ทำไมจึงควรเลือกแฟลชไดร์ฟเป็นของพรีเมี่ยม

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างแฟลชไดร์ฟ สำหรับผู้ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ หรือจำเป็นที่จะต้องเก็บข้อมูลอยู่ตลอดในปัจจุบันนั้น ก็ยังคงเป็นที่นิยมพกพากันอยู่ ถึงแม้ว่าจะมีเทคโนโลยีมากมาย ที่ดูเหมือนจะเข้ามาแทนที่การเก็บข้อมูลโดยใช้แฟลชไดร์ฟ...

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างแฟลชไดร์ฟ สำหรับผู้ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ หรือจำเป็นที่จะต้องเก็บข้อมูลอยู่ตลอดในปัจจุบันนั้น ก็ยังคงเป็นที่นิยมพกพากันอยู่ ถึงแม้ว่าจะมีเทคโนโลยีมากมาย ที่ดูเหมือนจะเข้ามาแทนที่การเก็บข้อมูลโดยใช้แฟลชไดร์ฟ แต่ถึงอย่างนั้นอุปกรณ์ชิ้นนี้ก็ไม่ได้เสื่อมความนิยมไปเท่าไรนัก หลายคนยังคงเลือกนิยมใช้อุปกรณ์ชนิดนี้อยู่ เหตุผลหนึ่งอาจเกิดจากความเคยชิน หรืออีกเหตุผลอาจเป็นเพราะว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่ดีอยู่แล้ว

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากใครกำลังมองหาของพรีเมี่ยม หรือทำ Gift set เพื่อมอบให้กับลูกค้า หรือมอบให้กับพนักงานเพื่อแทนคำขอบคุณนั้น แฟลชไดร์ฟยังเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสมที่จะมอบให้อยู่ เนื่องจากมีประโยชน์มากมายหลากหลายประการด้วยกัน และวันนี้เราจะมาคุยกัน ว่าทำไมในปัจจุบัน เราจึงยังควรเลือกแฟลชไดร์ฟ เพื่อใช้เป็นของพรีเมี่ยมในการแจกจ่าย

 

พกพาง่าย

 

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การพกพาแฟลชไดร์ฟ ไม่ได้เป็นอะไรที่ยากเย็นเลย เราอาจนำมาห้อยเป็นพวงกุญแจติดไว้กับตัวตลอดเวลา หรือนำใส่ไว้ในกระเป๋าเล็กๆ เพียงเท่านี้เราก็จะได้อุปกรณ์เก็บข้อมูลเคลื่อนที่ ที่พร้อมจะให้เราสามารถหยิบมาใช้งานได้อยู่เสมอ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเหนื่อยในการพกพา เหมือนกับอุปกรณ์อย่างฮาร์ดดิสก์แบบพกพา ซึ่งถึงจะมีการเก็บข้อมูลมากกว่าก็ตาม แต่ปัญหาที่ตามมาคือเรื่องของน้ำหนักที่มากด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังเป็นก้อน เสี่ยงต่อการตกหล่นเสียหายด้วย

 

มีหลายแบบให้เลือก

 

อุปกรณ์แฟลชไดร์ฟ มีอยู่ด้วยกันมากมายหลากหลายรูปแบบ สิ่งนี้นอกจากช่วยในเรื่องของการพกพาที่แตกต่างกันแล้ว ยังขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวด้วย บางคนอาจจะชอบแบบที่เป็นแฟลชไดร์ฟหนัง หรือบางคนอาจจะชอบแบบที่เป็นแฟลชไดร์ฟการ์ด บางคนรักษ์โลก อาจจะมองแบบที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลก็ได้เหมือนกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัว และความสะดวกในการใช้งานเลย

 

สามารถใช้งานได้ทันที

 

เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า แฟลชไดร์ฟ เป็นอุปกรณ์ที่สามารถหยิบมาใช้งานได้อย่างง่ายดายมากที่สุดอุปกรณ์หนึ่ง เพียงแค่คุณทำการเสียบมันลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊คของคุณ ปัจจุบันไม่ได้เพียงแค่มีช่อง USB เท่านั้นที่สามารถเสียบอุปกรณ์นี้ได้ แต่ยังมีช่อง USB-C ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ใช้งาน ทำให้สามารถอ่านและเก็บข้อมูลได้เร็วมากยิ่งขึ้น

 

ไม่ได้ใช้ได้แค่กับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คเท่านั้น

 

นอกจากนี้แล้ว ในปัจจุบัน แฟลชไดร์ฟไม่ได้เพียงแค่ใช้งานกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คเพียงเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์ที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะใช้เสียบกับเครื่องเล่นเสียงในรถยนต์ เสียบกับโทรทัศน์สมัยใหม่ ก็สามารถที่จะใช้งานได้เช่นเดียวกัน

 

สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ

 

นอกจากจะสามารถเสียบกันได้กับหลายอุปกรณ์แล้ว ยังมีวิธีการใช้งานที่มีความหลากหลายแตกต่างกันออกไปด้วย หากคุณเสียบกับโทรทัศน์ คุณสามารถใช้ในการดูหนังหรือวิดีโอได้ หากเสียบกับเครื่องเสียงในรถยนต์ อาจจะใช้ในการฟังเพลงได้ และแน่นอนว่าเสียบกับคอมพิวเตอร์ ใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการดูหนังฟังเพลงอย่างที่กล่าวไป หรืออาจเป็นการจัดเก็บข้อมูล หรือไฟล์เอกสารก็ได้ นอกจากนี้แล้ว หลายคนยังนิยมที่จะใช้แฟลชไดร์ฟ ในการเป็นอุปกรณ์สำรองข้อมูลอีกด้วย

 

ข้อมูลไม่เกิดความเสียหาย

 

ข้อดีหนึ่งของการพบอุปกรณ์ชนิดนี้ก็คือ ข้อมูลของเราจะอยู่ติดตัวเราอยู่เสมอ นี่เป็นการการันตีได้ในระดับหนึ่งว่า ข้อมูลของเราจะไม่เกิดความเสียหาย ตราบใดที่เราไม่ทำให้อุปกรณ์ของเราเกิดความเสียหาย หรือสูญหายไปเสียก่อน ถึงจะไม่เกิดความเสียหายในข้อมูลก็ตาม แต่อย่างน้อยการสำรองข้อมูลไว้ ก็อาจทำให้เรามีความปลอดภัยมากกว่า

แฟลชไดร์ฟ กับ External HDD เหตุใดหลายคนยังคงเลือกแฟลชไดรฟ์อยู่

ในปัจจุบันนั้น มีวิธีการเก็บไฟล์ต่างๆ ด้วยกันมากมายหลากหลายวิธี หากเป็นเมื่อก่อนนั้น วิธีการที่น่าจะดี และได้รับความนิยมมากที่สุดวิธีการหนึ่ง คือการเก็บข้อมูลเหล่านั้นไว้ในอุปกรณ์แฟลชไดรฟ์ เนื่องจากเป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูล ที่สามารถใช้กันได้แบบสากล...

ในปัจจุบันนั้น มีวิธีการเก็บไฟล์ต่างๆ ด้วยกันมากมายหลากหลายวิธี หากเป็นเมื่อก่อนนั้น วิธีการที่น่าจะดี และได้รับความนิยมมากที่สุดวิธีการหนึ่ง คือการเก็บข้อมูลเหล่านั้นไว้ในอุปกรณ์แฟลชไดรฟ์ เนื่องจากเป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูล ที่สามารถใช้กันได้แบบสากล สามารถที่จะใช้เสียบคอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊คได้แทบจะทุกเครื่อง อีกทั้งยังสามารถที่จะพกพาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย เช่น แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟหนัง เพราะมีความเล็กกะทัดรัด และสามารถติดไว้กับพวงกุญแจ หรือใส่กระเป๋าเล็กๆ ไว้ได้อย่างสะดวก

