รวมไอเดียออกแบบแฟลชไดร์ฟพรีเมี่ยมแนวใหม่จากโรงงานผู้ผลิตของพรีเมี่ยม

ในการจัดทำสินค้าพรีเมี่ยมสักชิ้นนั้น แน่นอนว่าสิ่งสำคัญอย่างนึงก็คือการคิดหาไอเดียออกแบบให้สินค้าออกมามีหน้าตาแปลกใหม่ มีความโดดเด่น หรือแตกต่างไปจากสินค้าประเภทเดียวกัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดความสนใจในตัวสินค้าจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายสำหรับกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ...

ในการจัดทำสินค้าพรีเมี่ยมสักชิ้นนั้น แน่นอนว่าสิ่งสำคัญอย่างนึงก็คือการคิดหาไอเดียออกแบบให้สินค้าออกมามีหน้าตาแปลกใหม่ มีความโดดเด่น หรือแตกต่างไปจากสินค้าประเภทเดียวกัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดความสนใจในตัวสินค้าจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายสำหรับกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ เพราะโดยทั่วไปแล้วสินค้าที่เราเลือกนำมาทำเป็นของพรีเมี่ยมมักจะเป็นสินค้าที่มีประโยชน์ใช้สอยทั่วๆ ไป หาซื้อได้ง่าย เช่นเดียวกันกับแฟลชไดร์ฟ สินค้าพรีเมี่ยมยอดนิยมอีกหนึ่งชิ้น ซึ่งหลายบริษัท หลายองค์กรเลือกทำเป็นแฟลชไดร์ฟพรีเมี่ยม เช่น แฟลชไดร์ฟปากกา แฟลชไดร์ฟการ์ด เพื่อใช้เป็นของแจก ของรางวัลในกิจกรรมทางการตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกิจกรรมการตลาดสำหรับกลุ่มเป้าหมายดิจิทัลเจน หรือผู้ที่มีไลฟ์สไตล์แบบดิจิทัล ชื่นชอบการใช้งานแก็ดเจ็ตไอทีต่างๆ ซึ่งมักเป็นกลุ่มที่ชื่นชอบดีไซน์สินค้าที่มีความแปลกใหม่ แตกต่างจากสินค้าที่มีจำหน่ายทั่วไปในตลาดด้วย ในบทความนี้จึงได้รวบรวมไอเดียออกแบบแฟลชไดร์ฟพรีเมี่ยมดีไซน์แปลกใหม่ในปี 2022 จากโรงานผู้รับผลิตสินค้าพรีเมี่ยมมาบอกกล่าวให้หลายคนได้ใช้เป็นแนวทางในการเลือกออกแบบและสั่งผลิตแฟลชไดร์ฟพรีเมี่ยมกัน

แฟลชไดร์ฟริสแบนด์ หรือ แฟลชไดร์ฟยาง ไอเดียแรกที่ถือว่าค่อนข้างแปลกตาและน่าจะถูกใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชื่นชอบแก็ดเจ็ตไม่น้อยเลยก็คือ แฟลชไดร์ฟดีไซน์ริสแบนด์ หรือสายรัดข้อมือนั่นเอง โดยดีไซน์ดังกล่าวเป็นการนำเอาสินค้าพรีเมี่ยมสองชิ้นมารวมกัน ซึ่งก็คือริสแบนด์ และแฟลชไดร์ฟ โดยใช้วัสดุยาง หรือซิลิโคนทำเป็นตัวสาย และส่วนปลายของสายหุ้มตัวแฟลชไดร์ฟไว้ และทำให้ปลายสายอีกด้านสามารถสอดปิดตัว USB ได้พอ เป็นเหมือนฝาของตัวแฟลชไดร์ฟ เมื่อไม่ใช้งานจึงนำมาคล้องข้อมือเป็นริสแบนด์ได้พอดี สำหรับดีไซน์ริสแบนด์นี้นอกจากความโดดเด่นสะดุดตาของตัวสินค้าที่แน่นอนว่ามีหน้าตาแตกต่างจากแฟลชไดร์ฟที่มีจำหน่ายทั่วไปแล้ว ก็ยังมีข้อดีเรื่องของการใส่ไอเดียสื่อสารแคมเปญต่างๆ ผ่านตัวอักษร หรือข้อความ เพราะธรรมชาติของริสแบนด์ หรือสายรัดข้อมือนั้นถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์ในการสื่อสารแคมเปญอยู่แล้ว เรียกได้ว่าการสื่อสารข้อความในแคมเปญการตลาดใดๆ ผ่านริสแบนด์นี้ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับการจดจำจากกลุ่มลูกค้าได้ดีกว่าสินค้าพรีเมี่ยมอื่นๆ

แฟลชไดร์ฟทรงกลม เช่น แฟลชไดร์ฟไม้ อย่างที่ทราบกันดีว่าดีไซน์มาตรฐานของแก็ดเจ็ตชิ้นนี้มักจะเป็นทรงเหลี่ยมขนาดเล็ก(แท่งสี่เหลี่ยม) ด้วยข้อจำกัดด้านรูปทรงของตัว USB ซึ่งเป็นหัวเชื่อมต่อแฟลชไดร์ฟเข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ ดังนั้นหนึ่งในไอเดียการออกแบบที่จะทำให้ตัวแก็ดเจ็ตแตกต่างไปจากที่มีวางจำหน่ายทั่วไปก็คือการใช้รูปทรงที่ตรงข้ามกันอย่างรูปทรงวงกลม โดยอาจเป็นลักษณะของการ์ดทรงกลม ซึ่งปัจจุบันก็มีโรงงานผู้ผลิตของพรีเมี่ยมพัฒนาไอเดียออกแบบดังกล่าวขึ้นมาแล้ว โดยเป็นการใช้วัสดุพลาสติกทำเป็นตัวแฟลชไดร์ฟรูปการ์ดทรงกลม และออกแบบให้ส่วนหัว USB หมุนออกเพื่อใช้งาน และหมุนพับเก็บเข้ากึ่งกลางของการ์ดได้ ซึ่งขณะหมุนออกตัว USB ก็จะยื่นออกจากตัวการ์ดมาเพื่อเสียบใช้งานกับอุปกรณ์อื่นๆได้พอดี และเมื่อหมุนเก็บหลังใช้งานเสร็จ ตัว USB ก็จะเข้าล็อคส่วนฐานอีกด้านของวงกลมที่ถูกออกแบบมาให้เป็นฝาปิดในตัวด้วย นอกจากไอเดียรูปการ์ดทรงกลมดังกล่าวแล้ว ก็ยังมีไอเดียครีเอทรูปทรงแฟลชไดร์ฟพรีเมี่ยมอื่นๆ อีก เช่น รูปทรงกล่องสี่เหลี่ยม โดยลักษณะการออกแบบจะเป็นการเลือกใช้วัสดุพลาสติกทำให้ตัวแก็ดเจ็ตออกมามีหน้าตาคล้ายกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัส ซึ่งสามารถใช้งานในการวางเป็นของประดับตกแต่งโต๊ะทำงาน หรือใช้วางเป็นที่ทับกระดาษได้ด้วย ส่วนตัว USB ใช้หลักการเดียวกันกับรูปทรงการ์ดกลม โดยสามารถหมุนพับเก็บให้แนบสนิทกับตัวกล่อง และหมุนออกเพื่อให้ USB ยื่นออกมาสำหรับเสียบเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ

ส่วนประกอบของแฟลชไดรฟ์ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

แฟลชไดรฟ์นั้น เป็นอุปกรณ์ที่หลายคนเลือกที่จะหยิบมาใช้งานอยู่เสมอ เนื่องด้วยคุณประโยชน์ที่มากมายของอุปกรณ์ชนิดนี้ นอกจากจะสามารถเก็บข้อมูล บันทึกข้อมูล และทำการถ่ายโอนข้อมูลได้แล้ว อุปกรณ์อย่างแฟลชไดรฟ์...

