แฟลชไดร์ฟ Style You

แฟลชไดร์ฟ  (flash drive) มีลักษณะเล็กแต่สิ่งที่แตกต่างคือรูปแบบ และขนาด เพื่อบุคคลที่มีความชอบที่แตกต่างกันออกไป แฟลชไดร์ฟ  (flash drive) เป็นสิ่งที่สายคอมพิวเตอร์หลาย ๆ คนนิยมใช้ หรือจะเป็น Note book และรถยนต์ ที่มีความต้องการใช้แฟลชไดร์ฟ (flash drive) เพราะมันเปรียบเสมือน Hard disk External...

แฟลชไดร์ฟ  (flash drive) มีลักษณะเล็กแต่สิ่งที่แตกต่างคือรูปแบบ และขนาด เพื่อบุคคลที่มีความชอบที่แตกต่างกันออกไป แฟลชไดร์ฟ  (flash drive) เป็นสิ่งที่สายคอมพิวเตอร์หลาย ๆ คนนิยมใช้ หรือจะเป็น Note book และรถยนต์ ที่มีความต้องการใช้แฟลชไดร์ฟ (flash drive) เพราะมันเปรียบเสมือน Hard disk External แต่ในปัจจุบันแฟลชไดร์ฟ (flash drive)เป็นที่นิยมใช้มากกว่า เพื่อเก็บข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการลงเพลงหรือเก็บข้อมูลสำคัญเนื่องจากบางครั้งเราอาจจะเก็บข้อมูลสำคัญไว้ในคอมอาจจะทำให้ข้อมูลหายได้คนไทยส่วนใหญ่จะชอบเก็บงานไว้ในแฟลชไดร์ฟ (flash drive) มากกว่า

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือแฟลชไดร์ฟ (flash drive) ก็มีความจุต่างกัน  128 MB, 64 MB, 32 MB และราคาถูกลงกว่าเมื่อก่อนมาก แฟลชไดร์ฟ (flash drive) ส่วนมากจะแตกต่างกันที่ความจุ ส่วนเรื่องของรูปร่างคือเป็นปัจจัยรอง แล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล

เราจะมาพูดถึงคุณสมบัติของแฟลชไดร์ฟ (flash drive) ไปดูกันเลย

ข้อ 1.มีความเล็กพกพาง่าย มีความกะทัดรัด ซึ่งสามารถพกติดกระเป๋าหรือจะห้อยเป็นพวงกุญแจ ที่สำคัญพังยากและสามารถเก็บข้อมูลได้เยอะพอสมควร ถึงจะมีขนาดที่เล็ก เปรียบเสมือนเล็กพริกขี้หนู

ข้อ 2.พูดถึงเรื่องราคาคือราคาถูกมาก บางชิ้นไม่ถึง100บาท แล้วแต่คุณภาพและการออกแบบ และขนาดของความจุแต่ละอันด้วย คุ้มค่ามากแล้วเรื่องการเก็บข้อมูลก็อยู่ในระดับที่ดีมาก ที่สำคัญกระแทก หรือตกหล่นมีโอกาสน้อยมากที่จะพัง ข้อมูลไม่หายไปไหน เราจะซื้อแฟลชไดร์ฟ (flash drive) กี่อันก็ได้เพื่อสำรองข้อมูลแล้วราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับการที่เราต้องเก็บข้อมูลที่สำคัญ ปลอดภัย

ข้อ 3.รูปแบบและการออกแบบที่มีความแตกต่างกันมากมีทั้งรูปทรงตามใจฉัน หรือจะสั่งทำเป็นพวงกุญแจก็สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็น แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟยาง แฟลชไดร์ฟรีไซเคิล ซึ่งจะต่างจากฮาร์ดดิสก์ที่ต้องมีการจัดเก็บไว้ภายในเครื่อง ที่เหมือนกันกับแฟลชไดร์ฟคือเก็บข้อมูลได้เหมือนกัน แต่ปัญหาคือฮาร์ดดิสก์มีขนาดที่ใหญ่เมื่อโดนแรงกระแทกแรง ๆ มีโอกาสทำให้พังได้ง่ายและไม่สามารถพกออกไปข้างนอกได้ แต่แฟลชไดร์ฟสามารถพกไปไหนก็ได้

เห็นคุณสมบัติของแฟลชไดร์ฟ (flash drive)กันพอสมควรแล้ว ต่อไปจะมาแนะนำ แฟลชไดร์ฟ (flash drive)styleyou

แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ เป็นแบบแนวใหม่ที่ไม่ต้องมีฝาเหมือน แฟลชไดร์ฟธรรมดา ซึ่งแน่นอนว่าแฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ถูกออกแบบมากจากแฟลชไดร์ฟธรรมดา ที่เมื่อก่อนนั้นแฟลชไดร์ฟธรรมดาจะมีฝา ซึ่งทำให้เกิดปัญหาคือฝาชอบหายนั้นเองเลยพัฒนามาเป็นแฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ ที่ฝาจะมีลักษณะเป็นแบบหมุน360องศา และสะดวกและลดปัญหาฝาหายได้ ซึ่งการออกแบบเช่นนี้ก็จะนำขอบกพร่องของแฟลชไดร์ฟพัฒนาต่อ เพื่อทำให้มันดีขึ้น และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้และยังมีการใช้วัสดุที่ดีขึ้นอีกด้วย แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ดูแลรักษาง่ายแต่ระวังไวรัสที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ที่เราจะเอาแฟลชไดร์ฟไปเสียบ สามารถแสกนดูว่ามีไวรัสก่อนหรือไม่ทุกกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสติดแฟลชไดร์ฟมา ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้งานเสียหายได้ นอกจากนี้แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ยังมีราคาที่ถูกและหาซื้อได้ง่าย

แฟลชไดร์ฟแต่ละรุ่นก็เหมาะกับทุกรุ่นทุกวัย ไม่ได้เจาะจงไปที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เช่นแฟลชไดร์ฟคริตตัล แฟลชไดร์ฟไม้ ต่างกันแค่ใช้วัสดุ และราคา นอกจากนี้การดีไซน์ที่ดูหรูหราแต่ราคาเบาหวิว สำคัญสุด ๆ เลยการใช้แฟลชไดร์ฟไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสวยงามทั้งหมดแต่ขึ้นอยู่กับคุณภาพด้วย และสามารถใช้งานได้จริง ความต้องการของผู้ใช้นั้นก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันว่า แฟลชไดร์ฟจัดเก็บงานสำคัญได้ดี

แฟลชไดรฟ์หน่วยความจำสำหรับคุณ

การคิดค้นการค้นพบเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นเกิดจากการความต้องการที่มนุษย์จะเกิดการนับ หรือคำนวณในของคนสมัยก่อน โดยเครื่องคอมพิวเตอร์มีวิวัฒนาการมาจากการใช้เครื่องมือในยุคสมัยเก่าที่เรียกว่า “ลูกคิด” ที่คิดค้นและสร้างขึ้นในประเทศจีนเมื่อ 2-3 พันปีที่แล้ว จนในปีต่อ ๆ ...

การคิดค้นการค้นพบเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นเกิดจากการความต้องการที่มนุษย์จะเกิดการนับ หรือคำนวณในของคนสมัยก่อน โดยเครื่องคอมพิวเตอร์มีวิวัฒนาการมาจากการใช้เครื่องมือในยุคสมัยเก่าที่เรียกว่า “ลูกคิด” ที่คิดค้นและสร้างขึ้นในประเทศจีนเมื่อ 2-3 พันปีที่แล้ว จนในปีต่อ ๆ  มาได้มีการค้นพบในการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ให้เกิดประโยชน์มากที่สุดโดยมีการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีขึ้น โดยทำหน้าที่เหมือนสมองกลใช้ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้กับมนุษย์ จนจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันนี้มีเครื่องคอมพิวเตอร์มากมายและมีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดียิ่งขึ้น

คอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน และหลาย ๆ ที่หน่วยงานได้มีการใช้คอมพิวเตอร์ในการจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ลงไปยังในคอมพิวเตอร์ทดแทนการจัดเก็บเอกสารแบบเก่าซึ่งการจัดเก็บเอกสารแบบเก่าคือจัดเก็บในรูปแบบแฟ้มกระดาษทำให้มีผลเสียมากมาย เช่น เอกสารหาย เอกสารไม่ครบ เอกสารไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดผลกระทบต่าง ๆ ตามมา จนในปัจจุบันหันมาใช้การจัดเก็บในรูปแบบไฟล์ทำให้ข้อมูลไม่สูญหาย และสามารถเก็บได้นานมากกว่าการจัดเก็บในรูปแบบเอกสารเข้าแฟ้ม ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันการจัดเก็บเอกสารในคอมพิวเตอร์จะมีหลากหลายรูปแบบซึ่งเริ่มจากแบบจัดเก็บในฮาร์ดดิสก์ภายในตัวเครื่อง หรือแฟลชไดร์ฟที่สามารถนำมาจัดเก็บได้ภายนอกตัวเครื่อง ในการจัดเก็บในวิธีต่าง ๆ มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป โดยการเลือกใช้ก็จะคำนึงถึงความสะดวกในแต่ละบุคคลในการเลือกใช้

