เคยสงสัยไม่ว่า แฟลชไดร์ฟ ราคาหลักร้อยกับหลักพันนั้นต่างกันตรงไหน
แฟลชไดร์ฟนั้นมีหลากหลายรูปแบบมากในปัจจุบัน ทั้งแฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟยาง แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ แฟลชไดร์ฟรีไซเคิล แฟลชไดร์ฟคริสตัล แฟลชไดร์ฟปากกา แฟลชไดร์ฟคลาสสิค วันนี้มีเรามีคำตอบมาฝากกัน ไขข้อสงสัยเรื่องของ แฟลชไดร์ฟ กันว่าทำไมแฟลชไดร์ฟถึงมีหลายช่วงราคากัน มีตั้งแต่ราคาไม่กี่ร้อยไปจนถึงราคาพันกว่าบาทหรือหลายพันบาทก็มี วันนี้เราลองนำแฟลชไดร์ฟ ทั้งหมด 4 รุ่น 4 ช่วงราคาด้วยกันตั้งแต่ไม่กี่ร้อย และหลักพันบาทอยู่ 2 ตัว มาเปรียบเทียบกันว่าจะแตกต่างกันแค่ไหน
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับคำว่า USB กันก่อน โดย USB ย่อมาจากคำว่า Universal Serial bus ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกให้การยอมรับเรื่องการเชื่อมต่อของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์นั่นเอง โดยเทคโนโลยี USB นี้ ถูกคิดค้นในปี 1994 โดยมีนาย Ajay Bhatt ร่วมมือกับองค์กรทั้ง 5 องค์กรด้วยกันทั้ง Intel Apple Microsoft Compac แล้วก็ HP นั่นเอง โดยความเร็วเริ่มต้น ที่มี USB มาเนี่ยความเร็วอยู่ที่ 1.5 MB/s ถือว่าค่อนข้างช้าเลยล่ะ แล้วก็มีการพัฒนามาเรื่อย ๆ จนเป็น USB 2.0 และ 3.0 ในปัจจุบันนี้นั่นเอง ซึ่งล่าสุดก็มีเป็นแบบ USB 3.2 Gen 2 เลยทีเดียว โดยปัจจุบันนี้ จะมี USB ที่ใช้กันอยู่สองมาตรฐานในด้วยกันคือ USB 2.0 กับ USB 3.0 ซึ่งมันแตกต่างกันง่าย ๆ หลัก ๆ แล้วคือแตกต่างกันเรื่องของความเร็วนั่น โดย USB 2.0 จะมีความเร็วอยู่ที่ 480 MB/s หรือราว 60 MB/s ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2000 จนถึงทุกวันนี้ ส่วน USB 3.0 นั้นจะมีเร็วกว่า USB 2.0 ถึง 10 เท่าเลยทีเดียว ซึ่ง USB 3.0 จะมีความเร็วสูงสุดราว ๆ 5 GB/s หรือราว ๆ 620 MB/s นั่นเอง ลองเอามาหาร 8 นะ
ด้วยความแตกต่างระหว่าง ระหว่าง USB 2.0 กับ USB 3.0 ที่ดูได้จากภายนอกก็คือหัวเชื่อมต่อของมันเองนะ โดยหัวของ USB 2.0 นั้นจะเป็นสีดำแถมด้านล่างเป็นสีดำส่วน USB 3.0 หัวของมันเนี่ยจะเป็นสีฟ้าเป็นมาตรฐานสากลที่เขาใช้กัน แต่อาจจะมีบางแบรนด์ที่อาจจะไม่ได้ยึดสีตามนี้ ส่วนพอร์ต USB 3.0 ที่อยู่บนตัว Notebook หรือ PC ความแตกต่างกันก็คือถ้าเป็น USB 3.0 จะมีสัญลักษณ์ SS คือซุปเปอร์สปีดบอกมาแต่ถ้าเป็น USB 2.0 จะเป็นสัญลักษณ์ USB ปกตินั่นเอง