แฟลชไดรฟ์นั้น เป็นอุปกรณ์ที่หลายคนเลือกที่จะหยิบมาใช้งานอยู่เสมอ เนื่องด้วยคุณประโยชน์ที่มากมายของอุปกรณ์ชนิดนี้ นอกจากจะสามารถเก็บข้อมูล บันทึกข้อมูล และทำการถ่ายโอนข้อมูลได้แล้ว อุปกรณ์อย่างแฟลชไดรฟ์ ยังเป็นอุปกรณ์ที่สามารถที่จะพกพาได้ง่าย เช่น แฟลชไดรฟ์ปากกา แฟลชไดรฟ์รีไซเคิล เล็กกะทัดรัด สามารถที่จะนำมาห้อยกับพวงกุญแจได้ หรืออาจนำมาใส่กระเป๋าเล็กๆ ไว้ก็ได้เหมือนกัน อีกทั้งยังสามารถที่จะจุข้อมูลได้มาก ยิ่งในปัจจุบันมีออกมาหลายรูปแบบ สามารถที่จะนำมาใช้กับสมาร์ตโฟน หรือแท็บเล็ตได้ด้วยเช่นกัน

 

ถึงหลายคนจะใช้แฟลชไดรฟ์กันอยู่ตลอด แต่ก็ไม่รู้ว่า อุปกรณ์สำคัญที่เราหยิบมาใช้งานกันอยู่บ่อยๆ ชิ้นนี้ มีส่วนประกอบหลักคืออะไรบ้าง ดังนั้นวันนี้เราจะมาดูกันด้วยเรื่องของ ส่วนประกอบหลักของแฟลชไดรฟ์ ว่าอุปกรณ์สำคัญชนิดนี้ ที่เราใช้ในการเก็บข้อมูลกันอยู่ตลอดนั้น มีส่วนประกอบใดบ้าง ทั้งส่วนประกอบที่เป็นส่วนประกอบหลัก และส่วนประกอบเสริมที่เพิ่มเติมขึ้นมา

 

ส่วนประกอบหลัก

 

โดยทั่วไปนั้น แฟลชไดรฟ์เป็นอุปกรณ์ที่จะมีส่วนประกอบหลักๆอยู่ด้วยกัน 5 ส่วน ส่วนแรกที่เป็นส่วนที่มีความสำคัญมาก คือส่วนปลั๊กเชื่อมต่อ ซึ่งปลั๊กเชื่อมต่อนี้ จะเป็นปลั๊กเชื่อมต่อแบบ USB เพื่อสามารถที่จะเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊คที่เราใช้งานได้ หากไม่มีปลั๊กเชื่อมต่อนี้ เราจะไม่สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์แฟลชไดรฟ์ของเรา เข้ากับอุปกรณ์ใดๆ ได้เลย

 

ส่วนประกอบต่อไป คือส่วนของแผงควบคุม USB ส่วนประกอบส่วนนี้ จะมีลักษณะคล้ายกับบอร์ด แต่มีลักษณะเป็นบอร์ดที่มีขนาดเล็ก และจะมีชิป ฝังอยู่ที่บอร์ดอยู่จำนวนมาก เป็นชิปที่มีทั้งแบบ ROM และ RAM

 

ส่วนประกอบที่สาม คือส่วนประกอบที่เป็นชิปหน่วยความจำ โดยทั่วไปแล้ว จะใช้ชิปหน่วยความจำที่เป็นในรูปแบบ NAND ชิปที่เป็นหน่วยความจำรูปแบบนี้ จะเป็นรูปแบบหน่วยความจำที่มักจะใช้ในกล้องดิจิตอลด้วย ส่วนประกอบต่อไปเป็นส่วนประกอบที่มาด้วยกัน ซึ่งทำหน้าที่ส่งสัญญาณ และควบคุมการส่งออกข้อมูลของอุปกรณ์ เรียกว่า คริสตัล oscillator

 

ส่วนประกอบสุดท้าย เป็นส่วนประกอบที่เราสามารถเห็นได้จากภายนอก นั่นก็คือฝาครอบ หรือกรอบที่อยู่รอบนอก ในปัจจุบันได้มีการดัดแปลงทำจากวัสดุหลายอย่าง ทั้งแบบพลาสติกซึ่งเราเห็นได้ทั่วไป อีกทั้งยังมีแบบโลหะ แบบหนัง หรือแบบที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลก็ยังมีให้เราเห็น ส่วนประกอบนี้สามารถที่จะใช้ในการป้องกันแฟลชไดรฟ์ของเรา ไม่ให้เกิดข้างในเสียหาย และที่สำคัญ สามารถที่จะป้องกันกระแสไฟฟ้าลัดวงจร หรือไฟช็อตตัวผู้ใช้ได้ด้วย

 

ส่วนประกอบเพิ่มเติม

 

ในอุปกรณ์แฟลชไดรฟ์นั้น ยังมีส่วนประกอบเพิ่มเติมอื่นๆ ที่จะเพิ่มเข้ามา ส่วนประกอบแรกคือตัวจัมเปอร์ และตัวหมุดสำหรับทดสอบ ใช้สำหรับการทดสอบ อุปกรณ์ของเราในช่วงการผลิต หรือการเข้ารหัสของอุปกรณ์แฟลชไดรฟ์ของเรา

 

ส่วนต่อไปจะเป็นส่วนของไฟ LED ซึ่งไฟตรงนี้ ทำหน้าที่แสดงข้อมูลการทำงาน เราจะสามารถดูในจุดนี้ได้ว่า อุปกรณ์เก็บข้อมูลของเรานี้ ทำงานอยู่หรือไม่อย่างไร ทำการถ่ายโอน หรือทำการคัดลอกข้อมูลอยู่หรือไม่ ทุกอย่างจะแสดงออกที่ตรงไฟนี่เอง อย่างเช่น ไฟกระพริบตรงตัวแฟลชไดรฟ์คลาสสิค

 

ต่อไปจะเป็นส่วนของส่วนประกอบที่เราอาจจะเห็นได้บ้าง เป็นทางเลือกสำหรับผู้ผลิตบางเจ้า อันแรกคือ สวิตช์ป้องกันการเขียน เราสามารถที่จะเปิดปิดสวิตช์นี้ เพื่อป้องกันการเขียนข้อมูลลงในหน่วยความจำของเราได้ หรืออาจจะเป็นฝาครอบ USB ใช้ในการป้องกันหัวอ่าน ซึ่งอาจเกิดความเสียหายได้จากการกระแทก หรือไม่ก็อาจเกิดสิ่งปนเปื้อนเข้าไปอุดตันข้างใน แต่สิ่งที่ควรระวังคือ เรามักจะทำฝ้าตรงนี้หายกันอยู่บ่อยๆ ในอุปกรณ์เก็บข้อมูลหลายรุ่น จึงมักทำออกมาในรูปแบบอื่นมากกว่า อย่างการพับเก็บลงไป หรือการใช้เกลียวเพื่อให้ บริเวณหัว USB นั้นออกมา ทั้งเพื่อไม่ให้สิ่งสกปรกไปอุดตัน ป้องกันการเสียหาย และป้องกันฝาครอบหายด้วย

แฟลชไดร์ฟเสีย เกิดจากอะไร และจะมีวิธีการดูแลอย่างไร

แฟลชไดร์ฟ ก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ ที่มีอายุการใช้งานของมันที่ค่อนข้างจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากนำอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟ มาใช้งานอย่างหนักหน่วง อุปกรณ์ชิ้นดีก็อาจเกิดการพังขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่เปราะบาง และเราควรที่จะดูแลรักษาเป็นอย่างดีด้วย...