ฮาร์ดดิสก์และแฟลชไดร์ฟ ตัวเลือกในการจัดเก็บข้อมูล แต่ฮาร์ดดิสก์จะเป็นอุปกรณ์ที่จัดเก็บข้อมูลที่อยู่ภายในตัวเครื่องและมีขนาดใหญ่และเมื่อหากคอมพิวเตอร์ของคุณเกิดการเสียหรือเมื่อซ่อมแล้วอาจจะเกิดปัญหาข้อมูลในตัวเครื่องหายหมดทำให้ผู้คนส่วนใหญ่หันมาใช้เป็นแฟลชไดร์ฟในการจะจัดเก็บข้อมูลเพื่อป้องกันข้อมูลที่สูญหาย แฟลชไดร์ฟจะเป็นการจัดเก็บที่สามารถเคลื่อนย้ายได้โดยสะดวกจนทำให้ผู้คนส่วนใหญ่หันมาใช้การจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบของแฟลชไดร์ฟกันอย่างมากขึ้น เพราะแฟลชไดร์ฟมีขนาดที่เล็ก สะดวก พกพาง่ายหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟยาง แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ แฟลชไดร์ฟรีไซเคิล แฟลชไดร์ฟหนัง แฟลชไดร์ฟคริสตัล แฟลชไดร์ฟปากกา เป็นต้น และยังสามารถจัดเก็บข้อมูลได้เยอะ  เนื่องจากปัจจุบันมีการพัฒนาแฟลชไดร์ฟให้มีขนาดในการบรรจุที่เพิ่มมากขึ้น มีความจุเริ่มต้นตั้งแต่ 1GB – 2TB และรูปทรงที่ดูกะทัดรัด และยังมีการออกแบบให้ดูทันสมัยขึ้นและยังออกแบบให้มีรูปทรงที่หลากหลายสวยงามมากขึ้น แฟลชไดร์ฟจะมีความทนทานมากกว่าฮาร์ดดิสก์และยังมีราคาที่ถูกกว่า โดยตามท้องตลาดแฟลชไดร์ฟมีราคาที่ไม่แพงมากนัก ผู้คนสามารถเข้าถึงและจับต้องได้ในราคาที่พึ่งพอใจ

คำว่า “การเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟ” ควรคำนึงถึงสิ่งใดก่อนที่จะเลือกซื้อมาใช้ในการจัดเก็บข้อมูล

ความจุ

ความจุมีความสำคัญต่อการเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟที่นำมาใช้งาน การเลือกขนาดบรรจุของแฟลชไดร์ฟจึงต้องเลือกขนาดให้เหมาะสมสำหรับการจัดเก็บข้อมูลของเรา การเลือกความจุของแฟลชไดร์ฟจะเลือกให้เหมาะสมกับข้อมูลที่เราจะนำมาจัดเก็บ เช่น หากเป็นการจัดเก็บเพลงเพื่อนำไปเปิดในรถยนต์ส่วนบุคคล อาจจใช้แค่ 4Gb ก็อาจจะเพียงพอแล้ว หรืออาจจะเป็นการจัดเก็บเอกสารการต่าง ๆ ที่มีขนาดเยอะ อาจจะใช้เป็น 64Gb ก็ได้

ขนาดและรูปร่าง

ขนาดและรูปร่างของแฟลชไดร์ฟก็อาจจะมีผลต่อการเลือกซื้อ อาจจะเป็นความชอบส่วนบุคคลที่ชอบแบบเรียบ ๆ หรือชอบแบบลวดลายให้มีความสวยงามมากขึ้นหรืออาจจะดูแปลกตามากขึ้น เช่น ปากกาแฟลชไดร์ฟ แฟลชไดร์ฟหนัง แฟลชไดร์ฟยาง

การเชื่อมต่อกับ Port USB

การที่แฟลชไดร์ฟมีการเชื่อมต่อกับ Port Usb ได้อย่างรวดเร็วก็จะมีมาตรฐานการเชื่อมต่อ USB อยู่ที่ 2.0 เป็นหลัก แต่ในปัจจุบันก็ยังมีถึง 3.0 แล้ว  แต่ยังไม่แพร่หลายกันอย่างมากนัก ถ้าหากให้แนะนำไฟล์ที่เราต้องการบันทึกมีขนาดใหญ่และมาก แนะนำให้ใช้ เป็น 3.0 แต่ถ้าหากเป็นแค่ไฟล์เล็ก เช่น ไฟล์ภาพจำนวนไม่มากนัก ก็สามารถใช้เป็น 2.0 ได้ เช่นกัน

คุณสมบัติพิเศษของแฟลชไดร์ฟ

บางแฟลชไดร์ฟก็มีคุณสมบัติพิเศษบางอย่างที่เป็นการพัฒนาให้ดีขึ้น เช่นการยืนยันตัวตนในการก่อนจะเปิดใช้งานแฟลชไดร์ฟนั้น ๆ อาจจะเป็นการใส่รหัสหรือการสแกนนิ้ว และอีกคุณสมบัติพิเศษของแฟลชไดร์ฟ เทคโนโลยี U3 จะเป็นเทคโนโลยีซึ่งช่วยให้สามารถนำเอาซอฟต์แวร์ติดตัวไปใช้งานได้ในทุกที่ตลอดเวลา และยังจะสามารถเรียกใช้งานได้โดยตรงจากแฟลชไดร์ฟ ไม่ติดปัญหาเรื่องเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่มีซอฟต์แวร์ที่ต้องการใช้งานอีกด้วย

ประกันแฟลชไดร์ฟ

ควรเลือกแฟลชไดร์ฟที่มีการรับประกันจากผู้ขายเนื่องจากหากเกิดการที่แฟลชไดร์ฟเสียหายแล้วไม่สามารถกู้ข้อมูลกลับมาได้ อย่างน้อยเราก็จะส่งเคลมประกันและได้แฟลชไดร์ฟอันใหม่มาใช้แทนถึงแม้จะกู้ข้อมูลไม่ได้ก็ตาม

ทั้งนี้การทำธุรกิจยังสามารถนำแฟลชไดร์ฟมาเป็นสิ่งตอบแทน หรือของชำร่วยในการเป็นของสมนาคุณให้กับลูกค้าอีกด้วย โดยในแง่ของธุรกิจมองว่าเป็นการให้ผลตอบแทนและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างดี

วิธีโหลดเพลงลงแฟลชไดร์ฟง่าย ๆ

รถยนต์บางคันยังมีการใช้งาน MP3 ในการเล่นเพลงโดยผ่านการเปิดเพลงด้วยแฟลชไดร์ฟ แต่ปัจจุบันนั้นในรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ก็ยังรองรับการเชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์มือถือแล้วในการเล่นเพลง แต่รถยนต์บางรุ่นหรือแม้กระทั่ง...

รถยนต์บางคันยังมีการใช้งาน MP3 ในการเล่นเพลงโดยผ่านการเปิดเพลงด้วยแฟลชไดร์ฟ แต่ปัจจุบันนั้นในรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ก็ยังรองรับการเชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์มือถือแล้วในการเล่นเพลง แต่รถยนต์บางรุ่นหรือแม้กระทั่ง ในบางครั้งที่เราขึ้นมาบนรถ การเชื่อมต่อมือถือกับรถยนต์เพื่อเล่นเพลง ก็อาจจะเสียเวลาในการเชื่อมต่อไป เพราะกว่าจะเปิดเพลง กว่าจะเชื่อมต่อ Bluetooth ระหว่างโทรศัพท์มือถือกับรถยนต์อีก คงเสียเวลาน่าดู เพราะในบางครั้งเราอาจจะขับรถในระยะทางที่ไม่ไกลมากเท่าไหร่นัก แต่ยังต้องการฟังเพลงที่เราชื่นชอบ หรืออัพเดทเพลงใหม่ ๆ ในอินเตอร์เน็ต เราก็สามารถที่จะโหลดเพลงเหล่านั้นลงบนแฟลชไดร์ฟแล้วนำมาเสียบใช้งานเปิดเพลงฟังในรถได้ ไม่ว่าจะโหลดลงแฟลชไดร์ฟสักกี่ร้อยเพลงก็ทำได้ เพื่อให้เราได้ฟังเพลงที่อัพเดทใหม่ ๆ ก่อนใคร ยิ่งในในตอนนี้แฟลชไดร์ฟก็มีให้รูปแบบให้เลือกมากมายตามที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็น แฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ แฟลชไดร์ฟรีไซเคิล แฟลชไดร์ฟปากกา แฟลชไดร์ฟยางหยอด แฟลชไดร์ฟริสแบนด์ แฟลชไดร์ฟคริสตัล และแฟลชไดร์ฟชนิดอื่น ๆ เป็นต้น

ปัจจุบันนี้รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ก็ยังมีช่องเสียบแฟลชไดร์ฟอยู่อย่างแน่นอน บางครั้งเราไม่อยากเชื่อมเครื่องเล่นเพลงบนรถยนต์ต่อกับโทรศัพท์มือถือ ยิ่งในช่วงเวลาที่เรากำลังเร่งรีบ ต้องรีบเดินทาง หรือในชั่วโมงเร่งด่วนก็ตาม การเสียบแฟลชไดร์ฟเพียงแค่ครั้งเดียว ก็สามารถฟังเพลงวนไปได้ยาว ๆ ตลอดการเดินทางแล้ว และวันนี้ก็จะมาสอนวิธีโหลดเพลงจากเว็บฟังเพลงยอดฮิตอย่าง YouTube ให้เป็น MP3 ลงบนแฟลชไดร์ฟเพื่อนำไปฟังในรถกันแบบง่าย ๆ ที่ทุกคน ทุกคอมพิวเตอร์ และทุกเครื่องก็สามารถทำได้ ขอเพียงแค่คุณมีแฟลชไดร์ฟ 1 ชิ้นก็เพียงพอแล้ว