ต่อมาภายในปี 2013 ก็เกิด USB 3.1 ขึ้นมา โดยจะแบ่งเป็น 3.1 Gen 1 และ 3.1 Gen 2 นั่นเอง
USB 3.1 Gen 1 ก็คือจะเหมือนกับ 3.0 ทุกอย่างเลยแค่เปลี่ยนชื่อเท่านั้น ความเร็วสูงสุดเนี่ยก็ยังคงเดิมอยู่ที่ 5 GB/s แต่ถ้าเป็น USB 3.1 Gen 2 เนี่ยความเร็วจะสูงถึง 10 GB/s ด้วยกัน โดยพอร์ตเชื่อมต่อนั้นจะมี SS แล้วก็เลข 10 ห้อยมาด้วย
มาถึงตรงนี้แล้วหลายท่านอาจจะงงกันว่าทำไมถึงต้องตั้งชื่อให้ยุ่งยากด้วย แต่พอมาในปี 2017 นี้บอกว่าเริ่มสับสนเข้าไปอีก เพราะว่าจะมีมาตรฐาน USB 3.2 เข้ามาด้วย แบ่งออกเป็น 3 มาตรฐานด้วยกันก็คือ USB 3.2 Gen 1 แล้วก็มี USB 3.2 Gen 2 แล้วก็สุดท้ายเป็น USB 3.2 Gen 2 x 2
ซึ่ง USB 3.2 Gen 1 ความเร็วมันก็เท่ากับ USB 3.0 และ USB 3.1 Gen 1 สูงสุดที่ 5 GB/s ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเปลี่ยนชื่อทำไม ส่วน USB 3.2 Gen 2 อันนี้ก็มีความเร็วเท่ากับ USB 3.1 Gen 2 ก็คือสูงสุดที่ 10 GB/s ก็คือเปลี่ยนชื่อเหมือนเดิม แล้วสุดท้าย USB 3.2 Gen 2 x2 ตัวนี้เร็วขึ้นมาจริง ๆ จะมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 20 GB/s หรือมีความเร็วประมาณ 2,500 MB/s ด้วยกันบอกเลยว่าเร็วมากจริง ๆ และนี่ก็เป็นประวัติคคร่าว ๆ ของ USB นั่นเอง
แฟลชไดร์ฟที่ได้มาทดสอบความเร็วสูงสุดจะอยู่ในมาตรฐาน USB 3.1 ที่เพิ่งจะมีขายในบ้านเราทั่วไปนะแฟลชไดร์ฟ ตัวนี้มันต่างจากรุ่นอื่นยังไงบ้างไปดูกัน
โดยอุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบจะเป็นตัวโน้ตบุ๊ครุ่น ASUS Rog Zephyrus G14 เครื่องนี้ ด้วยพอร์ต USB Type A ของเขาจะเป็นแบบ USB 3.2 Gen 1
สำหรับการทดสอบ แฟลชไดร์ฟครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 3 ทางด้วยกันก็คือ 1 ทดสอบด้วยโปรแกรม Crystal Disk Mark คือเป็นการทดสอบแฟลชไดร์ฟตามปกติ 2 ทดสอบร่างไฟล์วิดีโอ 1 ไฟล์ ขนาด 4 GB
แล้วก็ 3 ทดสอบไฟล์ 4K ไม่ใช่วีดีโอนะแต่เป็นการลากไฟล์จำนวนเยอะ ๆ เป็นหมื่นเป็นแสนไฟล์มันจะต่างกันแค่ไหนใน
โดยแฟลชไดร์ฟที่นำมาทดสอบจะมี 4 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ Sandisk Cruzer Dial ขนาด 16 GB ตัวนี้ราคาประมาณร้อยต้น ๆ