แฟลชไดร์ฟ ก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ ที่มีอายุการใช้งานของมันที่ค่อนข้างจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากนำอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟ มาใช้งานอย่างหนักหน่วง อุปกรณ์ชิ้นดีก็อาจเกิดการพังขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่เปราะบาง และเราควรที่จะดูแลรักษาเป็นอย่างดีด้วย เพราะอุปกรณ์ชิ้นนี้ ไม่ว่าจะเป็นแฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟปากกา หรือแฟลชไดร์ฟรูปแบบต่าง เป็นอุปกรณ์ที่เราจะเก็บข้อมูลที่แสนสำคัญของเราไว้ข้างใน ดังนั้นหากแฟลชไดร์ฟ ของเราเกิดพังหรือเสียหายขึ้นมา ก็อาจเป็นเรื่องใหญ่ได้

 

ดังนั้นวันนี้เราจะมาคุยกันว่า แฟลชไดร์ฟเสีย เกิดได้จากสาเหตุอะไรกันบ้าง พร้อมกับวิธีการที่เราจะสามารถดูแลรักษา เพื่อที่จะสามารถให้เราใช้งานได้อย่างยาวนาน และข้อมูลที่เราเก็บไว้ข้างในแฟลชไดร์ฟ ไม่เกิดความเสียหาย ซึ่งอาจจะทำให้ลำบากกับตัวผู้ใช้งานได้ด้วย

 

ปัจจัยที่ทำให้แฟลชไดร์ฟ เกิดความเสียหาย

 

มีไม่กี่สาเหตุหลัก ที่ทำให้อุปกรณ์แฟลชไดร์ฟ เกิดความเสียหายได้ สาเหตุแรกนั้นก็คือเรื่องของปัจจัยภายนอก ยกตัวอย่างชิ้น การเกิดการกระแทก หรืออาจเพื่อจากการตกจากที่สูง สิ่งนี้ทำให้อุปกรณ์แฟลชไดร์ฟของเรา อาจเกิดความเสียหายได้ทั้งภายในวงจรเอง หรือแม้กระทั่งพอร์ตการเชื่อมต่อก็อาจเกิดการชำรุด ซึ่งเป็นสิ่งที่มักจะเกิดขึ้นกับหลายคน เนื่องจากอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟ เช่น แฟลชไดร์ฟคลาสสิค เป็นอุปกรณ์ชิ้นเล็ก ดังนั้นจึงอาจเกิดการตกหล่น และการกระแทกได้อย่างง่ายดาย

 

อีกเรื่องที่มักจะพบเจออยู่บ่อยๆ คือเรื่องของการเกิดความชื้น หรือการที่น้ำ เข้าไปในอุปกรณ์เก็บข้อมูลของเรา อุปกรณ์เก็บข้อมูลชิ้นนี้ถึงอย่างไรก็ยังเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้มีความไวต่อการเกิดความชื้น หรืออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งแน่นอนว่าความชื้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อุปกรณ์ของเราเสียหายได้ นอกจากเรื่องของความชื้นแล้ว ยังมีเรื่องของอากาศที่ร้อนจัด ก็อาจทำให้อุปกรณ์ของเราเสียหายได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การนำแฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ไปไว้ในที่ร้อนๆ อย่างการเอาไว้ในรถที่จอดรถตากแดดทิ้งไว้ ก็อาจมีความเสี่ยงทำให้อุปกรณ์ของเราพังได้เช่นกัน

 

อีกเรื่องคือเรื่องของปัจจัยภายใน นั่นก็คือเรื่องของแผงวงจร ซึ่งอาจเกิดการเสียหายขึ้นได้ จากปัจจัยที่กล่าวไปแล้ว อย่างเรื่องของความชื้น หรือการเกิดการกระแทกตกหล่น แต่อีกสิ่งที่สำคัญ อาจเกิดจากการช็อตในวงจรเอง ซึ่งอาจเกิดจากการได้รับกระแสไฟที่ไม่คงที่ จากการนำไปเสียบกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นอย่างคอมพิวเตอร์ หรือไอแพด ซึ่งได้รับไฟไม่คงที่ สิ่งนี้นอกจากจะทำให้อุปกรณ์เก็บข้อมูลของเรามีปัญหาแล้ว ยังอาจทำให้อุปกรณ์พ่วงอื่นๆ เกิดความเสียหายตามไปด้วย

 

และอีกอย่างนึงคือ การที่เราซื้อมาใช้ได้ไม่นาน แล้วเกิดการชำรุดเสียหาย อันนี้น่าจะต้องมาดูเรื่องของแผงวงจรข้างใน อาจเกิดจากปัญหาด้านการผลิตแต่แรกแล้ว ดังนั้นทางที่ดี คือขอเปลี่ยนตัวใหม่เลย ในกรณีที่อุปกรณ์ของคุณมีประกัน ดังนั้นทางที่ดี เรื่องของประกันหรือบริการหลังการขาย ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่คุณควรตัดสินใจในการเลือกซื้ออุปกรณ์

 

วิธีการดูแลรักษา

 

วิธีการดูแลรักษานั้นก็ไม่ได้ยากเย็นอย่างที่คิด อย่างแรกคือ เราควรหลีกเลี่ยงการเก็บอุปกรณ์เก็บข้อมูลของเราไว้ในบริเวณที่มีความชื้น มีน้ำ หรือไม่ก็มีอากาศ หรืออุณหภูมิที่ค่อนข้างร้อน อย่างการเก็บไว้ในรถ ขณะที่จอดตากแดด อันนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้อุปกรณ์เก็บข้อมูลของเราพังได้อย่างง่ายดาย เรื่องของปัจจัยภายนอกเป็นเรื่องที่เราสามารถที่จะดูแลรักษาอุปกรณ์ของเราได้ง่าย

 

ต่อไปเป็นเรื่องของปัจจัยภายใน ก่อนที่เราจะถอดอุปกรณ์เก็บข้อมูลออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ให้เราทำการ eject อุปกรณ์ของเราก่อนทุกครั้ง เพื่อให้ไฟล์ข้างในของเราไม่เสียหาย และที่สำคัญ ควรที่จะสแกนไวรัสอยู่บ่อยๆ

ข้อควรระวัง และปัญหาที่พบบ่อยในการใช้งานแฟลชไดร์ฟ

แฟลชไดร์ฟถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่หลายคนขาดไม่ได้ โดยเฉพาะกับไลฟ์สไตล์ของหนุ่มสาววัยทำงาน ซึ่งระหว่างขั้นตอนการทำงานต่างๆ มักต้องมีการเคลื่อนย้ายไฟล์จากอุปกรณ์นึงไปยังอุปกรณ์นึง หรือส่งต่อไฟล์งานให้กับเพื่อนร่วมงาน แม้ว่าปัจจุบันจะมีอุปกรณ์พกพาอื่นๆ...

แฟลชไดร์ฟถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่หลายคนขาดไม่ได้ โดยเฉพาะกับไลฟ์สไตล์ของหนุ่มสาววัยทำงาน มีให้เลือกหลายหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟปากกา ซึ่งระหว่างขั้นตอนการทำงานต่างๆ มักต้องมีการเคลื่อนย้ายไฟล์จากอุปกรณ์นึงไปยังอุปกรณ์นึง หรือส่งต่อไฟล์งานให้กับเพื่อนร่วมงาน แม้ว่าปัจจุบันจะมีอุปกรณ์พกพาอื่นๆ ที่ช่วยให้ส่งไฟล์ เคลื่อนย้ายไฟล์ได้ไม่ต่างจากแฟลชไดร์ฟ หรือทรัมไดร์ฟก็ตาม เพราะถ้ามองในแง่ความสะดวกและความคุ้มค่า อุปกรณ์อย่างแฟลชไดร์ฟ ซึ่งมีราคาแค่หลักร้อยบาท และขนาดที่เล็กกะทัดรัด อย่างเช่น แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ประกอบกับประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูลระดับหลายร้อยกิกะไบต์ก็นับเป็นอุปกรณ์ที่คุ้มค่ากับการใช้งานมากที่สุดอยู่ดี อย่างไรก็ตามแม้ว่าวิธีใช้งานโดยพื้นฐานของไอเทมชิ้นนี้จะไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนอะไร โดยเป็นลักษณะของการเสียบต่ออุปกรณ์ผ่านช่องเสียบ USB หรือพอร์ต USB ของอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ หรือแล็ปท็อปที่เราต้องการใช้งาน จากนั้นก็ทำการค้นหาไดร์ฟของอุปกรณ์ที่ขึ้นแสดงมาเพิ่มเติม เท่านี้เราก็สามารถทำการเคลื่อนย้าย คัดลอกไฟล์ที่ต้องการได้แล้ว แต่ทว่าในการใช้งานแฟลชไดร์ฟที่ถูกต้องจริงๆ นั้นก็มีข้อควรระวังต่างๆ อยู่พอสมควรเหมือนกัน และบ่อยครั้งที่การละเลยที่จะใช้งานตามวิธีที่ถูกต้องก็ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา ในบทความนี้จึงได้นำเอาข้อควรระวังและปัญหาที่พบได้บ่อยในการใช้งานอุปกรณ์เคลื่อนย้ายไฟล์ประเภทนี้มาบอกกล่าวให้ได้ทราบกัน