แต่ก่อนอื่นเลยนั้น ก่อนที่เราจะทำการลงเพลงผ่านแฟลชไดร์ฟของเรานั้น ให้เราเข้าไปที่เว็บไซต์ YouTube กันก่อน เมื่อเข้ามาที่เว็บไซต์ YouTube เสร็จแล้วก็ให้เราทำการพิมพ์ชื่อเพลงที่ช่องค้นหาของ YouTube ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเพลงฮิต เพลงฮอต เพลงลูกทุ่ง เพลงสตริง เพลง Pop เพลงไทย เพลงสากล เพลงอินดี้ เพลงใหม่ เพลงดัง เพลงที่อยากฟัง เพลงล่าสุด หรือจะเป็นเพลงที่เราได้ยินได้ฟังมาจาก application ฟังเพลงอื่น ๆ ก็ให้เราทำการพิมพ์ลงไปที่ช่องค้นหาได้เลย เมื่อค้นหาเพลงเสร็จเรียบร้อยแล้วให้เราเลือกมาสักหนึ่งเพลงที่เราอยากฟัง แล้วทำการ copy link ของเพลงนั้น

หลังจากทำการ copy link ของเพลงนั้นเรียบร้อยแล้วให้เราเข้าไปที่ google และพิมพ์ที่ช่องค้นหาของ google ด้วยคำว่า YouTube to MP3 แล้วทำการเลือกเว็บใดก็ได้ที่แสดงขึ้นมาที่หน้าจอ แนะนำเว็บไซต์ที่โหลดควรจะเป็นเว็บไซต์ฟรี เมื่อเข้ามาที่เว็บไซต์สำหรับแปลง YouTube เป็น MP3 แล้ว บนเว็บไซต์จะมีให้เราเลือกทั้ง MP3 และ MP4 โดยให้เราทำการเลือกแปลงเป็น MP3 แล้วทำการวาง link ที่เราได้ copy มาได้เลย หลังจากนั้นให้เราทำตามขั้นต้องของเว็บไซต์เพื่อดาวน์โหลดเพลงที่เราต้องการ

หลังจากดาวน์โหลดไฟล์เสร็จเรียบร้อยจะได้ไฟล์เพลงที่เป็น MP3 จะอยู่ในโฟล์เดอร์ดาวน์โหลดในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ให้เราทำการลากไฟล์เพลงจากโฟลเดอร์ดาวน์โหลดเข้ามายังแฟลชไดร์ฟของเราได้เลย เพียงเท่านี้ก็สามารถนำแฟลชไดร์ฟไปเสียบกับรถยนต์ของเราเพื่อฟังเพลงในการเดินทางไปทำงาน ไปเที่ยว ระหว่างไปทำงาน หรือเดินทางกลับบ้านได้แล้วนั่นเอง หากท่านใดที่กำลังอยากฟังเพลงในขณะขับรถแต่ไม่ทราบวิธีการแปลงเพลงลงบนแฟลชไดร์ฟ วันนี้เราได้นำวิธีการแปลงเพลงบนแฟลชไดร์ฟอย่างง่ายมาฝากทุกคนให้ได้ทราบกันแล้ว สามารถนำวิธีที่เราแนะนำไปใช้งานเพื่อความเพลิดเพลินตลอดการขับขี่ได้เลยและที่สำคัญในการขับขี่รถยนต์ทุกครั้งควรคาดเข็มขัดนิรภัยขับขี่อย่างมีสติ เมาไม่ขับ และขอให้ทุกท่านเดินทางปลอดภัย

5 เหตุผลทำไมยังคงใช้งานแฟลชไดร์ฟอยู่

ปัจจุบันแฟลชไดร์ฟยังจำเป็นอยู่ไหมในยุคสมัยที่ Harddisk มีความจุมากขึ้น External SSD มีราคาถูกลง แล้วแฟลชไดร์ฟได้ยังจำเป็นอยู่ไหมในยุคปัจจุบันสำหรับการพกพาหน่วยความจำไม่ว่าจะเป็น Harddisk External SSD...

ปัจจุบันแฟลชไดร์ฟยังจำเป็นอยู่ไหม

ในยุคสมัยที่ Harddisk มีความจุมากขึ้น External SSD มีราคาถูกลง แล้วแฟลชไดร์ฟได้ยังจำเป็นอยู่ไหม

ในยุคปัจจุบันสำหรับการพกพาหน่วยความจำไม่ว่าจะเป็น Harddisk External SSD รวมทั้งหน่วยความจำรูปแบบอื่น เรียกได้ว่า มีความจุที่สูงขึ้นในราคาที่ถูกลง อย่าง Harddisk External จะเหมาะกับกลุ่มคนที่ต้องการความจุสูง แต่ยังไม่มีงบประมาณไปซื้อ SSD External ในทางกลับกัน SSD External จะมีกลุ่มผู้ใช้งานต้องการความเร็วสูง แต่ไม่ได้ต้องการความจุมากก็ได้ ทั้ง 2 อย่างนี้จะมีกลุ่มผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน แต่ว่าทั้ง 2 กลุ่มเป้าหมายยังมีหน่วยความจำที่อยู๋ขั้นกลางอย่าง แฟลชไดร์ฟ

แฟลชไดรฟ์เป็นหน่วยความจำที่อยู่กับเรามาร่วม 10 ปีได้แล้ว มีตั้งแต่สมัยก่อน 128 MB, 64 MB, 32 MB ซึ่งราคาในยุคนั้นแพงมาก ๆ ราคาเฉลี่ย 1,000 กว่าบาท อาจจะได้แฟลชไดร์ฟแค่ความจุ 64 – 128 MB แต่ในปัจจุบันแฟลชไดร์ฟมีราคาที่ค่อนข้างถูกลงมาก แล้วแฟลชไดร์ฟจะเทียบชั้นกับ SSD และ Harddisk พกพาได้อย่างไร วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกัน

ข้อที่ 1 กระทัดรัด

ข้อแรกจุดเด่นของแฟลชไดร์ฟ นั่นก็คือเรื่องของขนาดที่เล็กกะทัดรักมาก ๆ มีขนาดเพียงแค่นิ้วหัวแม่มือของเราเท่านั้น ซึ่งต่างจาก Harddisk Externa ที่มีขนาดใหญ่กว่าแฟลชไดร์ฟ 2-3 เท่าเลยหรือถ้าหากเทียบแฟลชไดร์ฟกับ SSD แบบพกพาแฟลชไดร์ฟก็ยังมีขนาดที่เล็กกว่าเท่าตัวเลยทีเดียว เพื่อให้สามารถพกพาแฟลชไดร์ฟได้สะดวกจะเก้บใส่กระเป๋าหรือจะห้อยเป็นพวกกุญแจก็สามารถนำไปปรับใช้ได้ และที่สำคัญคือไม่หายง่ายอีกด้วย ขนาดจึงเป็นจุดเด่นของแฟลชไดร์ฟนั่นเอง

ข้อที่ 2 ความทนทาน

แฟลชไดร์ฟเป็นหน่วยความจำ IC ที่อยู่ภายในกรอบที่มีขนาดกะทัดรัดมาก ๆ เรียกได้ว่าทนทานมาก ๆ ไม่ว่าจะโยน ตก หรือว่ากระแทกก็ตาม หรือหากท่านใดที่ลืมหยิบออกจากกระเป๋าในขณะที่ทำการซักผ้าอยู่นั้น เพียงแค่นำแฟลชไดร์ฟออกมาตากแดดสักครู่หรือแช่ในถังข้าวสารก็สามารถนำกลับมาใช้งานได้ตามปกตินั่นเอง ส่วน Harddisk External แค่โดนกระแทกเบา ๆ ก็อาจจะทำให้ข้อมูลหายได้แล้วนั่นเอง ส่วน SSD พกพาก็มีความทนทานเช่นกันแต่ไม่เหมาะสำหรับการถูกน้ำเป็นอย่างยิ่งนั่นเองหากลงเครื่องซักผ้าคงจะไม่สามารถใช้งานต่อได้แน่ ๆ อย่างไรก็ดีแฟลชไดร์ฟนั้นมีความทนทานมากกว่านั่นเอง

ข้อที่ 3 เร็วแรงกว่า

แฟลชไดร์ฟบางรุ่นสามารถอ่านเขียนได้สูงถึง 420 MB/s เลยทีเดียว มีความเร็วระดับเดียวกับ SSD External ที่มีความสามารถในการอ่าน-เขียน 400-500 MB/s นั่นเอง อ่าน-เขียนได้เร็วมาก ๆ ไม่ว่าจะโหลดไฟล์รูป ไฟล์หนัง เพียงไม่กี่วินาทีก็เสร้จเรียบร้อย แต่ Harddisk External มีโครงสร้างแบบ Harddisk ก็ยังคงใช้เวลาอ่านเขียนนานกว่าแน่นอนอยุ่ที่ประมาณ 200 MB/s ก็ถือว่าเร็วมากแล้ว

