้ ทั้งวัยเรียนที่ต้องทำงานส่งอาจารย์ในแบบไฟล์เอกสาร หรือวัยทำงานที่ต้องทำงานส่งหัวหน้า ทำงานให้ลูกค้า หรือวัยกลางคนที่ใช้ในการบันทึกเพลง วีดีโอไว้ฟังยามขับรถเดินทางท่องเที่ยว เรียกได้ว่าไม่ว่าใครก็ต้องมีแฟลชไดร์ฟไว้ใช้งานในแบบของตัวเองทั้งนั้น

 

 

สินค้าที่คุณอาจสนใจ

สั่งทำ สั่งผลิต USB แฟลชไดร์ฟ พร้อมสกรีนโลโก้ แบรนด์ องค์กร หรือข้อความของคุณได้ง่าย ๆ สอบถามได้เลย CLICK!










แฟลชไดร์ฟมีปัญหา แก้ง่ายๆ ด้วยการ Format

เมื่อใช้งานไประยะเวลาหนึ่ง แม้แต่อุปกรณ์ที่ทนทานอย่างแฟลชไดร์ฟก็อาจเกิดปัญหาจุกจิกขึ้นมาได้ ซึ่งเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาเราไม่จำเป็นต้องซื้อแฟลชไดร์ฟใหม่ให้เป็นการสิ้นเปลือง เพราะเราสามารถแก้ไขปัญหาเบื้องต้นที่ไม่รุนแรงได้ด้วยตัวเองง่ายๆ ด้วยวิธีที่เรียกว่าการ Format นั่นเอง การ...

เมื่อใช้งานไประยะเวลาหนึ่ง แม้แต่อุปกรณ์ที่ทนทานอย่างแฟลชไดร์ฟก็อาจเกิดปัญหาจุกจิกขึ้นมาได้ ซึ่งเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาเราไม่จำเป็นต้องซื้อแฟลชไดร์ฟใหม่ให้เป็นการสิ้นเปลือง เพราะเราสามารถแก้ไขปัญหาเบื้องต้นที่ไม่รุนแรงได้ด้วยตัวเองง่ายๆ ด้วยวิธีที่เรียกว่าการ Format นั่นเอง
การ Format คือการล้างข้อมูลต่างๆ ที่ถูกบันทึกไว้ในหน่วยความจำของแฟลชไดร์ฟออกจนหมด เปรียบเหมือนการเริ่มนับ 1 ใหม่อีกครั้ง ทั้งไวรัสและข้อมูลที่มีปัญหาจะถูกลบออกจากอุปกรณ์ไปจนหมด และทำให้เราสามารถกลับมาใช้งานแฟลชไดร์ฟได้ตามปกติ แต่ข้อควรระวังก็คือ หากในแฟลชไดร์ฟยังมีงานสำคัญๆ อยู๋ ก็ควรเซฟลงในคอมพิวเตอร์ก่อนที่จะ Format เพราะไม่เช่นนั้นแล้วงานต่างๆ ก็จะถูกลบไปด้วย เพราะการ Format จะทำให้ข้อมูลทุกอย่างหายไปนั่นเอง และในวันนี้เราก็นำวิธี Format แฟลชไดร์ฟอย่างง่ายมาฝากทุกท่านตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. ทำการเสียบแฟลชไดร์ฟเข้ากับคอมพิวเตอร์และแสกนไวรัสให้เรียบร้อยตามปกติ เพื่อป้องกันไวรัสในแฟลชไดร์ฟติดเข้าไปในคอมพิวเตอร์ของเรา
2. คลิกไอคอนเพื่อเข้าสู่หน้าต่าง Windows explorer จากนั้นคลิกเม้าส์ขวาที่ไอคอน My computer แล้วทำการเลือกคำสั่ง Manage
3. เมื่อมีหน้าต่างใหม่เปิดขึ้นมา ให้มองหาหัวข้อ Storage จากนั้นจึงคลิกเข้าไป และเลือกคำสั่ง Disk Management
4. ในหัวข้อคำสั่ง Disk Management ให้มองหารายชื่ออุปกรณ์ที่เป็นชื่อแฟลชไดร์ฟของเรา ซึ่งจะขึ้นเป็นชื่อไดร์ฟต่างๆ ต่างกันไปในเครื่องของแต่ละคน แต่จะมีจุดหนึ่งที่เหมือนกันคือคำสั่งด้านล่างชื่อแฟลชไดร์ฟที่ขึ้นว่า Removable
5. ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของการ Format นั่นคือการคลิกเม้าส์ขวาไปที่ไดร์ฟของแฟลชไดร์ฟ จะเห็นเมนูที่ช่องด้านขวามือ หากมีคำว่า Unallocated ให้เราทำการคลิกขวาที่ช่องคำสั่งนั้นอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นเลือกไปที่คำสั่ง New partition แล้วเลือกตอบตกลงเพื่อเริ่มทำการ Format
6. รอจนกว่าคอมพิวเตอร์ของเราจะทำการ Format แฟลชไดร์ฟจนเสร็จเรียบร้อย เพียงเท่านี้ข้อมูลต่างๆ รวมถึงไวรัสและไฟล์ที่มีปัญหาก็จะถูกลบออกไปจนหมด
7. หากใครไม่ต้องการสำรองข้อมูลที่คอมพิวเตอร์ไว้ก่อน ก็อาจใช้โปรแกรมช่วยอื่นๆ เพื่อแบ็คอัพข้อมูลในแฟลชไดร์ฟเอาไว้ แล้วจึงทำการกู้คืนเมื่อ Format เสร็จก็ได้เช่นกัน
การแก้ปัญหาด้วยวิธีการ Format นั้นสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องนำแฟลชไดร์ฟไปซ่อมที่ร้านหรือซื้อชิ้นใหม่ให้เปลืองเงิน แต่ทางที่ดูเราควรดูแลแฟลชไดร์ฟของเราให้ดีเพื่อยืดอายุการใช้งานจะดีกว่า เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการสูญเสียข้อมูลสำคัญไปนั่นเอง

สินค้าที่คุณอาจสนใจ

สั่งทำ สั่งผลิต USB แฟลชไดร์ฟ พร้อมสกรีนโลโก้ แบรนด์ องค์กร หรือข้อความของคุณได้ง่าย ๆ สอบถามได้เลย CLICK!