ทำการสแกนไวรัสทุกครั้งก่อนเปิดไดร์ฟ เนื่องจากการใช้งานแฟลชไดร์ฟเป็นลักษณะของการเสียบเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งโดยทั่วไปมักมีการใช้งานกับอุปกรณ์มากกว่าหนึ่งอุปกรณ์ขึ้นไป ปัญหายอดฮิตที่มักเกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องของไวรัสที่อาจติดมากับอุปกรณ์ใดก็ได้ ซึ่งไวรัสที่ติดมานั้นสามารถสร้างความเสียหายให้กับทั้งตัวแฟลชไดร์ฟ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือแล็ปท็อปที่เราทำการเสียบเชื่อมต่อ ดังนั้นสิ่งที่ควรทำทุกครั้งเมื่อเสียบใช้งานกับอุปกรณ์ใดๆ ก็คือการสแกนไวรัสก่อนเปิดไดร์ฟ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วโปรแกรมสแกนไวรัสบนอุปกรณ์ต่างๆ หากมีการตรวจพบไวรัสที่อาจสร้างความเสียหายให้กับอุปกรณ์ได้จะสามารถลบไวรัสที่ตรวจพบทิ้งได้ทันที เราจึงสามารถเปิดใช้งานไดร์ฟของแฟลชไดร์ฟนั้นๆ ได้อย่างสบายใจหลังจากการสแกนเสร็จสิ้นแล้ว

ไม่ควรดึงแฟลชไดร์ฟออกทันทีที่ใช้งานเสร็จ ความเข้าใจผิดอย่างนึงเกี่ยวกับการใช้งานไอเทมชิ้นนี้ก็คือ เมื่อใช้งานเสร็จแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนย้ายไฟล์ หรือคัดลอกข้อมูลใดๆ สามารถถอดแฟลชไดร์ฟออกได้ทันที ซึ่งในความเป็นจริงเมื่อเราทำการเสียบเชื่อมต่อแฟลชไดร์ฟเข้ากับอุปกรณ์ใดๆ ตัวแฟลชไดร์ฟจะรันตัวเองให้พร้อมสำหรับการทำงานบนอุปกรณ์นั้น หรือกล่าวได้ว่าเป็นโหมดสแตนบายด์เพื่อพร้อมให้เราทำการเปิดไฟล์ เคลื่อนย้าย คัดลอก หรือลบไฟล์ต่างๆที่จัดเก็บไว้ ดังนั้นหากเราดึงออกทันทีที่ใช้งานเสร็จ ย่อมเท่ากับว่าโหมดสแตนบายด์ถูกบังคับปิดไปดื้อๆ จึงอาจเกิดความเสียหายต่อแฟลชไดร์ฟ ถึงขั้นไม่สามารถนำกลับมาใช้งานต่อได้เลยทีเดียว โดยวิธีที่ถูกต้องคือ เมื่อใช้งานเสร็จแล้วต้องทำการกดตัดการเชื่อมต่อ โดยลากเม้าส์ไปที่ task bar ซึ่งแสดงการเชื่อมต่ออุปกรณ์ USB และทำการกดเมนู Safety Remove USB โดยเลือก Remove ไดร์ฟของอุปกรณ์ที่เราเสียบเชื่อมต่อ จากนั้นจึงค่อยดึงตัวแฟลชไดร์ฟออก

ปัญหาเชื่อมต่อแฟลชไดร์ฟ แต่ไดร์ฟไม่ขึ้นแสดงบนอุปกรณ์ ปัญหายอดฮิตที่สืบเนื่องจากข้อควรระวังในข้อที่ผ่านมาก็คือเมื่อทำการเสียบเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ใดๆ แล้ว กลับไม่มีไดร์ฟ ซึ่งจัดเก็บข้อมูลไว้ขึ้นแสดง ทำให้ไม่สามารถจัดการกับข้อมูลนั้นๆ ได้ ปัญหาดังกล่าวนี้อาจมาจากความเสียหายของตัวแฟลชไดร์ฟเอง ซึ่งมีสาเหตุมาจากการใช้งานผิดวิธีตามที่ได้กล่าวให้ได้ทราบกันไปในข้อที่แล้ว(เช่น ดึงอุปกรณ์ออกทันทีเมื่อใช้งานเสร็จ) หรือในกรณีอื่น อาจมาจากการที่อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือแล็ปท็อปนั้นๆ ไม่รู้จักกับรูปแบบการทำงานของไดร์ฟที่เราเชื่อมต่อเข้าไป เนื่องมาจากความแตกต่างกันของระบบปฏิบัติการ ตัวอย่างเช่น อาจมีการต่อใช้งานไดร์ฟกับอุปกรณ์แมคมาก่อน จากนั้นได้นำไดร์ฟมาต่อกับอุปกรณ์วินโดวส์ และไม่พบว่ามีไดร์ฟขึ้นแสดงบนวินโดวส์ ในกรณีแบบนี้ วิธีแก้ปัญหาคือให้ทำการฟอร์แมตแฟลชไดร์ฟก่อนการใช้งาน

วิธีการดูแลรักษา แฟลชไดร์ฟ ให้ใช้งานได้ยาวนาน

ไม่ว่าจะในยุคสมัยไหนก็ตาม แฟลชไดร์ฟ ก็ยังคงเป็นอุปกรณ์สารพัดประโยชน์ที่หลายคนยังคงพกติดตัวไว้ โดยเฉพาะคนที่ต้องทำงานเอกสารหรือใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานอยู่ตลอดเวลา แฟลชไดร์ฟ นี่เองสามารถที่จะทำการบันทึกและเก็บข้อมูลต่างๆ หรือเพื่อเป็นการสำรองข้อมูล...

ไม่ว่าจะในยุคสมัยไหนก็ตาม แฟลชไดร์ฟ ก็ยังคงเป็นอุปกรณ์สารพัดประโยชน์ที่หลายคนยังคงพกติดตัวไว้ โดยเฉพาะคนที่ต้องทำงานเอกสารหรือใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานอยู่ตลอดเวลา แฟลชไดร์ฟ นี่เองสามารถที่จะทำการบันทึกและเก็บข้อมูลต่างๆ หรือเพื่อเป็นการสำรองข้อมูล ทำให้เราสามารถที่จะพกพาข้อมูลเหล่านั้นติดตัวอยู่ตลอด เพื่อไปใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆได้

 

หลายคนที่ใช้ แฟลชไดร์ฟ นั้น รู้สึกว่าใช้ไปโดยไม่ต้องดูแลอะไรมากก็ได้ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่อันตราย เนื่องจากหาก แฟลชไดร์ฟ ขาดการดูแล อาจทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งหากเป็นข้อมูลสำคัญถูกเก็บอยู่ในนั้น ก็ไม่น่าจะดีต่อตัวผู้ใช้งานเท่าไหร่นัก ดังนั้นวันนี้เราจะมาคุยกันในเรื่องของ การดูแลรักษา แฟลชไดร์ฟ ให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน ว่าเราจะสามารถทำอย่างไรได้บ้าง อีกทั้งยังว่าด้วยเรื่องของการเก็บ แฟลชไดร์ฟ ด้วย ว่าเราจะสามารถเก็บอย่างไรให้ไม่อันตราย

 

การเก็บ แฟลชไดร์ฟ เก็บอย่างไรดี

 