ข้อที่ 4 ตัวเลือกเยอะกว่า

แฟลชไดร์ฟนั้นมีตัวเลือกที่หลากหลายมาก ๆ เลยทีเดียว มีความจุเริ่มต้นตั้งแต่ 1GB – 2TB เลยทีเดียว เรียกได้ว่ามีความจุให้เลือกมากมาย นอกจากนั้นยังมีความเร็วให้เลือกหลายชนิด อย่าง USB 2.0, USB 3.0, USB 3.1, USB 3.2 มีตัวเลือกมากขึ้นยิ่งวัสดุยิ่งมีให้เลือกอีกมากมาย อย่างแฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ แฟลชไดร์ฟยาง แฟลชไดร์ฟรีไซเคิล แฟลชไดร์ฟไม้

ข้อที่ 5 ราคา

ข้อสุดท้ายเป็นเรื่องของราคา แฟลชไดร์ฟ 1 ชิ้นราคาในตลาดทั่วไปล่าสุดเริ่มต้นเพียง 99 เท่านั้นเอง ความจุ 8 GB เพียง 99 บาท ก็สามารถซื้อแฟลชไดร์ฟได้แล้วนั่นเอง สามารถเก็บเอาไว้ใช้งานทั่วไป งานเอกสาร ไฟล์เพลง รูปหนัง ก็สามารถโอนถ่ายได้ อาจจะช้านิดหน่อย หรือหากมีงบประมาณเพิ่มมากขึ้นอาจจะอัพเกรดเป็น USB 3.0, USB 3.1 และที่สำคัญในเรื่องของความเร้วในการอ่าน-เขียนที่สูงมากขึ้น ราคาถูก ต่อให้ทำแฟลชไดร์ฟหายไปสัก 1 – 2 ชิ้นก็สามารถหาซื้อใหม่ได้นั่นเอง แต่ข้อมูลนั้นมีมูลค่ามากกว่าหน่วยความจำเสียอีก

หากใครที่ต้องการหน่วยความจำที่กะทัดรัด ทนทาน เร็วแรงกว่า ราคาถูก ตัวเลือกมากและมีน้ำหนักเบา ก็คงต้องเป้นแฟลชไดร์ฟอย่างแน่นอนนั่นเอง

สินค้าที่คุณอาจสนใจ

สั่งทำ สั่งผลิต USB แฟลชไดร์ฟ พร้อมสกรีนโลโก้ แบรนด์ องค์กร หรือข้อความของคุณได้ง่าย ๆ สอบถามได้เลย













วิธีแก้คอมพิวเตอร์ เสียบ USB แฟลชไดร์ฟ ฮาร์ทดิสก์ SD Card มองไม่เห็น!

ถ้าหากความรักเป็นเหมือนอากาศที่มองไม่เห็นแต่สามารถรู้สึกได้นั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าหากเสียบ Hard Disk, แฟลชไดร์ฟ, SD Card, USB แล้วมองไม่เห็นหากเป็นอย่างนี้คงไม่ดีแน่นอนมีใครเคยเป็นอาการแบบนี้บ้างหรือไม่ มี Hard Disk, แฟลชไดร์ฟ, SD Card ไม่ว่าจะเป็นแฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟโลหะ...

ถ้าหากความรักเป็นเหมือนอากาศที่มองไม่เห็นแต่สามารถรู้สึกได้นั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าหากเสียบ Hard Disk, แฟลชไดร์ฟ, SD Card, USB แล้วมองไม่เห็นหากเป็นอย่างนี้คงไม่ดีแน่นอน

มีใครเคยเป็นอาการแบบนี้บ้างหรือไม่ มี Hard Disk, แฟลชไดร์ฟ, SD Card ไม่ว่าจะเป็นแฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟรีไซเคิล แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ แฟลชไดร์ฟยาง แฟลชไดร์ฟคริสตัล แฟลชไดร์ฟปากกา แฟลชไดร์ฟหนัง จะเสียบเข้าไปในคอมพิวเตอร์เพื่อที่จะดูไฟล์งานต่าง ๆ แต่ปรากฏว่าพอเสียบ แฟลชไดร์ฟ, Hard Disk, SD Card เข้าไปแล้วยังหาไม่เจอ หรือมองไม่เห็นบ้าง วันนี้เรามี 3 วิธีมองหา Hard Disk, แฟลชไดร์ฟ และ SD Card มาฝากกัน

1.ตรวจสอบ Drive ใน Disk Management

วิธีที่ 1 เป็นวิธีเพื่อที่จะตรวจสอบว่า แฟลชไดร์ฟ, Hard Disk, SD Card ที่เราใช้เสียบกับคอมพิวเตอร์นี้แล้ว Windows มองเห็นจริงหรือเปล่า โดยคลิกขวาที่ปุ่มเริ่มหรือ start จากนั้นเลือกไปที่การจัดการฮาร์ดดิสก์หรือ Disk Management หรือจะกดปุ่มคีย์ลัด โดยทำการกดปุ่ม Windows ค้างไว้แล้วตามด้วยปุ่มตัวอักษร R แล้วพิมพ์คำว่า diskmgmt.msc ลงในช่อง แล้วทำการคลิก ตกลง หรือกด ok ได้เลย ถึงวิธีจะแตกต่างกันแต่เราก็สามารถมายังที่การจัดการ Disk หรือ Disk Management ได้เหมือนกันนั่นเอง และเมื่อมายัง Disk Management จะพบกับข้อมูลที่ปรากฏทั้งด้านบนและด้านล่างโดยด้านล่างจะแสดงข้อมูลว่า แฟลชไดร์ฟ, Hard Disk, SD Card มีพื้นที่ทั้งหมดเท่าไหร่นั่นเอง

2.ลองเสียบที่พอร์ต USB ช่องอื่น ๆ ดูก่อน

วิธีที่ 2 ถ้าคอมพิวเตอร์ของเรามีพอร์ต USB มากกว่า 1 พอร์ตให้ลองย้ายจากพอร์ตหนึ่งไปยังอีกพอร์ตหนึ่งดูก่อน แต่ถ้าลองแล้วก็ยังหาไม่เจอก็คงจะต้องตรวจสอบให้ด้วยวิธีต่อไปวิธีที่ 3

3.แก้ปัญหาด้วยการ update driver

ทำตามนี้เลย โดยกดที่ปุ่มวินโดว์ค้างไว้แล้วตามด้วยกดปุ่ม X เลือกที่ตัวจัดการอุปกรณ์หรือ Driver Manager ทีนี้ก็เลือกดูในส่วนของ Disk drive แล้วลองดูว่ามี Hard Disk, แฟลชไดร์ฟ, SD Card ของเราปรากฏอยู่ไหม ซึ่งวิธีนี้ส่วนใหญ่จะเจอแน่นอนแต่ในบางครั้งก็อาจจะโชว์ขึ้นมาในชื่ออื่นพร้อมกับเครื่องหมายอัศเจรีย์หรือเครื่องหมายตกใจนั่นเอง แต่ถ้าเจอสัญลักษณ์ตกใจก็แสดงว่ามีปัญหาอื่น อันเนื่องมาจากตัวเครื่อง ไม่รู้จักอุปกรณ์ใหม่ ฉะนั้นที่เราทำการคลิกขวาแล้วเลือก update driver ได้เลย

แต่ถ้าอัพเดทไดร์ฟเวอร์ไปแล้วยังมีอาการเหมือนเดิมอีกล่ะ ให้ทุกท่านลองใช้วิธีนี้ดู โดยทำการคลิกขวาที่ชื่ออุปกรณ์นั้นอีกครั้งแล้วเลือกที่ Uninstall Device เพื่อให้เครื่องลืมอุปกรณ์นี้จนกว่าจะเสียบอุปกรณ์เข้ากับคอมใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็ถอด แฟลชไดร์ฟ, Hard Disk, SD Card ของเราออกจากคอมพิวเตอร์แล้วก็เสียบใหม่อีกครั้งหนึ่งดู

ถ้าเราลองใช้ 3 วิธีที่ว่าไปนี้แล้วก็ยังหา แฟลชไดร์ฟ, Hard Disk, SD Card ไม่เจอหรือเสียบไม่ติดอีกก็คงจะต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญกันแล้วล่ะ

แต่หากเราได้ทำการปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเรื่องปัญหา แฟลชไดร์ฟ, Hard Disk, SD Card เสียบไม่ติด หรือหาไม่เจอ แฟลชไดร์ฟไม่ขึ้นแล้ว เราขอแนะนำให้หาท่านทำการเปลี่ยน แฟลชไดร์ฟ, Hard Disk, SD Card ชิ้นใหม่ ที่น่าจะเป็นหนทางสุดท้ายที่สามารถช่วยให้เรามีอุปกรณ์เก็บสำรองข้อมูลเพื่อเอาไว้ใช้งานในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องนั่นเอง

และทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีการแก้ปัญหาเสียบ Hard Disk, แฟลชไดร์ฟ, SD Card, USB แล้วมองไม่เห็นที่ทุกท่านสามารถนำไปแก้ไขด้วยตนเองได้ และหากท่านใดมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแฟลชไดร์ฟ หรือ สนใจอย่างสั่งซื้อแฟลชไดร์ฟเพื่อติดตัวเอาไว้ใช้งานก็สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ usb-perfect ได้เลย

สินค้าที่คุณอาจสนใจ

สั่งทำ สั่งผลิต USB แฟลชไดร์ฟ พร้อมสกรีนโลโก้ แบรนด์ องค์กร หรือข้อความของคุณได้ง่าย ๆ สอบถามได้เลย













แฟลชไดร์ฟราคาหลักร้อยกับหลักพันนั้นต่างกันตรงไหน

เคยสงสัยไม่ว่า แฟลชไดร์ฟ ราคาหลักร้อยกับหลักพันนั้นต่างกันตรงไหนแฟลชไดร์ฟนั้นมีหลากหลายรูปแบบมากในปัจจุบัน ทั้งแฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟยาง แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ แฟลชไดร์ฟรีไซเคิล แฟลชไดร์ฟคริสตัล...