 

แต่ในปัจจุบันนี้เอง ได้มีวิธีการเก็บข้อมูลใหม่ๆ ไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเก็บข้อมูลเหล่านั้นไว้ทางออนไลน์ หรือไม่ก็อาจเก็บไว้ในอุปกรณ์อย่าง External HDD ที่สามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าอุปกรณ์แฟลชไดรฟ์หลายเท่าเลยทีเดียว แต่ถึงแบบนั้นแล้ว ปัจจุบันแฟลชไดรฟ์ก็ยังคงเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมสูงอยู่ หลายคนยังเลือกที่จะใช้อุปกรณ์ชนิดนี้อยู่ ดังนั้นเพื่อประกอบการตัดสินใจ หากใครกำลังเลือกหาแฟลชไดรฟ์อยู่ และกำลังสงสัยว่า การมีอุปกรณ์ชิ้นนี้ไว้นั้นคุ้มค่าหรือไม่ วันนี้เราจะมาคุยกัน ว่าเหตุใด ถึงจะมีกรรมวิธีการเก็บข้อมูลอยู่ด้วยกันมากมายหลากหลาย แต่แฟลชไดรฟ์ก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่จนถึงทุกวันนี้

 

เล็กกะทัดรัด พกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกสบาย

 

นี่เป็นจุดเด่นที่สำคัญ ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ที่ไม่มีอุปกรณ์ไหนมาทดแทนได้เลย คือแฟลชไดรฟ์นั้นมีขนาดเล็กกะทัดรัด ทำให้สามารถที่จะพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกสบายเป็นอย่างมาก หรือจะทำเป็นของพรีเมี่ยมก็ได้เช่นกัน เหมือนอย่าง แฟลชไดร์ฟปากกา ที่สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่าและทันสมัย อันนี้จะแตกต่างจาก External HDD อย่างเห็นได้ชัด ที่มีขนาดใหญ่กว่าแฟลชไดรฟ์หลายเท่าเลยทีเดียว หากนำมาเทียบกันแล้ว เราสามารถที่จะนำอุปกรณ์ชนิดนี้ใส่ติดกระเป๋าไว้ หรืออาจที่จะนำมาห้อยกับพวงกุญแจก็สามารถหยิบมาใช้งานได้ง่ายดายมากกว่า

 

มีความทนทานสูง

 

และเนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก ดังนั้นจึงมีความทนทานสูงตามไปด้วย มีความทนทานถึงขนาดว่า นำมาโยน หรือตกจากที่สูง หรือเกิดการกระแทกอย่างแรงก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย หรือแม้กระทั่งหลายคนอาจจะเคยทำ กับการลืมไว้ในกระเป๋ากางเกงหรือกระเป๋าเสื้อ แล้วเผลอนำไปลงเครื่องซักผ้า ที่น่าแปลกใจคือ แฟลชไดรฟ์ของเรายังสามารถที่จะใช้งานได้อยู่ และไม่เกิดความเสียหายใดๆ กลับกันแล้ว กับอุปกรณ์อย่าง External HDD หลายครั้งเพียงแค่โดนกระแทกเบาๆ ก็อาจทำให้เสียหายได้ทั้งก้อน และข้อมูลที่อยู่ภายในเกิดความเสียหายทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย ซึ่งนี่เป็นข้อควรระวังที่อาจเกิดขึ้น หากคุณเลือกอุปกรณ์ External HDD

 

มีความเร็วและความแรง

 

ในปัจจุบันนั้น เทคโนโลยีพัฒนาก้าวหน้าไปมาก กับการนำมาทำอุปกรณ์แฟลชไดรฟ์นี้เช่นกัน ในปัจจุบันนั้นมีความเร็วที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว การที่เราถ่ายโอนไฟล์ใหญ่ๆ อย่างเป็นวีดีโอ อาจใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น หากเป็นเมื่อก่อนอาจจะไม่ได้มีความเสถียรและมีความเร็วถึงขนาดนี้ แต่อย่างที่บอกว่าเทคโนโลยีได้พัฒนาไป และนำมาใช้กับอุปกรณ์ชนิดนี้ เพื่อแข่งขันกับอุปกรณ์อื่นหรือวิธีการเก็บไฟล์แบบอื่น