เนื่องจาก แฟลชไดร์ฟ เป็นอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด ถึงจะเป็นอะไรที่พกพาได้ง่าย แต่ก็เป็นของชิ้นหนึ่งที่คนทำหายกันบ่อยอยู่เหมือนกัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีวิธีการเก็บที่ดี น่าสนใจที่ในยุคปัจจุบันได้มีการออกแบบอุปกรณ์ชิ้นนี้มาในมากมายหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบที่เป็นสายคล้องคอ แบบที่เป็นริสแบนด์ไปในตัว และทางที่ดีควรเลือกที่มีสีสันโดดเด่นสะดุดตา เพื่อที่เราจะสามารถสังเกตได้อย่างเด่นชัดบ่อยๆ ถึงจะไม่ใช่ตลอดเวลาก็ตาม หากใส่กระเป๋าไว้คงไม่มีปัญหาในเรื่องหาย แต่หากพกติดตัวก็อาจจะมีความเสี่ยงอยู่ ดังนั้นจึงแนะนำอย่างที่ว่ามานี้

 

หลีกเลี่ยงการโดนความชื้นหรือโดนน้ำ

 

ข้อนี้เป็นข้อที่ค่อนข้างมีความสำคัญอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น แฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟปากกา หรือแฟลชไดร์ฟรูปแบบอื่นๆ คือการหลีกเลี่ยงการโดนความชื้นหรือการโดนน้ำโดยตรง ที่จริงจะบอกว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องบอกว่าเป็นข้อห้ามเด็ดขาดเลยน่าจะดีกว่า เนื่องจากสิ่งนี้ไม่ว่ายังไงก็เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งหากโดนความชื้นเข้าเล่นงานมักจะไม่สามารถใช้งานได้เลย หรือหากเลวร้ายกว่านั้นอาจเกิดไฟฟ้าลัดวงจรในขณะที่เรานำไปเสียบกับคอมพิวเตอร์ได้ นอกจากอุปกรณ์ของเราจะเสียหายแล้ว คอมพิวเตอร์ของเราอาจเกิดความเสียหายตามไปอีกด้วย คราวนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียว

 

หลีกเลี่ยงการวางใกล้กับความร้อนสูง

 

นอกจากที่จะห้ามไปโดนน้ำหรือความชื้นแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ห้ามและไม่ควรทำเลยก็คือ การนำไปวางใกล้ความร้อนหรือแหล่งที่มีความร้อนสูงๆ หากนำไปใกล้กับความร้อนอาจทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของอุปกรณ์ของเราเสื่อมถอยลง หรือหากร้ายไปกว่านั้นหากเสื่อมสภาพการใช้งาน และใช้การไม่ได้อีกเลย ยกตัวอย่างเช่น การนำแฟลชไดร์ฟโลหะไปวางไว้ในรถที่จอดตากแดดในวันที่อากาศร้อน แบบนี้อาจเสี่ยงให้อุปกรณ์ของเราเสียหายได้ ดังนั้นข้อนี้จึงเป็นข้อสำคัญที่ห้ามลืมเด็ดขาดเลย

 

ปิดการเชื่อมต่อก่อนจะถอดอุปกรณ์ออกจากคอมพิวเตอร์

 

ข้อนี้เป็นข้อสำคัญที่หลายคนมักจะละเลย ก่อนที่เราจะถอดอุปกรณ์ชิ้นนี้ออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่เราเชื่อมต่ออยู่นั้น เราควรที่จะปิดการเชื่อมต่อการทำงานให้เรียบร้อยก่อน ทั้งนี้เพื่อเป็นการไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไฟกระชาก จนอาจทำให้อายุการใช้งานของอุปกรณ์ของเราสั้นลง และอาจทำให้เกิดความเสียหายได้อีกด้วย อีกทั้งยังเป็นการเซฟอุปกรณ์ของเราไปในตัว

 

หมั่นสแกนไวรัสอยู่เสมอ

 

เราควรที่จะสแกนไวรัสอยู่เสมอ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟล์งานหรือเอกสารของเราเกิดความเสียหายจากไวรัสได้ อย่างที่เราน่าจะรู้กันว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นอุปกรณ์แพร่ไวรัสชั้นดีเลย โดยเฉพาะจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังคอมพิวเตอร์อีกเครื่อง อย่างน้อยการสแกนไวรัสก็เป็นการป้องกันชั้นแรกที่เราควรทำ หากไม่อยากให้ทั้งอุปกรณ์ชิ้นนี้และคอมพิวเตอร์ของเราเกิดความเสียหาย

เหตุใด แฟลชไดร์ฟจึงเป็นของที่ยังได้รับความนิยมอยู่

ในปัจจุบันนั้น น่าแปลกใจที่ผู้คนยังนิยมในการใช้แฟลชไดร์ฟกันอยู่ หลายคนอาจจะสงสัยว่า อุปกรณ์สำหรับเก็บข้อมูลชิ้นเล็กๆ ชิ้นนี้ หรือก็คือแฟลชไดร์ฟ เหตุใดในปัจจุบันยังคงได้รับความนิยมอยู่ ทั้งๆที่ในทุกวันนี้ มีอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเก็บข้อมูล...

ในปัจจุบันนั้น น่าแปลกใจที่ผู้คนยังนิยมในการใช้แฟลชไดร์ฟกันอยู่ หลายคนอาจจะสงสัยว่า อุปกรณ์สำหรับเก็บข้อมูลชิ้นเล็กๆ ชิ้นนี้ หรือก็คือแฟลชไดร์ฟ เหตุใดในปัจจุบันยังคงได้รับความนิยมอยู่ ทั้งๆที่ในทุกวันนี้ มีอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเก็บข้อมูล หรือแม้กระทั่งมีวิธีการที่ใช้สำหรับเก็บข้อมูลแบบใหม่ และมีความทันสมัยออกมามากมาย อย่างการใช้ฮาร์ดดิสก์พกพา หรือแม้แต่ระบบการเก็บไฟล์ออนไลน์ ที่มีให้บริการอยู่ด้วยกันมากมาย หรือแม้แต่ในมือถือสมาร์ทโฟนเอง ก็ยังสามารถเก็บข้อมูลสำคัญไว้ข้างในได้ด้วย ที่น่าตกใจ คือทุกวันนี้ผู้คนก็ยังนิยมในการใช้แฟลชไดร์ฟกันอยู่

 

ดังนั้นวันนี้เราจะมาคุยกัน ว่าเหตุใดในปัจจุบัน อุปกรณ์อย่างแฟลชไดร์ฟ ยังคงได้รับความนิยมอยู่ และผู้คนก็ยังคงหยิบมาใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน

 

ซื้อง่าย ใช้งานสะดวก

 

เหตุผลข้อแรกที่ผู้คนยังนิยมใช้แฟลชไดร์ฟกันอยู่ คืออุปกรณ์ชิ้นนี้ สามารถที่จะซื้อได้ง่าย ในปัจจุบันก็ยังคงมีขายอยู่ทั่วไป อีกทั้งยังมีราคาที่ถูกเอามากๆ มีให้เลือกมากมายหลากหลายรูปแบบด้วย ทางเลือกแบบที่ตอบโจทย์การใช้งาน อย่างเรื่องของขนาดความจุที่แตกต่างกันออกไป ไปจนถึงรูปแบบของแฟลชไดร์ฟ  หรือรูปทรงดีไซน์กันเลยทีเดียว เช่น แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟปากกา ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนยังคงนิยมใช้อยู่ ด้วยเรื่องของการหาซื้อง่าย และสะดวกในการหยิบมาใช้งานนี้เอง

 

ยังคงเป็นรูปแบบที่มีความปลอดภัยอยู่

 

ระบบการรักษาความปลอดภัยนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ข้อมูลของเราล้วนเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญ อาจจะเป็นข้อมูลส่วนตัว หรืออาจจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับงาน การฝากไฟล์ออนไลน์นั้น แน่นอนว่าอาจมีความเสี่ยงสูง ในการถูกดูดข้อมูลไป แต่หากเป็นการใช้อุปกรณ์อย่างแฟลชไดร์ฟ ที่เราจำเป็นต้องเสียบเข้าออกในเครื่องโดยตรง อีกทั้งยังเป็นอุปกรณ์พกพา ทำให้เรื่องของความปลอดภัยจึงน่าจะมีสูงกว่าอยู่