เคยสงสัยไม่ว่า แฟลชไดร์ฟ ราคาหลักร้อยกับหลักพันนั้นต่างกันตรงไหน

แฟลชไดร์ฟนั้นมีหลากหลายรูปแบบมากในปัจจุบัน ทั้งแฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟยาง แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ แฟลชไดร์ฟรีไซเคิล แฟลชไดร์ฟคริสตัล แฟลชไดร์ฟปากกา แฟลชไดร์ฟคลาสสิค วันนี้มีเรามีคำตอบมาฝากกัน ไขข้อสงสัยเรื่องของ แฟลชไดร์ฟ กันว่าทำไมแฟลชไดร์ฟถึงมีหลายช่วงราคากัน มีตั้งแต่ราคาไม่กี่ร้อยไปจนถึงราคาพันกว่าบาทหรือหลายพันบาทก็มี วันนี้เราลองนำแฟลชไดร์ฟ ทั้งหมด 4 รุ่น 4 ช่วงราคาด้วยกันตั้งแต่ไม่กี่ร้อย และหลักพันบาทอยู่ 2 ตัว มาเปรียบเทียบกันว่าจะแตกต่างกันแค่ไหน

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับคำว่า USB กันก่อน โดย USB ย่อมาจากคำว่า Universal Serial bus ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกให้การยอมรับเรื่องการเชื่อมต่อของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์นั่นเอง โดยเทคโนโลยี USB นี้ ถูกคิดค้นในปี 1994 โดยมีนาย Ajay Bhatt ร่วมมือกับองค์กรทั้ง 5 องค์กรด้วยกันทั้ง Intel Apple Microsoft Compac แล้วก็ HP นั่นเอง โดยความเร็วเริ่มต้น ที่มี USB มาเนี่ยความเร็วอยู่ที่ 1.5 MB/s ถือว่าค่อนข้างช้าเลยล่ะ แล้วก็มีการพัฒนามาเรื่อย ๆ จนเป็น USB 2.0 และ 3.0 ในปัจจุบันนี้นั่นเอง ซึ่งล่าสุดก็มีเป็นแบบ USB 3.2 Gen 2 เลยทีเดียว โดยปัจจุบันนี้ จะมี USB ที่ใช้กันอยู่สองมาตรฐานในด้วยกันคือ USB 2.0 กับ USB 3.0 ซึ่งมันแตกต่างกันง่าย ๆ หลัก ๆ แล้วคือแตกต่างกันเรื่องของความเร็วนั่น โดย USB 2.0 จะมีความเร็วอยู่ที่ 480 MB/s หรือราว 60 MB/s ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2000 จนถึงทุกวันนี้ ส่วน USB 3.0 นั้นจะมีเร็วกว่า USB 2.0 ถึง 10 เท่าเลยทีเดียว ซึ่ง USB 3.0 จะมีความเร็วสูงสุดราว ๆ 5 GB/s หรือราว ๆ 620 MB/s นั่นเอง ลองเอามาหาร 8 นะ

ด้วยความแตกต่างระหว่าง ระหว่าง USB 2.0 กับ USB 3.0 ที่ดูได้จากภายนอกก็คือหัวเชื่อมต่อของมันเองนะ โดยหัวของ USB 2.0 นั้นจะเป็นสีดำแถมด้านล่างเป็นสีดำส่วน USB 3.0  หัวของมันเนี่ยจะเป็นสีฟ้าเป็นมาตรฐานสากลที่เขาใช้กัน แต่อาจจะมีบางแบรนด์ที่อาจจะไม่ได้ยึดสีตามนี้ ส่วนพอร์ต USB 3.0 ที่อยู่บนตัว Notebook หรือ PC  ความแตกต่างกันก็คือถ้าเป็น USB 3.0 จะมีสัญลักษณ์ SS คือซุปเปอร์สปีดบอกมาแต่ถ้าเป็น USB 2.0 จะเป็นสัญลักษณ์ USB  ปกตินั่นเอง

ต่อมาภายในปี 2013 ก็เกิด USB 3.1 ขึ้นมา โดยจะแบ่งเป็น 3.1 Gen 1 และ 3.1 Gen 2 นั่นเอง

USB 3.1 Gen 1 ก็คือจะเหมือนกับ 3.0 ทุกอย่างเลยแค่เปลี่ยนชื่อเท่านั้น ความเร็วสูงสุดเนี่ยก็ยังคงเดิมอยู่ที่ 5 GB/s แต่ถ้าเป็น USB 3.1 Gen 2 เนี่ยความเร็วจะสูงถึง 10 GB/s ด้วยกัน โดยพอร์ตเชื่อมต่อนั้นจะมี SS แล้วก็เลข 10 ห้อยมาด้วย

มาถึงตรงนี้แล้วหลายท่านอาจจะงงกันว่าทำไมถึงต้องตั้งชื่อให้ยุ่งยากด้วย แต่พอมาในปี 2017 นี้บอกว่าเริ่มสับสนเข้าไปอีก เพราะว่าจะมีมาตรฐาน USB 3.2 เข้ามาด้วย แบ่งออกเป็น 3 มาตรฐานด้วยกันก็คือ USB 3.2 Gen 1 แล้วก็มี USB 3.2 Gen 2 แล้วก็สุดท้ายเป็น USB 3.2 Gen 2 x 2

ซึ่ง USB 3.2 Gen 1 ความเร็วมันก็เท่ากับ USB 3.0 และ USB 3.1 Gen 1 สูงสุดที่ 5 GB/s ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเปลี่ยนชื่อทำไม ส่วน USB 3.2 Gen 2 อันนี้ก็มีความเร็วเท่ากับ USB 3.1 Gen 2 ก็คือสูงสุดที่ 10 GB/s ก็คือเปลี่ยนชื่อเหมือนเดิม แล้วสุดท้าย USB 3.2 Gen 2 x2 ตัวนี้เร็วขึ้นมาจริง ๆ จะมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 20 GB/s หรือมีความเร็วประมาณ 2,500 MB/s ด้วยกันบอกเลยว่าเร็วมากจริง ๆ และนี่ก็เป็นประวัติคคร่าว ๆ ของ USB นั่นเอง

แฟลชไดร์ฟที่ได้มาทดสอบความเร็วสูงสุดจะอยู่ในมาตรฐาน USB 3.1 ที่เพิ่งจะมีขายในบ้านเราทั่วไปนะแฟลชไดร์ฟ ตัวนี้มันต่างจากรุ่นอื่นยังไงบ้างไปดูกัน

โดยอุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบจะเป็นตัวโน้ตบุ๊ครุ่น ASUS Rog Zephyrus G14 เครื่องนี้ ด้วยพอร์ต USB Type A ของเขาจะเป็นแบบ USB 3.2 Gen 1

สำหรับการทดสอบ แฟลชไดร์ฟครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 3 ทางด้วยกันก็คือ 1 ทดสอบด้วยโปรแกรม Crystal Disk Mark คือเป็นการทดสอบแฟลชไดร์ฟตามปกติ 2 ทดสอบร่างไฟล์วิดีโอ 1 ไฟล์ ขนาด 4 GB

แล้วก็ 3 ทดสอบไฟล์ 4K ไม่ใช่วีดีโอนะแต่เป็นการลากไฟล์จำนวนเยอะ ๆ เป็นหมื่นเป็นแสนไฟล์มันจะต่างกันแค่ไหนใน

โดยแฟลชไดร์ฟที่นำมาทดสอบจะมี 4 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ Sandisk Cruzer Dial ขนาด 16 GB ตัวนี้ราคาประมาณร้อยต้น ๆ

ตัวที่ 2 Sandisk Ultra dual  ตัวนี้จะเป็น USB 3.0 แล้ว ขนาด 32 GB ด้วยกันราคาอยู่ที่ 200 ต้น ๆ เหมือนกัน แล้วก็ตัวที่ 3 จะเป็นตัว Sandisk Extreme Go ขนาด 128 GB ตัวนี้ราคา 990 บาท แล้วก็ตัวสุดท้าย เป็น sandisk Extreme Pro 128 GB ด้วยกันตัวนี้จะแพงที่สุดเลยราคาอยู่ที่ 1,450 บาท

มาดูกันว่าแฟลชไดร์ฟ 4 รุ่นนี้นั้นจะต่างกันแค่ไหนไปดูกัน

มาดูผลทดสอบเจ้าตัว Crystal Disk Mark ของ sandisk cruzer กันก่อน ซึ่งเป็นมาตรฐาน USB 2.0 มีค่าการอ่านอยู่ที่ 39 MB/s มีค่าการเขียนอยู่ที่ 11 MB/s ด้วยกัน ก็ถือว่าค่อนข้างน้อยเลยทีเดียว ส่วนค่า Random 4k จะมีค่าการอ่านอยู่ที่ราว 5 MB/s ค่าการเขียนอยู่ที่ 1 MB/s ด้วยกัน