 

มีตัวเลือกเยอะมาก

 

ในท้องตลาดนั้น อุปกรณ์เก็บข้อมูลชนิดนี้มีให้เราเลือกอยู่ด้วยกันมากมายหลากหลายความจุ มีตั้งแต่ความจุแบบเล็กน้อย ไปจนถึงความจุมากๆ เป็นเทราไบท์เลยทีเดียว ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ยังมีชนิดของความเร็วการถ่ายโอนข้อมูลให้เลือกอีกมาก มีตั้งแต่แบบที่เป็น USB2.0 ไปจนถึงแบบที่เป็น USB3.2 เลยทีเดียว แต่ไม่ว่าใครๆ ก็น่าจะอยากได้แบบที่เร็วที่สุดอยู่แล้ว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงขึ้นมาเล็กน้อย

 

เรื่องของราคา

 

เรื่องนี้ก็เป็นข้อได้เปรียบของอุปกรณ์เก็บข้อมูลชนิดนี้ คือเรื่องของราคาที่ถึงจะมีหลากหลาย แต่ราคาที่ต่ำที่สุดก็นับว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างถูกอยู่ดี คือมีราคาไม่ถึงหนึ่งร้อยบาท เราก็สามารถหาซื้ออุปกรณ์เก็บข้อมูลชนิดนี้ได้แล้ว แต่คุณภาพก็ตามราคานั่นแหละ

เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับแฟลชไดร์ฟ

แฟลชไดร์ฟทุกวันนี้ได้กลายเป็นอุปกรณ์ที่บางคน ถึงกับต้องพกติดตัวอยู่ตลอดเวลาไปเสียแล้ว โดยเฉพาะคนที่ทำงานเอกสาร หรือจำเป็นที่จะต้องบันทึกข้อมูล แล้วนำไปใช้กับคอมพิวเตอร์หลายเครื่อง ถึงแม้ว่าสมัยนี้จะมีเทคโนโลยีการฝากไฟล์ออนไลน์...

แฟลชไดร์ฟทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น แฟลชไดร์ฟรูปทรงแปลกใหม่ เช่น แฟลชไดร์ฟปากกา แฟลชไดร์ฟคริสตัลได้กลายเป็นอุปกรณ์ที่บางคน ถึงกับต้องพกติดตัวอยู่ตลอดเวลาไปเสียแล้ว โดยเฉพาะคนที่ทำงานเอกสาร หรือจำเป็นที่จะต้องบันทึกข้อมูล แล้วนำไปใช้กับคอมพิวเตอร์หลายเครื่อง ถึงแม้ว่าสมัยนี้จะมีเทคโนโลยีการฝากไฟล์ออนไลน์ แต่หลายคนก็ยังคงจะนิยมใช้แฟลชไดร์ฟกันอยู่ดี จะด้วยความเคยชินหรืออะไรก็ตามแต่

 

เราชวนคุยเกี่ยวกับเรื่องของแฟลชไดร์ฟมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว และวันนี้เราก็ยังคงจะมาคุยกันในเรื่องของแฟลชไดร์ฟ ว่าด้วยเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับอุปกรณ์เก็บข้อมูลชนิดนี้ ว่ามีอะไรบ้าง

 

อุปกรณ์ที่คนทำหายกันบ่อยๆ

 