ตัวที่ 2 Sandisk Ultra dual ตัวนี้จะเป็น USB 3.0 แล้ว ขนาด 32 GB ด้วยกันราคาอยู่ที่ 200 ต้น ๆ เหมือนกัน แล้วก็ตัวที่ 3 จะเป็นตัว Sandisk Extreme Go ขนาด 128 GB ตัวนี้ราคา 990 บาท แล้วก็ตัวสุดท้าย เป็น sandisk Extreme Pro 128 GB ด้วยกันตัวนี้จะแพงที่สุดเลยราคาอยู่ที่ 1,450 บาท
มาดูกันว่าแฟลชไดร์ฟ 4 รุ่นนี้นั้นจะต่างกันแค่ไหนไปดูกัน
มาดูผลทดสอบเจ้าตัว Crystal Disk Mark ของ sandisk cruzer กันก่อน ซึ่งเป็นมาตรฐาน USB 2.0 มีค่าการอ่านอยู่ที่ 39 MB/s มีค่าการเขียนอยู่ที่ 11 MB/s ด้วยกัน ก็ถือว่าค่อนข้างน้อยเลยทีเดียว ส่วนค่า Random 4k จะมีค่าการอ่านอยู่ที่ราว 5 MB/s ค่าการเขียนอยู่ที่ 1 MB/s ด้วยกัน
ต่อมาเป็นตัว Sandisk Ultra Dual ขนาด 32 GB ตัวนี้จะเป็นมาตรฐาน USB 3.0 ดูแล้ว โดยมีค่าการอ่านอยู่ที่ 139 MB/s มีค่าการเขียนอยู่ที่ 22 MB/s ด้วยกัน แล้วก็ค่า Random 4k จะมีค่าการอ่านอยู่ที่ 6 MB /s แล้วก็ค่าการเขียนอยู่ที่ 2 MB/s มีค่าการอ่านเร็วขึ้นกว่าเดิม 4 เท่าแล้วก็ค่าการเขียนเร็วขึ้นกว่าเดิม 2 เท่าด้วยกัน
ถัดมา ตัวที่ 3 มาดู Sandisk Extreme Glow ขนาด 128 GB ตัวนี้ก็จะมีค่าการอ่านที่ 202 MB/s ค่าการเขียนอยู่ที่ 155 MB/s ด้วยกันส่วนค่า Random 4k จะมีค่าการอ่านอยู่ที่ 7 MB/s แล้วก็ค่าการเขียนอยู่ที่ราวๆ 1 MB/s จะสูงขึ้นกว่าตัว Ultra dual ขึ้นมาอีกหลายเท่าเลยทีเดียว แต่มีข้อสังเกตก็คือ ค่า Random 4k จะต่ำกว่า USB 2.0 เสียอีก
และสุดท้าย ตัวที่แพงที่สุดก็คือ Sandisk Extreme Pro ขนาด 128 GB จะมีค่าการอ่านอยู่ที่ 404 MB/s แล้วก็ค่าการเขียนอยู่ที่ 347 MB/s ด้วยกัน ส่วนค่า Random 4k จะมีค่าการอ่านอยู่ที่ 13 MB/s แล้วก็ค่าการเขียนอยู่ที่ 9 MB/s ด้วยกัน
เราจะมาดูผลทดสอบการลากไฟล์โอนไฟล์กันบ้าง ซึ่งเป็นเจ้าตัวไฟล์วีดีโอขนาด 4 GB
เริ่มต้นด้วยตัว Sandisk Cruzer Dial ที่เป็น USB 2.0 16 GB ตัวนี้จะใช้เวลาในการลากไฟล์จากคอมไปยัง USB อยู่ที่ 15 นาทีกับอีก 27 วินาทีด้วยกัน ส่วนล่างไฟล์จาก USB ลงคอม ใช้เวลาทั้งสิ้น 1 นาที 58 วินาที
ต่อไปจะเป็น Sandisk Ultra Dual ที่เป็น 3.0 ขนาด 32 GB จะใช้เวลาในการลากไฟล์จากคอมไปแฟลชไดร์ฟ อยู่ที่ 3 นาที 21 วินาที ลากไฟล์จาก แฟลชไดร์ฟ ลงมาเครื่อง จะใช้เวลาเพียง 33 วินาทีเท่านั้น จะเห็นได้ว่า USB 2.0 กับ 3.0 นั้นต่างกันมากเลยทีเดียว