ต่อมาเป็นตัว Sandisk Ultra Dual ขนาด 32 GB ตัวนี้จะเป็นมาตรฐาน USB 3.0 ดูแล้ว โดยมีค่าการอ่านอยู่ที่ 139 MB/s มีค่าการเขียนอยู่ที่ 22 MB/s ด้วยกัน แล้วก็ค่า Random 4k จะมีค่าการอ่านอยู่ที่ 6 MB /s แล้วก็ค่าการเขียนอยู่ที่ 2 MB/s มีค่าการอ่านเร็วขึ้นกว่าเดิม 4 เท่าแล้วก็ค่าการเขียนเร็วขึ้นกว่าเดิม 2 เท่าด้วยกัน

ถัดมา ตัวที่ 3 มาดู Sandisk Extreme Glow  ขนาด 128 GB ตัวนี้ก็จะมีค่าการอ่านที่ 202 MB/s ค่าการเขียนอยู่ที่ 155 MB/s ด้วยกันส่วนค่า Random 4k จะมีค่าการอ่านอยู่ที่ 7 MB/s แล้วก็ค่าการเขียนอยู่ที่ราวๆ 1 MB/s จะสูงขึ้นกว่าตัว Ultra dual ขึ้นมาอีกหลายเท่าเลยทีเดียว แต่มีข้อสังเกตก็คือ ค่า Random 4k จะต่ำกว่า USB 2.0 เสียอีก

และสุดท้าย ตัวที่แพงที่สุดก็คือ Sandisk Extreme Pro ขนาด 128 GB จะมีค่าการอ่านอยู่ที่ 404 MB/s แล้วก็ค่าการเขียนอยู่ที่ 347 MB/s ด้วยกัน ส่วนค่า Random 4k จะมีค่าการอ่านอยู่ที่ 13 MB/s แล้วก็ค่าการเขียนอยู่ที่ 9 MB/s ด้วยกัน

เราจะมาดูผลทดสอบการลากไฟล์โอนไฟล์กันบ้าง ซึ่งเป็นเจ้าตัวไฟล์วีดีโอขนาด 4 GB

เริ่มต้นด้วยตัว Sandisk Cruzer Dial ที่เป็น USB 2.0 16 GB ตัวนี้จะใช้เวลาในการลากไฟล์จากคอมไปยัง USB อยู่ที่ 15 นาทีกับอีก 27 วินาทีด้วยกัน ส่วนล่างไฟล์จาก USB ลงคอม ใช้เวลาทั้งสิ้น 1 นาที 58 วินาที

ต่อไปจะเป็น Sandisk Ultra Dual ที่เป็น 3.0 ขนาด 32 GB  จะใช้เวลาในการลากไฟล์จากคอมไปแฟลชไดร์ฟ อยู่ที่ 3 นาที 21 วินาที ลากไฟล์จาก แฟลชไดร์ฟ ลงมาเครื่อง จะใช้เวลาเพียง 33 วินาทีเท่านั้น จะเห็นได้ว่า USB 2.0 กับ 3.0 นั้นต่างกันมากเลยทีเดียว

ทีนี้มาดู Sandisk Extreme Glow กันบ้าง จะใช้เวลาลากไฟล์จากคอมไปแฟลชไดร์ฟ อยู่ที่ 30 วินาทีด้วยกัน แล้วก็ลากไฟล์จาก แฟลชไดร์ฟ ลงมาสู่คอมใช้เวลา 22 วินาที ตัวนี้ก็เร็วขึ้นมาก ๆ เลย แต่จะเร็วกว่าในส่วนของการลากไฟล์ไปยังแฟลชไดร์ฟ หรือค่าการอ่านนั่นเอง

และสุดท้าย ตัว Extreme Pro  อันนี้เร็วที่สุดเลย ใช้เวลาลากไฟล์วีดีโอ 4G ไปยังแฟลชไดร์ฟ  เพียงแค่ 17 วินาทีเท่านั้น แล้วการลากไฟล์จาก แฟลชไดร์ฟ ลงเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นใช้เวลา 11 วินาทีเท่านั้นบอกเลยว่ารวดเร็วมาก ๆ

มาดูผลสอบ Random 4K กันบ้างครับหรือว่าทดสอบโอนไฟล์ลากไฟล์เยอะ ๆ กันบ้าง เป็นแสน ๆ ไฟล์ “โดยไฟลที่จะมาทดสอบมีทั้งหมด 144,000 กว่าไฟล์ ขนาด 1.98 GB โดยเจ้าตัว Sandisk Cruzer Dial ขนาด 16 GB เนี่ยจะใช้เวลาในการลากจากคอมไปยัง USB อยู่ที่ 42 นาที 58 วินาที ส่วนลากจาก แฟลชไดร์ฟ ลงมายังคอมพิวเตอร์นั้นจะใช้เวลาอยู่ที่ 10 นาทีกับอีก 9 วินาที เรียกได้ว่าช้ากว่าลากไฟล์วิดีโอ 4 GB ที่มีขนาดใหญ่กว่า เยอะเลย ถัดมามาดูตัว Sandisk Ultra Dua ใช้เวลาทั้งสิ้น 44 นาทีกับอีก 32 วินาทีด้วยกัน ลากไฟล์จากแฟลชไดร์ฟลงคอมพิวเตอร์ใช้เวลาทั้งสิ้น 14 นาทีกับอีก 48 วินาที อแอบช้ากว่า แฟลชไดร์ฟ 2.0

ต้อมาเป็นตัว Sandisk Extreme Glow ลองลากไฟล์จากคอมพิวเตอร์เข้าสู่ แฟลชไดร์ฟ ใช้เวลามากกว่าตัวอื่นเลย ใช้เวลาทั้งสิ้น 58 นาทีกับอีก 39 วินาที แล้วก็ลากไฟล์จาก แฟลชไดร์ฟ เข้าสู่คอมพิวเตอร์ ใช้เวลาอยู่ที่ 27 นาทีกับอีก 6 วินาที ตัวนี้เยอะกว่า 2 ตัวแรกที่เป็นมาตรฐาน USB 3.1

แล้วก็สุดท้าย ตัว Extreme Pro เนี่ยวันนี้ประทับใจมากลากไฟล์จากคอมพิวเตอร์ไปยัง แฟลชไดร์ฟ  จะใช้เวลาทั้งสิ้น 16 นาทีกับอีก 46 วินาทีด้วยกัน แล้วก็ลากไฟล์จาก แฟลชไดร์ฟ เข้าสู่คอมพิวเตอร์ใช้เวลาอยู่ที่ 9 นาทีกับอีก 20 วินาที เร็วที่สุดเลยถือว่าเร็วกว่าตัวอื่นเป็นหลายเท่าตัวเลย

จากการทดลองจะเห็นได้ว่า แฟลชไดร์ฟ ยิ่งราคาสูงประสิทธิภาพก็ยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย และทั้งหมดนี้ก็เป็นการทดลองแฟลชไดร์ฟที่ว่าแฟลชไดร์ฟราคาหลักร้อยกับหลักพันนั้นต่างกันตรงไหน

สินค้าที่คุณอาจสนใจ













แฟลชไดร์ฟเพิ่มความจำสำหรับไอโฟน

โดยทั่วไปแล้วแฟลชไดร์ฟนั้นมีขายตามท้องตลาดทั่วไปอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ไม้ แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟยาง แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ แฟลชไดร์ฟหนัง แฟลชไดร์ฟคริสตัล แต่แฟลชไดร์ฟชนิดหนึ่งที่ถูกผลิตออกมาโดยเฉพาะสำหรับสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ iOS นั่นคือ แฟลชไดร์ฟไอโฟน...

โดยทั่วไปแล้วแฟลชไดร์ฟนั้นมีขายตามท้องตลาดทั่วไปอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ไม้ แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟยาง แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ แฟลชไดร์ฟหนัง แฟลชไดร์ฟคริสตัล แต่แฟลชไดร์ฟชนิดหนึ่งที่ถูกผลิตออกมาโดยเฉพาะสำหรับสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ iOS นั่นคือ แฟลชไดร์ฟไอโฟน นั่นเอง

ตัวช่วยสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มความจำบนสมาร์ทโฟนยอดนิยมอย่างไอโฟน ด้วยแฟลชไดร์ฟไอโฟน

สำหรับคนที่มีปัญหา iPhone, iPad พื้นที่จัดเก็บไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ไม่มีคอมพิวเตอร์ ปัญหาอินเทอร์เน็ตไม่แรง ไม่สามารถอัพเดทข้อมูลลงบน iCloud ได้ทันเวลา ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป สบายใจได้เลยเมื่อมีแฟลชไดร์ฟไอโฟน ไม่ว่าจะเป็น iPhone iPad และยังสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของเราได้อีกด้วย โดยแฟลชไดร์ฟไอโฟนมีความจุให้เลือกมากมาย ทั้ง 16 GB 32 GB 64 GB และยังสามารถพกพาแฟลชไดร์ฟไอโฟนไปไหนมาไหนได้อีกด้วย บางรุ่นสามารถเสียบใช้งานกับคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนในระบบปฏิบัติการandroid อีกด้วย