หลายคนที่นิยมใช้แฟลชไดร์ฟ ไม่ว่าจะเป็น แฟลชไดร์ฟคลาสสิค หรือ แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ น่าจะรู้กันอยู่ ว่าเรามักจะทำอุปกรณ์ชนิดนี้หายกันอยู่เสมอ เนื่องจากการที่มีขนาดเล็ก เป็นข้อดีที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด ทำให้เราสามารถจัดเก็บได้ง่าย และพกพาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย แต่ในบางครั้งก็เป็นข้อเสียอยู่เหมือนกัน ที่เรามักจะทำอุปกรณ์ชนิดนี้หายกันอยู่บ่อยๆ หลายครั้งเมื่อเราทำอุปกรณ์ชนิดนี้หาย จะเป็นในตอนที่เราใส่ข้อมูลสำคัญเอาไว้ หลายคนจึงนิยมใช้อุปกรณ์ชนิดนี้ ร่วมกับการฝากไฟล์ออนไลน์ เพื่อป้องกันการหาย หรือหากอยากจะพกพาจริง ให้เลือกซื้อแบบที่มีสายคล้องมาด้วย และเลือกซื้อที่แบบมีสีสันโดษเด่นสะดุดตา หรือรูปร่างแปลกใหม่ เพราะว่าหากเราทำหาย น่าจะหาได้ง่ายกว่า และผู้คนก็น่าจะจำแฟลชไดร์ฟของเราได้ด้วย

 

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หลีกเลี่ยงความร้อน และความชื้น

 

แฟลชไดร์ฟไม้ หรือ แฟลชไดร์ฟโลหะ อย่างที่เรารู้กันดีว่า อุปกรณ์ชนิดนี้ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นหนึ่งในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และการที่เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นี่เอง ทำให้เราควรหลีกเลี่ยงที่จะสัมผัสกับความชื้น หรือสัมผัสกับน้ำโดยเด็ดขาด อาจจะเกิดการทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรขึ้นมาได้ ซึ่งนอกจากจะทำให้อุปกรณ์ของเราเสียหายแล้ว ยังเป็นการทำให้คอมพิวเตอร์ที่เราเอาไปเสียบใช้งานเสียหายด้วย ซ้ำร้ายข้อมูลข้างในก็อาจสูญหายอีก และแน่นอนว่าหลีกเลี่ยงความชื้นแล้ว เราก็ควรจะหลีกเลี่ยงความร้อนด้วย หรือไม่ควรจะนำไปอยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิสูง หยางเอาไว้ในรถขณะตากแดดกลางแจ้ง เพราะจะทำให้อุปกรณ์ของเราเสื่อมอายุลง หรือเสื่อมสภาพการใช้งานลงได้

 

การใช้งานอย่างถูกต้อง เป็นสิ่งที่สำคัญมาก

 

หลักการการใช้งานแฟลชไดร์ฟอย่างถูกต้อง บางครั้งเรารู้กันอยู่แล้วว่าควรทำอย่างไร แต่ก็อาจจะละเลยไปบ้าง สิ่งนี้แหละที่จะทำให้แฟลชไดร์ฟของเราเสื่อมอายุการใช้งานอย่างรวดเร็ว หรือแย่ไปกว่านั้น อาจจะเสียกลางคันอย่างดื้อๆ แบบนี้ผู้ใช้งานมีปัญหาแน่นอน วิธีการใช้งานอย่างถูกต้องหรือการถนอมก็คือ ก่อนที่เราจะทำการถอดออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เราควรที่จะปิดการเชื่อมต่อกันทำงานเสียก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้เกิดการไฟกระชาก หรือไม่ควรถอด ในขณะที่ทำการอ่านข้อมูลอยู่ หรือทำการคัดลอกข้อมูลอยู่ อันนี้ห้ามทำโดยเด็ดขาดเลย นอกจากข้อมูลของเราจะเสียหายแล้ว อุปกรณ์ของเราก็จะเสียหายได้ด้วย และที่สำคัญคือ เราควรที่จะหมั่นสแกนไวรัสอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟล์ของเราเกิดความเสียหายจากไวรัส หลายคนน่าจะรู้กันอยู่แล้วว่า อุปกรณ์แฟลชไดร์ฟ นับว่าเป็นอุปกรณ์แพร่ไวรัสตัวดี ที่จะแพร่ไวรัสจากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกหลายเครื่องได้อย่างง่ายดาย