ทีนี้มาดู Sandisk Extreme Glow กันบ้าง จะใช้เวลาลากไฟล์จากคอมไปแฟลชไดร์ฟ อยู่ที่ 30 วินาทีด้วยกัน แล้วก็ลากไฟล์จาก แฟลชไดร์ฟ ลงมาสู่คอมใช้เวลา 22 วินาที ตัวนี้ก็เร็วขึ้นมาก ๆ เลย แต่จะเร็วกว่าในส่วนของการลากไฟล์ไปยังแฟลชไดร์ฟ หรือค่าการอ่านนั่นเอง
และสุดท้าย ตัว Extreme Pro อันนี้เร็วที่สุดเลย ใช้เวลาลากไฟล์วีดีโอ 4G ไปยังแฟลชไดร์ฟ เพียงแค่ 17 วินาทีเท่านั้น แล้วการลากไฟล์จาก แฟลชไดร์ฟ ลงเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นใช้เวลา 11 วินาทีเท่านั้นบอกเลยว่ารวดเร็วมาก ๆ
มาดูผลสอบ Random 4K กันบ้างครับหรือว่าทดสอบโอนไฟล์ลากไฟล์เยอะ ๆ กันบ้าง เป็นแสน ๆ ไฟล์ “โดยไฟลที่จะมาทดสอบมีทั้งหมด 144,000 กว่าไฟล์ ขนาด 1.98 GB โดยเจ้าตัว Sandisk Cruzer Dial ขนาด 16 GB เนี่ยจะใช้เวลาในการลากจากคอมไปยัง USB อยู่ที่ 42 นาที 58 วินาที ส่วนลากจาก แฟลชไดร์ฟ ลงมายังคอมพิวเตอร์นั้นจะใช้เวลาอยู่ที่ 10 นาทีกับอีก 9 วินาที เรียกได้ว่าช้ากว่าลากไฟล์วิดีโอ 4 GB ที่มีขนาดใหญ่กว่า เยอะเลย ถัดมามาดูตัว Sandisk Ultra Dua ใช้เวลาทั้งสิ้น 44 นาทีกับอีก 32 วินาทีด้วยกัน ลากไฟล์จากแฟลชไดร์ฟลงคอมพิวเตอร์ใช้เวลาทั้งสิ้น 14 นาทีกับอีก 48 วินาที อแอบช้ากว่า แฟลชไดร์ฟ 2.0
ต้อมาเป็นตัว Sandisk Extreme Glow ลองลากไฟล์จากคอมพิวเตอร์เข้าสู่ แฟลชไดร์ฟ ใช้เวลามากกว่าตัวอื่นเลย ใช้เวลาทั้งสิ้น 58 นาทีกับอีก 39 วินาที แล้วก็ลากไฟล์จาก แฟลชไดร์ฟ เข้าสู่คอมพิวเตอร์ ใช้เวลาอยู่ที่ 27 นาทีกับอีก 6 วินาที ตัวนี้เยอะกว่า 2 ตัวแรกที่เป็นมาตรฐาน USB 3.1
แล้วก็สุดท้าย ตัว Extreme Pro เนี่ยวันนี้ประทับใจมากลากไฟล์จากคอมพิวเตอร์ไปยัง แฟลชไดร์ฟ จะใช้เวลาทั้งสิ้น 16 นาทีกับอีก 46 วินาทีด้วยกัน แล้วก็ลากไฟล์จาก แฟลชไดร์ฟ เข้าสู่คอมพิวเตอร์ใช้เวลาอยู่ที่ 9 นาทีกับอีก 20 วินาที เร็วที่สุดเลยถือว่าเร็วกว่าตัวอื่นเป็นหลายเท่าตัวเลย
จากการทดลองจะเห็นได้ว่า แฟลชไดร์ฟ ยิ่งราคาสูงประสิทธิภาพก็ยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย และทั้งหมดนี้ก็เป็นการทดลองแฟลชไดร์ฟที่ว่าแฟลชไดร์ฟราคาหลักร้อยกับหลักพันนั้นต่างกันตรงไหน