ขั้นตอนการใช้งานก็ง่ายแสนง่าย

ในเวลาที่ทำการเชื่อมต่อแฟลชไดร์ฟกับไอโฟน ระบบจะมีหน้าต่างแสดงขึ้นมาเพื่อให้เราทำการอนุญาตการใช้งานเชื่อมต่อระหว่างสมาร์ทโฟนและแฟลชไดร์ฟ และทำการติดตั้ง application ในการใช้งานอุปกรณ์ตัวนี้

แฟลชไดร์ฟไอโฟนนั้นสามารถใช้งานได้ง่าย สะดวกสบายเป็นอย่างมากสำหรับคนที่อยู่ในช่วงวัยทำงาน ใครที่ทำงานถ่ายภาพจำนวนมากแต่กลัวว่าพื้นที่ในการจัดเก็บจะไม่เพียงพอ ก็สามารถถ่ายภาพและเซฟลงบนแฟลชไดร์ฟไอโฟนได้เลย ไม่ว่าจะถ่ายภาพ ถ่ายVlog ถ่ายวีดีโอ ต่าง ๆ

ในสมัยก่อนที่ยังไม่มีอุปกรณ์อย่างแฟลชไดร์ฟไอโฟน การถ่ายภาพ การถ่ายวีดีโอ ไฟล์จะถูกจัดเก็บลงในความจำของเครื่องที่มีพื้นที่อย่างจำกัด บางครั้งต้องการใช้งานไอโฟนแต่มีงบประมาณที่จำกัด ถ้าหากต้องการใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ที่สามารถใส่ไฟล์ปริมาณมาก ก็จำเป็นจะต้องซื้อไอโฟนที่มีความจุสูงขึ้น ซึ่งหากไอโฟนที่มีความจุสูงขึ้นจะมีราคาสูงขึ้นเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เราจึงจำเป็นต้องหาซื้ออุปกรณ์เสริมที่ช่วยประหยัดงบในกระเป๋าและยังสามารถเพิ่มปริมาณความจุให้ไอโฟนของเราได้เป็นอย่างดี

ปัญหาที่หลายคนเจอคือการจะแชร์ไฟล์รูป ไฟล์เพลง ไฟล์วีดีโอ เข้า-ออก เครื่องมือถือไอโฟนนั้นแสนจะยุ่งยากเสียเหลือเกิน ไม่ใช่เพียงแค่ไอโฟนอย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ iOS แฟลชไดร์ฟไอโฟนสามารถใช้งานส่งไฟล์ รูปภาพ เพลง วิดีโอ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องไหน ๆ ก็สามารถแชร์ข้อมูลได้โดยไม่ต้องใช้สายเสียบให้ยุ่งยากอีกต่อไปแล้ว เพราะสมัยก่อนในตอนที่จะทำการลงข้อมูลจากเครื่องไปยังคอมพิวเตอร์ ต้องทำงานหลายขั้นตอน กว่าจะหารูปภาพ หาไฟล์ หาโฟลเดอร์ ทำให้ยุ่งยากไปเสียหมด หรือบางครั้งที่เราถ่ายรูปเอาไว้จำนวนมากและต้องการจะแชร์ภาพนั้นให้เพื่อน ๆ ทันทีในเวลาที่เราอยู่นอกบ้าน การจะส่งรูปผ่านไลน์ ทำให้คุณภาพของภาพลดลงอีกด้วย แถมยังเปลืองอินเตอร์เน็ตอีก เพียงแค่แฟลชไดร์ฟไอโฟนตัวเดียว เสียบเข้าไปที่มือถือไอโฟนของเราหรือของเพื่อน เราก็สามารถทำการ copy รูปภาพ จากเครื่องมือถือของเราและถอดเพื่อเสียบกับมือถือของเพื่อนพร้อมทั้งแชร์ไฟล์ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วและก็สะดวกมากเลยทีเดียว

ไม่ใช่เพียงแค่ไฟล์รูปภาพเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นไฟล์เพลง ไฟล์วิดีโอ ก็สามารถใช้งานได้เช่นเดียวกัน

และหากจะไม่พูดถึงดีไซน์ของแฟลชไดร์ฟไอโฟนคงเป็นไปไม่ได้ เพราะแฟลชไดร์ฟไอโฟนนั้นถูกผลิตออกให้มีรูปลักษณ์ที่สวยงามเป็นอย่างมากเลยทีเดียว มีความแตกต่างจากแฟลชไดร์ฟชนิดอื่น ๆ อย่าง แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟ โลหะ แฟลชไดร์ฟยาง แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ แฟลชไดร์ฟหนัง แฟลชไดร์ฟคริสตัล เรียกได้ว่า เพียงแค่เห็นผ่าน ๆ ก็สามารถรู้ได้เลยว่าแฟลชไดร์ฟชนิดนี้ คือ แฟลชไดร์ฟไอโฟน นั่นเอง

9 รุ่นแฟลชไดร์ฟที่ดีที่สุดในประเทศไทย

แฟลชไดร์ฟแต่รุ่นก็มีคุณสมบัติและความพิเศษที่แตกต่างไม่ซ้ำกัน บางรุ่นมีปริมาณความจุขนาดใหญ่ บางรุ่นมีปริมาณความจุขนาดเล็ก บางรุ่นมีระบบพอร์ต USB แบบ 2.0 และบางรุ่นมีระบบพอร์ต USB 3.0 ในวันนี้เราจึงได้รวบรวม...

แฟลชไดร์ฟแต่รุ่นก็มีคุณสมบัติและความพิเศษที่แตกต่างไม่ซ้ำกัน บางรุ่นมีปริมาณความจุขนาดใหญ่ บางรุ่นมีปริมาณความจุขนาดเล็ก บางรุ่นมีระบบพอร์ต USB แบบ 2.0 และบางรุ่นมีระบบพอร์ต USB 3.0 ในวันนี้เราจึงได้รวบรวม 9 รุ่นแฟลชไดร์ฟสุดฮิตที่ดีที่สุดในประเทศไทยมาให้ทุกท่านได้รู้จักกัน จะมีรุ่นไหนบ้างไปดูกัน

1.SanDisk Ultra USB 3.0 Flash Drive CZ48 100 MB/s – 16 GB (SDCZ48-016G-U46)

แฟลชไดร์ฟรุ่นนี้มีความจุของหน่วยความจำที่ 16 GB เป็นแฟลชไดร์ฟแบรนด์ SanDisk มาพร้อมกับพอร์ต USB แบบ 3.0 ซึ่งมีความรวดเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลแบบ Speed ด้วยความเร็ว 100 MB/s เลยทีเดียวแถมยังสามารถใช้งานได้ง่าย รูปทรงทันสมัย ราคาถูก และมีความแข็งแรงอีกด้วย

2.Kingston Portable Metal DT101 G2 128GB USB Flash Drive (WHITE)

แฟลชไดร์ฟ Kingston รุ่นนี้มาพร้อมความจุของหน่วยความจำขนาดใหญ่ถึง 128 GB เลยทีเดียว ตัวบอดี้ของแฟลชไดร์ฟรุ่นนี้เป็นสีขาว มีระบบพอร์ต USB แบบ  2.0 จุดเด่นของแฟลชไดร์ฟรุ่นนี้นอกจะมีความจุจำนวนมากแล้ว ตัวแฟลชไดร์ฟยังมีขนาดเล็ก สวยงาม สามารถพกกาได้อย่างสะดวก พร้อมการรับประกันจากผู้ขาย 1 ปี

3.USB FLASH DRIVE HP V250W 2TB

แฟลชไดร์ฟรุ่นนี้มีความจุขนาดพิเศษสูงถึง 2 TB เรียกได้ว่าความจะสูงมาก สามารถจุไฟขนาดใหญ่ได้เป้นจำนวนมากเลยทีเดียว มาพร้อมราคาที่คุ้มค่า และสามารถจัดเก็บไฟล์ขนาดใหญ่ได้ เป็นหนึ่งในแฟลชไดร์ฟที่น่าลองซื้อมาใช้งานเสียจริง ๆ

4.APACER FLASH DRIVE 8 GB  AH223 (WHITE)

แฟลชไดร์ฟรุ่นนี้มีราคาอยู่ที่หลักร้อยต้น ๆ เท่านั้น กับคุณภาพที่มาคุ้มเกินราคา พร้อมการรรับประกันตลอดอายุการใช้งาน พร้อมกับความจุ 8 GB มีความเร็วในการอ่านไฟล์ 10 MB/s และความเร็วในการบันทึกไฟล์ 3 MB/s เลยทีเดียว

5.OMG Flash Drive 64Gb USB 2.0 พวงกุญแจ High Speed Full Color

แฟลชไดร์ฟรุ่นนี้ มีพวกกุญแจติดมาด้วย สามารถห้อยเพื่อป้องกันการสูญหายได้เป็นอย่างดี หมดปัญหาหล่นหายอย่างแน่นอน แฟลชไดร์ฟรุ่นนี้มาพร้อมความจุ 64 GB มีความเร็วในการอ่านไฟล์ 5-15 MB/s และความเร็วในการบันทึกไฟล์ 1-4 MB/s