 

หลีกเลี่ยงการกระแทก หรือการตกจากที่สูง

 

อุปกรณ์ชนิดนี้มีความเปราะบางเป็นอย่างมาก การกระแทกอย่างรุนแรง หรือการตกจากที่สูงนั้นอาจทำให้เกิดความเสียหายได้อย่างง่ายดาย เพราะภายในประกอบไปด้วยชิ้นส่วนเล็กๆ มากมาย ง่ายต่อการเสียหาย และอาจเกิดการคลาดเคลื่อนของส่วนประกอบข้างในได้ง่าย ซึ่งสิ่งนี้เองเป็นสาเหตุหลักที่คนมักจะทำอุปกรณ์ชนิดนี้พัง

แฟลชไดร์ฟปากกา แก็ดเจ็ตเด็ดที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น

ถ้าพูดถึงสินค้าพรีเมี่ยมอย่างแฟลชไดร์ฟก็แน่นอนว่าหลายคนพอจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าถือเป็นแก็ดเจ็ตชิ้นนึงที่ค่อนข้างมีความสำคัญกับไลฟ์สไตล์ประจำวันของใครหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ วัยรุ่นวัยเรียน และวัยทำงาน...

ถ้าพูดถึงสินค้าพรีเมี่ยมอย่างแฟลชไดร์ฟก็แน่นอนว่าหลายคนพอจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าถือเป็นแก็ดเจ็ตชิ้นนึงที่ค่อนข้างมีความสำคัญกับไลฟ์สไตล์ประจำวันของใครหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ วัยรุ่นวัยเรียน และวัยทำงาน ซึ่งมีไลฟ์สไตล์สัมพันธ์กับไฟล์งานดิจิทัลต่างๆ จึงจำเป็นต้องอาศัยแก็ดเจ็ตอย่างแฟลชไดร์ฟในการช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดเก็บ เคลื่อนย้ายไฟล์งาน อย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึงการทำแฟลชไดร์ฟพรีเมี่ยมสักอันสำหรับใช้ในกิจกรรรมทางการตลาดต่างๆ ส่วนใหญ่แล้วบริษัท องค์กรต่างๆก็มักจะนึกถึงแฟลชไดร์ฟดีไซน์ต่างๆ เช่น แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟไม้ ในระดับความจุที่แตกต่างกันออกไปและมีประโยชน์ใช้งานเพียงอย่างเดียวตามต้นแบบแก็ดเจ็ตรุ่นแรกๆ ที่ผลิตออกมาวางจำหน่ายเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งสามารถสั่งผลิตได้กับโรงงานผู้รับผลิตของพรีเมี่ยมทั่วไป ทว่าด้วยไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันที่มีความต้องการใช้แก็ดเจ็ตไอทีที่หลากหลายมากขึ้น ในบทความนี้จึงได้เลือกนำเอาไอเดียทำแฟลชไดร์ฟพรีเมี่ยมแบบที่มีการมิกซ์ฟังก์ชั่นกับแก็ดเจ็ตชิ้นอื่นให้มีประโยชน์การใช้งานที่หลากหลาย นำมาทำ Gift set เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้มากขึ้นมาแนะนำกัน