 

การใช้งานโดยไม่ต้องพึ่งอินเทอร์เน็ต

 

ข้อดีที่สำคัญของการใช้แฟลชไดร์ฟ นั่นก็คือการใช้อุปกรณ์ชนิดนี้ เราไม่จำเป็นที่จะต้องต่ออินเทอร์เน็ตเลย ซึ่งนี่จะตัดปัญหา สำหรับใครที่ต้องการใช้งานอย่างรวดเร็ว ในบางสถานที่หรือบางพื้นที่ ที่อินเทอร์เน็ตไม่ได้เอื้ออำนวย การพกอุปกรณ์ชนิดนี้ติดตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญ และสามารถหยิบมาใช้งานได้เลยอย่างง่ายดาย สามารถที่จะเพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น สำหรับนำไปใช้ในสถานที่ที่อับสัญญาณ หรือไม่หากเป็นหนังหรือวิดีโอ เราก็มั่นใจได้เลยว่า ความละเอียดของหนังหรือวิดีโอของเราจะคงที่ และไม่เกิดการสะดุดเหมือนกับการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างแน่นอน

 

สามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์อื่นได้

 

นอกจากอุปกรณ์ชนิดนี้จะใช้ในการเก็บข้อมูล หรือการสำรองข้อมูลได้แล้ว ที่สำคัญคืออุปกรณ์เก็บข้อมูลชนิดนี้ ไม่ได้ใช้ได้กับคอมพิวเตอร์เพียงเท่านั้น แต่ยังเอาไปใช้ในการเล่นสื่อมีเดียต่างๆ อย่างการเสียบกับทีวี เพื่อใช้ในการดูหนังหรือฟังเพลงได้ และเราได้รายละเอียดของวิดีโออย่างคงที่ อันนี้สำหรับบ้านใครที่ไม่ได้ใช้เป็นสมาร์ททีวี ก็น่าจะยังมีพอร์ตการเชื่อมต่ออยู่ สามารถที่จะใช้อุปกรณ์ชนิดนี้ในการเสียบเพื่อใช้งานได้เลย

 

เพราะมันเคยชินไปแล้ว

 

บางทีเหตุผลที่คนยังคงใช้อุปกรณ์ชนิดนี้อยู่ เพราะหลายคนรู้สึกชิน หรือคุ้นเคยกับอุปกรณ์ชนิดนี้ไปแล้ว ซึ่งก็มีคนจำนวนหนึ่ง ที่น่าจะเลือกใช้อุปกรณ์เก็บข้อมูลชนิดนี้ ถึงแม้จะมีเทคโนโลยีสมัยใหม่ หรืออุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบใหม่ออกมาให้เราใช้งานมากมายก็ตาม ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร เพราะอุปกรณ์ชนิดนี้เป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานง่าย สามารถที่จะหยิบมาใช้งานเมื่อไหร่ก็ได้ อีกทั้งยังมีการใช้งานที่หลากหลายมากด้วย รวมถึงรูปทรงดีไซน์ มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น แฟลชไดร์ฟไม้ หรือ แฟลชไดร์ฟโลหะ และยังสามารถใช้เป็นของพรีเมี่ยม เพื่อทำเป็นของแจก ของสมนาคุณได้อีกด้วย

การเลือกแฟลชไดร์ฟ 2022 เลือกอย่างไร ถูกใจแน่นอน

ในปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีต่างๆมากมายได้ก้าวหน้าขึ้นมาก ทั้งการใช้สมาร์ทโฟน หรือแม้แต่แท็บเล็ตเองก็ตาม มีการใช้งานที่มากมายหลากหลายมากขึ้น มีข้อมูลที่เราต้องใช้ในงานมากขึ้น ดังนั้นแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุด คืออุปกรณ์ที่ช่วยในการรักษาข้อมูลเหล่านี้...

ในปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีต่างๆมากมายได้ก้าวหน้าขึ้นมาก ทั้งการใช้สมาร์ทโฟน หรือแม้แต่แท็บเล็ตเองก็ตาม มีการใช้งานที่มากมายหลากหลายมากขึ้น มีข้อมูลที่เราต้องใช้ในงานมากขึ้น ดังนั้นแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุด คืออุปกรณ์ที่ช่วยในการรักษาข้อมูลเหล่านี้ รวมถึงอุปกรณ์ที่สามารถที่จะใช้ถ่ายโอนข้อมูลต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบายผู้ใช้งานมากขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายโอน หรือการเก็บข้อมูลผ่านทางคอมพิวเตอร์ หรือทางมือถือสมาร์ทโฟน หรือแม้แต่ในแท็บเล็ตเองก็ตาม ปัจจุบันอุปกรณ์อย่างเเฟลชไดร์ฟ ก็ยังเป็นอุปกรณ์ยอดนิยม ที่หลายคนคุ้นเคยกันดี และก็ยังสามารถหยิบมาใช้งานได้อย่างง่ายดาย เป็นอุปกรณ์ที่พกพาสะดวกเพราะมีหลายรูปทรงให้เลือกมากมายในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ แฟลชไดร์ฟการ์ด ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย

 

แฟลชไดร์ฟ นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะสามารถหยิบมาใช้งานได้กับหลายอุปกรณ์ แม้กระทั่งในปัจจุบันที่เทคโนโลยีต่างๆก้าวหน้าไปมาก แฟลชไดร์ฟก็ยังคงจำเป็น และถูกหยิบมาใช้งานอยู่เสมอ ดังนั้นวันนี้ เราจะมาชวนคุณเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟกัน ว่าเราจะสามารถเลือกอุปกรณ์เก็บข้อมูลนี้อย่างไร ให้ซื้อมาแล้วตรงใจ และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ในปี 2022 นี้ สามารถที่จะรักษาข้อมูลที่มีค่าของเราได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ และคุ้มค่าเงินในกระเป๋าเรามากที่สุด

 

เรื่องของความจุยังคงมีความสำคัญมากที่สุด

 

แต่ละคนนั้นมีความต้องการในการใช้งานการใส่ข้อมูลที่แตกต่างกัน บางคนต้องการแฟลชไดร์ฟที่มีความจุมาก บางคนต้องการแฟลชไดร์ฟที่มีข้อมูลความจุน้อย หากต้องการเก็บเพียงแค่ไฟล์งานเอกสาร ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก อาจเลือกเป็นความจุเพียงแค่ 4 GB หรือไม่เกิน 8 GB ก็น่าจะเพียงพอต่อการหยิบมาใช้งานแล้ว ซึ่งการเลือกที่มีความจุพอดีกับลักษณะการใช้งาน ทำให้เราไม่เสียเงินซื้อในราคาที่แพงจนเกินไป หรือหากต้องการที่จะเก็บไฟล์มัลติมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอ หรือเพลงต่างๆ อาจจะเลือกที่มีความจุมากขึ้น อาจเลือกความจุมากกว่า 16 GB ขึ้นไปก็น่าจะดีเหมือนกัน ราคาก็จะสูงขึ้นมาตามความจุที่เราเลือก

 

วัสดุอุปกรณ์ที่นำมาทำ

 

เรื่องของวัสดุอุปกรณ์ที่นำมาทำแฟลชไดร์ฟ ก็นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่คุณยังเลือกในการซื้ออยู่ดี วัสดุที่ใช้ควรที่จะมีความแข็งแรง เพื่อให้เหมาะสมกับการที่เราสามารถที่จะหยิบมาใช้งานบ่อยๆ ได้เป็นประจำ รวมถึงหากวัสดุที่นำมาใช้มีคุณภาพ เราก็จะสามารถได้ของที่มีคุณภาพตามไปด้วย อย่างหากเรานำสิ่งนี้มาใช้นอกสถานที่ การเลือกแฟลชไดร์ฟที่มีความแข็งแรงทนทาน อย่างแฟลชไดร์ฟโลหะ ก็น่าจะเหมาะสมมากกว่าหากเราไปนำเสนองานกับลูกค้า หรือต้องการพรีเซนต์งานนอกสถานที่ อีกทั้งการเลือกแบบที่วัสดุแข็งแรง ยังมีความทนทานมากกว่าด้วย