6.Swivel 32 GB 32 กรัม USB 2.0 แฟลชไดร์ฟหน่วยความจำ U Disk สำหรับ OTG

แฟลชไดร์ฟรุ่นนี้มีความจุ 32 GB ราคาเพียงหลักร้อยต้น ๆ เท่านั้น ความเร็วในการบันทึกไฟล์ 5-9 MB/s และความเร็วในการอ่านไฟล์ 15-20 MB/s ตัวบอดี้พิเศษผลิตจากซิลิโคนคุณภาพดี แข็งแรง และมีความยืดหยุ่น ไม่เปราะหักง่ายนั่นเอง

7.Toshiba 32 GB Hayabusa USB 3.0 Flash Drive

แฟลชไดร์ฟคุณภาพดีจาก Toshiba ที่มาพร้อมกับพอร์ต USB 3.0 พร้อมการรรับประกันคุณภาพจากผู้ขาย 5 ปี รูปทรงทันสมัย สวยงาม และมีขนาดเล็กอีกด้วย

8.USB Key 1TB / 2TB Shockproof – 100% – 2000 GB USB 3.0 High Speed Storage Drive Flash SSD

แฟลชไดร์ฟ 1 TB ในราคาหลักพันที่สามารถจุไฟลได้เป้นจำนวนมาก และดีไซน์สวยงาม พกพาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย

9.Kingston USB Flash drive 256 GB รุ่น DT101

แฟลชไดร์ฟรุ่นนี้ มีราคาถูกที่สุดในบรรดาแฟลชไดร์ฟทั้งหมดที่เรากล่าวมาข้างต้นในราคาเพียงไม่ถึงร้อยแต่ความจุนั้นกลับให้มาเกิน 100 เพราะแฟลชไดร์ฟรุ่นนี้มีความจุสูงถึง 256 GB เลยทีเดียว แถมยังผลิตจากวัสดุคุณภาพดีอีกด้วย คุ้มค่าเกินราคาจริง ๆ

และทั้งหมดนี้ก็เป็นตัวอย่างของแฟลชไดร์ฟรุ่นฮิตในปี 2021

หากสนใจแฟลชไดร์ฟคุณภาพ ราคาถูก คุ้มค่า สามารถติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์ 02-408-1377

โรงงานผลิตแฟลชไดร์ฟ แฟลชไดร์ฟพรีเมี่ยม ทั้ง แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟคลาสสิค แฟลชไดร์ฟรีไซเคิล แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ แฟลชไดร์ฟยาง แฟลชไดร์ฟหนัง แฟลชไดร์ฟคริสตัล แฟลชไดร์ฟปากกา และแฟลชไดร์ฟรูปแบบอื่น ๆ อีกมากมาย

 

สินค้าที่คุณอาจสนใจ

สั่งทำ สั่งผลิต USB แฟลชไดร์ฟ พร้อมสกรีนโลโก้ แบรนด์ องค์กร หรือข้อความของคุณได้ง่าย ๆ สอบถามได้เลย













USB 3.0 คืออะไร ?

หลายคนอาจจะเคยสงสัยว่าแฟลชไดร์ฟ USB 3.0 คืออะไรทำไมต้องเป็น USB 3.0 ล่ะ แล้วแฟลชไดร์ฟที่ใช้งานอยู่ทุกวันนี้นั้นเป็น USB ประเภทไหน ใช่ USB 3.0 หรือไม่ ?วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยระหว่างพอร์ต USB 3.0 และพอร์ต USB 2.0 กันว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรแล้วแฟลชไดร์ฟที่ใช้งานอยู่ทุกวันนี้นั้น เป็นพอร์ต USB 3.0 หรือพอร์ต...

หลายคนอาจจะเคยสงสัยว่าแฟลชไดร์ฟ USB 3.0 คืออะไร

ทำไมต้องเป็น USB 3.0 ล่ะ แล้วแฟลชไดร์ฟที่ใช้งานอยู่ทุกวันนี้นั้นเป็น USB ประเภทไหน ใช่ USB 3.0 หรือไม่ ?

วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยระหว่างพอร์ต USB 3.0 และพอร์ต USB 2.0 กันว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร

แล้วแฟลชไดร์ฟที่ใช้งานอยู่ทุกวันนี้นั้น เป็นพอร์ต USB 3.0 หรือพอร์ต USB 2.0 กันล่ะ

มีบางท่านยังคงสงสัยว่า USB 3.0 กับ USB 2.0 แตกต่างกันอย่างไร ถ้านำมาใช้งานกับคอมพิวเตอร์ของเราจะสามารถใช้งานได้หรือไม่ ความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลจะเปลี่ยนไปหรือไม่

พอร์ต USB 3.0 คือมาตรฐานการรับ-ส่งข้อมูล ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจากเดิม แต่ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติเหมือน แฟลชไดร์ฟที่มีพอร์ต USB 2.0 เหมือนเดิม แต่จุดสังเกตที่เปลี่ยนไปของ USB 3.0 นั้น ที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยนั่นก็คือ พอร์ตหรือหัวเสียบจะมีสีฟ้า และหัวต่อจะมีสัญลักษณ์ SS เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจและแยกออกว่า แฟลชไดร์ฟที่ใช้งานอยู่นั้นเป็นพอร์ต USB 3.0 หรือพอร์ต USB 2.0 นั่นเอง

การปรับปรุงความเร็วในทางทฤษฎี

แฟลชไดร์ฟที่ใช้พอร์ต USB 3.0 นั้นมีประสิทธิภาพในการใช้งานที่มากกว่า แฟลชไดร์ฟที่ใช้พอร์ต USB 2.0

พอร์ต USB 3.0 มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลสูงถึง 5 Gbp/วินาที ซึ่งพอร์ต USB 2.0 มีความเร็วในการรับ-ส่งเพียงแค่ 480 Mbp/วินาที เท่านั้น ซึ่งมีความเร็วมากกว่าถึง 10 เท่าเลยทีเดียว

หากเป็นอย่างนี้แล้วพอร์ต USB 3.0 จะสามารถใช้งานร่วมกับพอร์ต USB 2.0 ได้ไหม หลายคนอาจะมีข้อสงสัยเพราะทุกวันนี้ยังมีการใช้งานแฟลชไดร์ฟพอร์ต USB 2.0 กันอยู่ หรืออาจะซื้อแฟลชไดร์ฟติดตัวไว้ใช้งานตั้งแต่ยุคที่ยังไม่มีการพัฒนาพอร์ต USB 3.0 ขึ้นมาใช้งานเลยด้วยซ้ำ

 

คำตอบคือ พอร์ต USB 3.0 สามารถใช้งานร่วมกับพอร์ต USB 2.0 ได้ตามปกติ

แต่ถ้าหากเรานำแฟลชไดร์ฟที่มีพอร์ต USB 2.0 มาเสียบกับพอร์ต USB 3.0 ความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลจะถูกปรับให้อยู่ในรูปแบบของ USB 2.0 โดยอัตโนมัติ และหากนำแฟลชไดร์ฟที่มีพอร์ต USB 3.0 ไปเสียบกับ พอร์ต USB 2.0 บนคอมพิวเตอร์ ความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลก็จะปรับให้อยู่ในรูปแบบของ USB 2.0 ด้วยเช่นกัน

ในการใช้งานแฟลชไดร์ฟที่มีพอร์ต USB 3.0 อย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุดนั้น จำเป็นจะต้องเสียบใช้งานกับพอร์ต USB 3.0 เช่นเดียวกันถึงจะได้ประสิทธิภาพ USB 3.0 สูงสุด

และในปัจจุบันเรามักจะเริ่มเห็นอุปกรณ์ต่าง ๆ เริ่มเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB 3.0 กันแล้ว เพราะทุกวันนี้การรับส่งข้อมูลนั้นมีขนาดใหญ่มากขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องใช้รูปแบบการรับส่งข้อมูลที่รวดเร็ว ว่องไวมากขึ้น หากยังคงใช้รูปแบบการรับ-ส่งแบบเดิมอาจจะไม่ทันเวลาก็เป็นได้ แต่พอร์ต USB 2.0 ในปัจจุบันยังคงมีการใช้งานอยู่อย่างต่อเนื่อง โลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงในทุก ๆ วัน เทคโนลียีมีการพัฒนาอย่างก้าวไกล การจะใช้พอร์ต USB 3.0 นั้น ช่วยตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีต่าง ๆ จะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน หากเรามีการปรับตัวในทันโลก ทันเหตุการณ์ การใช้ชีวิตในแต่ละวันก็จะไม่มีอุปสรรคอะไรมาขัดขวางให้เราก้าวต่อไปอย่างแน่นอน บางครั้งปัญหาก็เหมือนข้อมูลในแฟลชไดร์ฟ หากเราเก็บรักษามากจนเกินไป สุดท้ายก็ต้องลบมันออกไปอยู่ดี เพราะเราต้องเหลือพื้นที่ว่างให้กับความสุขที่ผ่านเข้ามา

หากสนใจแฟลชไดร์ฟ ไม่ว่าจะเป็น แฟลชไดร์ฟ ไม้, แฟลชไดร์ฟ การ์ด, แฟลชไดร์ฟ โลหะ, แฟลชไดร์ฟ รีไซเคิล, แฟลชไดร์ฟ ยาง, แฟลชไดร์ฟ ทวิสเตอร์, แฟลชไดร์ฟ กระดาษ, แฟลชไดร์ฟ หนัง, แฟลชไดร์ฟ ปากกา, แฟลชไดร์ฟ คริสตัล, แฟลชไดร์ฟ เหล็ก

สินค้าที่คุณอาจสนใจ