แฟลชไดร์ฟปากกาสไตลัส ถ้าจะนึกถึงแก็ดเจ็ตอีกชิ้นนึงที่ถือว่าค่อนข้างมีความสำคัญกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันก็แน่นอนว่าคำตอบแรกๆที่หลายคนนึกได้ย่อมเป็น ปากกาสไตลัส หรือปากกาสำหรับใช้งานกับหน้าจออุปกรณ์ต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ไอแพด นั่นเอง เพราะกิจกรรมการจดโน้ต บันทึกข้อความต่างๆ ลงบนจอก็นับเป็นอีกกิจกรรมที่สำคัญกับทั้งการเรียน และการทำงานในหลายสายงานโดยเฉพาะกับหนุ่มสาวออฟฟิศ ดังนั้นไอเดียแก็ดเจ็ตที่เลือกมาแนะนำกันจึงเป็นแฟลชไดร์ฟกึ่งปากกาสไตลัสนั่นเอง ซึ่งปัจจุบันก็พอจะมีโรงงานผู้ผลิตรับสินค้าพรีเมี่ยมมีการเปิดรับออเดอร์แก็ดเจ็ตดังกล่าวแล้ว โดยลักษณะของแก็ดเจ็ตจะถูกออกแบบมาให้มีหน้าตาเหมือนปากกาสไตลัส หรือปากกาไอแพดทั่วไป สามารถใช้งานขีดเขียนบนหน้าจอสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตได้ปกติ แต่มีการซ่อนตัวแฟลชไดร์ฟเข้ามาเป็นชิ้นส่วนนึงของตัวปากกา เช่น ส่วนบน หรือส่วนท้ายของปาก ซึ่งสามารถหมุนถอดออกมาแยกใช้งานเพื่อเสียบเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ต่างๆ สำหรับเป็นพื้นจัดเก็บไฟล์งานต่างๆ ได้ปกติเช่นเดียวกับแฟลชไดร์ฟทั่วไป เท่ากับว่าหากพกแก็ดเจ็ตชิ้นนี้ก็จะสามารถใช้งานทดแทนได้ทั้งปากกา และแฟลชไดร์ฟเลย เรียกได้ว่าช่วยลดปัญหาความยุ่งยาก และการลืมแก็ดเจ็ตชิ้นต่างๆ ได้ดีทีเดียว

ข้อจำกัดของแฟลชไดร์ฟปากกา กล่าวถึงข้อดีของแก็ดเจ็ตชิ้นนี้กันไปแล้ว มาดูกันที่ข้อจำกัดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจทำแก็ดเจ็ตชิ้นนี้เป็นสินค้าพรีเมี่ยมสำหรับกิจกรรม หรือแคมเปญการตลาดต่างกันบ้าง ข้อจำกัดอย่างแรกก็คือ เรื่องของขนาดที่ใหญ่กว่าปากกาสไตลัสทั่วไป แม้ว่าโดยดีไซน์หน้าตาพื้นฐานจะเหมือนปากกาสไตลัสทั่วไปตามกล่าวไปข้างต้น แต่ด้วยความที่ต้องมีการซ่อนตัวแฟลชไดร์ฟ ซึ่งจะมีส่วนหัวพอร์ตเชื่อมต่อ USB อยู่ไว้เป็นชิ้นส่วนนึงของปากกาด้วย ก็ทำให้ขนาดความกว้างของปากกาต้องกว้างขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับการจับปากกาด้ามใหญ่ จึงอาจรู้สึกไม่ถนัดมือที่จะจับใช้งาน โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่ขนาดมือโดยเฉลี่ยเล็กกว่าผู้ชายก็อาจรู้สึกไม่ค่อยสะดวกในการจับใช้งาน ดังนั้นหากต้องเลือกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายสำหรับแก็ดเจ็ตชิ้นก็ควรเลือกเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายผู้ชาย ซึ่งมีแนวโน้มที่จะจับใช้งานแก็ดเจ็ตได้อย่างถนัดมือมากกว่า และอีกข้อจำกัดก็คือเรื่องของราคาต้นทุนในการสั่งผลิต ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีต้นทุนที่สูงกว่าแฟลชไดร์ฟทั่วไป หรือปากกาสไตลัสที่มีแค่ฟังก์ชั่นใช้งานเฉพาะตัว จึงควรต้องมีการวางแผนกำหนดงบ และเลือกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ดีก่อนการตัดสินใจสั่งผลิต

ข้อดีข้อเสียของการใช้แฟลชไดร์ฟความจุระดับเทราไบต์

  สำหรับการใช้อุปกรณ์ไอทีต่างๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับหน่วยวัดความจุของอุปกรณ์แบบเมกะไบต์(Mb) และกิกะไบต์(Gb) โดยกิกะไบต์นั้นเป็นหน่วยวัดที่ใหญ่กว่าเมกะไบต์แบบ *1000 หรือกล่าวคือ 1000Mb จะเท่ากับ 1Gb นั่นเอง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ...