 

เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ

 

เทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นมีผลต่อความเร็วของอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟ เพราะว่านี่ถือเป็นสิ่งสำคัญที่เคียงคู่มากับเรื่องของความจุเลยทีเดียว ยิ่งมีเทคโนโลยีการถ่ายโอนข้อมูลที่เร็วขึ้น ก็จะเป็นการประหยัดเวลามากขึ้น และสามารถที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานมากขึ้นไปด้วย เทคโนโลยีความเร็วของอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟ ในปัจจุบันขึ้นอยู่กับ USB เวอร์ชั่นต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น เวอร์ชั่นเก่าอย่าง USB 2.0 ที่สามารถถ่ายโอนข้อมูลด้วยความเร็วที่ค่อนข้างช้า แต่มีราคาถูก หรืออาจจะเป็น USB 3.0 ที่จะได้เปรียบในเรื่องของการถ่ายโอนข้อมูลที่เร็วมาก หรืออาจจะเป็นเทคโนโลยี USB 3.1

 

เรื่องของความปลอดภัย

 

หากว่าข้อมูลของเรามีความสำคัญ แน่นอนว่าเราก็อยากที่จะมั่นใจ ว่าข้อมูลของเราจะถูกรักษาเป็นอย่างดี และไม่ถูกใครนำไปใช้ได้ง่ายๆ ยิ่งหากเราต้องใช้ข้อมูลเหล่านี้กับคอมพิวเตอร์สาธารณะ ยิ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นเทคโนโลยีความปลอดภัยจึงค่อนข้างมีความสำคัญต่อการเลือกซื้อ อย่างในปัจจุบันมีเทคโนโลยีการสแกนลายนิ้วมือ หรือมีการใส่รหัสผ่าน เพื่อที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญเหล่านี้ได้

ไอเดียออกแบบแฟลชไดร์ฟพรีเมี่ยม ดีไซน์แปลกใหม่ รูปทรงสวยสะดุดตา

แฟลชไดร์ฟ ถือได้ว่าเป็นสินค้าพรีเมี่ยมชิ้นนึงที่ค่อนข้างมีความยากในขั้นตอนการออกแบบ แม้ว่าโดยธรรมชาติตัวสินค้าจะมีขนาดเล็ก และมีความยืดหยุ่นในการใส่ไอเดียการออกแบบสูง โดยสามารถทำให้สินค้าออกมาดูเรียบหรุ มีความพรีเมี่ยม หรือให้ออกมามีดีไซน์ที่ดูน่ารักก็ได้...

แฟลชไดร์ฟ ถือได้ว่าเป็นสินค้าพรีเมี่ยมชิ้นนึงที่ค่อนข้างมีความยากในขั้นตอนการออกแบบ แม้ว่าโดยธรรมชาติตัวสินค้าจะมีขนาดเล็ก และมีความยืดหยุ่นในการใส่ไอเดียการออกแบบสูง โดยสามารถทำให้สินค้าออกมาดูเรียบหรุ มีความพรีเมี่ยม หรือให้ออกมามีดีไซน์ที่ดูน่ารักก็ได้ เพราะขณะเดียวกันข้อดีเรื่องความยืดหยุ่นในการออกแบบตามกล่าวมานี้ก็ทำให้ในปัจจุบันผู้ผลิตแฟลชไดร์ฟ หรือแบรนด์ องค์กรต่างๆ ที่ทำสินค้าตัวนี้ออกมาเป็นของพรีเมี่ยมนั้น มีการผลิตสินค้าออกมาหลากหลายดีไซน์แล้ว เช่น แฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟโลหะ แต่การออกแบบแฟลชไดร์ฟสักอันให้ออกมาแตกต่างจากคู่แข่ง เรียกความสนใจจากกลุ่มลูกค้าได้ จึงจำเป็นต้องอาศัยไอเดียที่มีความแปลกใหม่อยู่เสมอ และอาจต้องมีการนำไอเดียดีไซน์ของสินค้าประเภทอื่นมาปรับใช้งานร่วมด้วย เพื่อนำมาสู่ไอเดียที่แตกต่างและตอบโจทย์ทั้งในแง่ความเหมาะสมกับแคมเปญการตลาดขององค์กร และการดึงดูดความสนใจจากกลุ่มลูกค้าได้จริงๆ ในบทความนี้จึงได้นำเอาไอเดียการออกแบบแฟลชไดร์ฟแบบนำเอาดีไซน์สินค้าอื่นมาปรับใช้งานร่วมกันเพื่อให้ได้สินค้าที่ออกมามีดีไซน์แปลกใหม่แตกต่างจากคู่แข่งมาแนะนำกัน

  • แฟลชไดร์ฟรูปทรงเครื่องดนตรีต่างๆ ไอเดียแนะนำแรกก็คือการเลือกใช้ดีไซน์ของเครื่องดนตรีชนิดต่างๆ มาเป็นต้นแบบของรูปทรงตัวสินค้าแทนที่ดีไซน์มาตรฐานทั่วไป ซึ่งจะทำให้ตัวสินค้าออกมาเป็นลักษณะของเครื่องดนตรีจำลองจิ๋วที่สามารถใช้วางประดับตกแต่งโต๊ะทำงาน หรือมุมต่างๆ ได้ด้วย ทั้งนี้ข้อดีของสินค้าที่นำเอารูปทรงของเครื่องดนตรีชนิดต่างๆ เช่น กีตาร์ เปียโน ไวโอลิน มาเป็นแบบในการผลิตสินค้า นอกจากจะช่วยทำให้ตัวสินค้าออกมาโดดเด่น แตกต่างจากสินค้าดีไซน์มาตรฐานทั่วไปแล้ว ยังทำให้ตัวสินค้าได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบในการเล่นดนตรีมากเป็นพิเศษอีกด้วย จึงถือเป็นอีกหนึ่งไอเดียที่เหมาะจะใช้ในการออกแบบแฟลชไดร์ฟ สำหรับกิจกรรมทางการตลาดที่ต้องการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์เกี่ยวข้องกับดนตรี เช่น มีการเล่นดนตรีเป็นงานอดิเรก เป็นต้น
  • แฟลชไดร์ฟรูปทรงกระป๋องน้ำอัดลม กระป๋องเครื่องดื่มต่างๆ อีกหนึ่งดีไซน์ที่เรียกได้ว่าดูแปลกสะดุดตาแตกต่างไปจากแฟลชไดร์ฟดีไซน์ทั่วๆ ไปก็คือ ดีไซน์ที่นำเอารูปทรงของกระป๋องน้ำอัดลม กระป๋องเครื่องดื่มต่างๆ มาดัดแปลงปรับใช้เป็นต้นแบบของรูปทรงตัวสินค้า ซึ่งดีไซน์ดังกล่าวนี้จะทำให้สินค้าออกมาเป็นเหมือนของสะสม ของตกแต่งสวยงามในเวลาเดียวกันด้วย อย่างไรก็ตามการเลือกปรับใช้รูปทรงกระป๋องเครื่องดื่มต่างๆ เป็นต้นแบบในการออกแบบรูปทรงของตัวแฟลชไดร์ฟอาจจะต้องมีความระมัดระวังในส่วนของการใส่โลโก้ข้อความใดๆ ลงไป เพราะหากมีการใส่ชื่อ โลโก้ของบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มใดๆ ลงไปอาจเข้าข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้นๆ ได้ กล่าวคือควรเลือกปรับใช้รูปทรงต้นแบบตามความเหมาะสม โดยไม่ใช้วิธีการก๊อปปี้ดีไซน์จนทำให้ลูกค้า ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจผิด
  • แฟลชไดร์ฟแบบกึ่งพวงกุญแจ ไอเดียที่อาจจะไม่ได้มีความแปลกใหม่มากนัก แต่ก็เป็นไอเดียที่สามารถทำให้ตัวสินค้าออกมามีความแตกต่างจากหน้าตาสินค้าดีไซน์มาตรฐานทั่วไปได้ก็คือ การออกแบบตัวสินค้าให้เป็นแบบกึ่งพวงกุญแจ โดยคำนึงถึงการทำให้ตัวสินค้าสามารถห้อยติดกับกุญแจทดแทนพวงกุญแจทั่วไปได้อย่างลงตัวด้วยการปรับดีไซน์บางส่วนของตัวแฟลชไดร์ฟ เช่น ทำให้ส่วนหัวหรือส่วนท้ายมีรู้สำหรับคล้องสาย หรือคล้องห่วงกุญแจ, หรือออกแบบมาให้มีสายคล้องและห่วงห้อยลูกกุญแจติดตัวมาด้วยเลย เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังอาจเลือกใช้วิธีออกแบบให้ตัวสินค้าออกมามีหน้าตากลมกลืนกับพวงกุญแจทั่วไปมากขึ้น ด้วยการใช้ดีไซน์แบบรูปตัวการ์ตูน หรือสัตว์ชนิดต่างๆ มาเป็นต้นแบบแทนรูปทรงเหลี่ยม รูปทรงเลขาคณิตตามดีไซน์แฟลชไดร์ฟทั่วๆ ไป ซึ่งจะช่วยทำให้ลูกค้าสังเกตุเห็นได้ง่ายขึ้นว่าตัวสินค้าไม่ได้มีประโยชน์การใช้งานเพียงแค่เป็นแก็ดเจ็ตไอทีอย่างเดียวเท่านั้น

วิธีการเลือกแฟลชไดร์ฟ ตามลักษณะการใช้งาน

แฟลชไดร์ฟ นับว่าเป็นอุปกรณ์ใช้งานที่ค่อนข้างมีความสำคัญเป็นอย่างมาก สามารถหยิบมาใช้งานได้อย่างหลากหลาย ในปัจจุบันนั้นมีแฟลชไดรฟ์ให้เราได้เลือกซื้อกันอยู่มากมาย และได้มีเทคโนโลยีต่างๆพัฒนาไปมาก เพื่อทำให้อุปกรณ์ชนิดนี้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น เราอาจเคยพบเห็น แฟลชไดร์ฟ...

แฟลชไดร์ฟ นับว่าเป็นอุปกรณ์ใช้งานที่ค่อนข้างมีความสำคัญเป็นอย่างมาก สามารถหยิบมาใช้งานได้อย่างหลากหลาย ในปัจจุบันนั้นมีแฟลชไดรฟ์ให้เราได้เลือกซื้อกันอยู่มากมาย และได้มีเทคโนโลยีต่างๆพัฒนาไปมาก เพื่อทำให้อุปกรณ์ชนิดนี้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น เราอาจเคยพบเห็น แฟลชไดร์ฟ ที่อยู่ในรูปแบบของแฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟปากกา แฟลชไดร์ฟโลหะหรือที่อยู่ในรูปแบบอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งอุปกรณ์ แฟลชไดร์ฟ นี้สามารถที่จะหยิบมาใช้งานได้กับหลากหลายอุปกรณ์ด้วยกัน และเป็นเครื่องมือที่คนทำงาน และคนเรียนก็ต้องใช้กันทั้งนั้น ถึงแม้ว่าจะมีเทคโนโลยีการฝากไฟล์ออนไลน์แล้ว แต่หลายคนก็ยังคงชอบใช้ แฟลชไดร์ฟ อยู่ดี

 

วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องของ แฟลชไดร์ฟ ว่าเราจะสามารถเลือกอุปกรณ์ชิ้นสำคัญชิ้นนี้ ตามลักษณะการใช้งานได้อย่างไร เพราะอย่างที่บอกว่า เราไม่ได้ใช้อุปกรณ์ชนิดนี้ในการเก็บข้อมูลเพียงเท่านั้น แต่เรายังหยิบอุปกรณ์ชิ้นนี้มาใช้มากมายหลากหลาย แล้วจะหยิบมาใช้งานอะไร เราจำเป็นจะต้องดูปัจจัยใดบ้าง

 

เลือกมาเก็บไฟล์ชิ้นใหญ่หรือชิ้นเล็ก

 

อย่างแรกเป็นเรื่องของความจุ ซึ่ง แฟลชไดร์ฟ นั้นมีความจุให้เราเลือกกันมากมายหลากหลาย สิ่งนี้เป็นสิ่งแรกที่เราทุกคนจะต้องหยิบมาพิจารณาในการที่จะเลือกซื้อ ในปัจจุบันนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ แฟลชไดร์ฟ ที่มีความจุเพียงแค่ระดับ GB เท่านั้น แต่มีถึงขั้นเป็น TB เลยทีเดียว ซึ่งเราจะต้องรู้ก่อนว่าเรานำมาใช้งานอะไร หากเราต้องการนำไว้ใช้เพียงแค่เก็บไฟล์เอกสารเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ใช้ความจุไม่กี่ GB ก็น่าจะเพียงพอต่อการหยิบมาใช้งานแล้ว แต่หากเราต้องการจะเก็บไฟล์ขนาดใหญ่ อาจเป็นไฟล์หนังหรือเพลงในปริมาณที่มากๆ เราอาจเลือกเป็นขนาดที่มีหลาย GB ขึ้นมาหน่อย หรือหากเราใช้ในการสำรองข้อมูลต่างๆ อาจเลือกเป็นแบบที่ถึงขนาดเป็น TB เลยก็น่าจะดีกว่า หากเราเลือกความจุการใช้งานที่มากขึ้น แน่นอนว่า แฟลชไดร์ฟ ของเราก็จะต้องมีราคาสูงขึ้นไปด้วย แต่ก็ต้องแลกมาเหมือนกัน

 

เรื่องของความเร็วในการอ่านก็สำคัญ

 

ในเรื่องของความเร็วในการอ่านข้อมูลก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่เราจะนำมาใช้เลือกอุปกรณ์ชิ้นนี้เหมือนกัน ความเร็วหรือการเขียนข้อมูลนั้น เราจะเรียกอีกอย่างว่าการถ่ายโอนข้อมูล ซึ่งการอ่านก็จะมีความเร็วมากกว่าการเขียน เหมือนกับที่มนุษย์ของเราทำ ซึ่งจะมี 2 ค่าที่เราจะต้องรู้ คือค่าของ Read Speed และ Write Speed ยกตัวอย่างเช่น ค่าของ Read Speed อาจจะอยู่ที่ 200MB/s แต่ในทางกลับกันค่าของ Write Speed อาจจะกระโดดไปได้ถึง 500MB/s หลายคนอาจจะมองว่า การเลือกค่าการอ่านหรือการเขียนข้อมูลให้เร็วเข้าไวก็น่าจะดีกว่า ซึ่งสำหรับตัวผู้เขียนก็มองว่าเป็นสิ่งที่ดีเหมือนกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงจะมี 2 ค่านี้ระบุไว้อย่างชัดเจนแล้ว แต่ความเร็วก็จะต่างกันอยู่ดี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของไฟล์แต่ละไฟล์ และปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย

 

ความสามารถในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ

 

อย่างที่บอกว่า ในปัจจุบันนั้นเราไม่ได้ใช้อุปกรณ์ชนิดนี้ในการเก็บเอกสารหรือเก็บไฟล์ข้อมูลต่างๆ เพียงเท่านั้นแล้ว แต่ยังสามารถใช้งานได้หลากหลายกว่านั้นเยอะ ยกตัวอย่างเช่น อาจนำมาเสียบกับโทรทัศน์ เพื่อใช้ในการดูหนังหรือฟังเพลงก็ได้ ดังนั้นอุปกรณ์ที่เราควรจะเลือกหา จำเป็นต้องเป็นอุปกรณ์ที่รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆด้วย อย่างหากเราต้องการนำมาเสียบกับโทรทัศน์เพื่อที่จะใช้ในการดูหนัง แน่นอนว่าจำเป็นต้องรองรับการทำงานกับโทรทัศน์ ซึ่งในปัจจุบันอาจจะเป็น smart TV แล้ว ข้อนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อการเลือก ดูให้แน่ใจว่าเราหยิบมาใช้งานกับอุปกรณ์ชนิดใด ก่อนที่เราจะเลือกซื้อ