สำหรับการใช้อุปกรณ์ไอทีต่างๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับหน่วยวัดความจุของอุปกรณ์แบบเมกะไบต์(Mb) และกิกะไบต์(Gb) โดยกิกะไบต์นั้นเป็นหน่วยวัดที่ใหญ่กว่าเมกะไบต์แบบ *1000 หรือกล่าวคือ 1000Mb จะเท่ากับ 1Gb นั่นเอง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีความจุระดับกิกะไบต์ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการจัดเก็บข้อมูล ไฟล์งานต่างๆ แล้ว โดยเฉพาะกับอุปกรณ์พกพาอย่างแฟลชไดร์ฟที่มีตัวเลือกความจุตั้งแต่ 4Gb, 8Gb ไปจนถึงระดับ 100Gb ขึ้นไป นับว่ามีปริมาณความจุ และช่วงความจุมากพอให้ได้หลายคนได้เลือกใช้งานตามความเหมาะสม อย่างไรก็ตามด้วยความที่ไฟล์งานดิจิทัลต่างๆ โดยเฉลี่ยมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปีหลัง ทำให้ระดับความจุของอุปกรณ์ไอทีต่างๆ เริ่มพัฒนาไปถึงระดับเทราไบต์(Tb) โดยในช่วงแรกระดับความจุ Tb นั้นใช้กับอุปกรณ์ที่เป็นหน่วยความจำหลักเช่น ฮาร์ดดิสก์ แต่ในช่วงหลังก็มีการพัฒนาให้ใช้กับหลากหลายอุปกรณ์เพื่อรองรับการใช้งานจัดเก็บ เคลื่อนย้ายไฟล์ขนาดใหญ่ และปริมาณมากขึ้น รวมถึงแฟลชไดร์ฟด้วย ซึ่งแน่นอนว่าด้วยขนาดความจุที่แตกต่างกันระดับ *1000 (เช่นเดียวกับระดับเมกะไบต์มากิกะไบต์ 1000Gb จึงเท่ากับ 1Tb) ทำให้ความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลของแฟลชไดร์ฟระดับกิกะไบต์ และเทราไบต์แตกต่างกันชัดเจน ในบทความนี้จึงได้นำเอาข้อดีข้อเสียของการใช้งานแฟลชไดร์ฟระดับความจุเทราไบต์มาบอกกล่าว ไม่ว่าจะเป็น แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟไม้ หรือจะเป็น แฟลชไดร์ฟคลาสสิค เพื่อให้หลายคนใช้เป็นแนวทางการตัดสินใจกันว่าควรเลือกซื้อแก็ดเจ็ตชิ้นนี้มาใช้งานหรือทำเป็น GIFT SET หรือไม่

ราคาสูง สำหรับปัจจัยแรกที่ต้องนึกถึง ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นข้อเสียของแฟลชไดร์ฟระดับเทราไบต์ก็แน่นอนว่าเป็นเรื่องของราคาที่ถือว่าสูงกว่าความจุระดับกิกะไบต์ แม้ว่าจะไม่ได้สูงมากเมื่อเทียบกับอุปกรณ์ไอทีพกพาอื่นๆ แต่ก็ถือว่าต้องยอมจ่ายเพิ่มหน่อยเพื่อแลกกับหน่วยความจุเทราไบต์ ดังนั้นหากมองเรื่องความเหมาะสม คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายก็อาจบอกได้ว่าสำหรับคนที่ใช้แฟลชไดร์ฟเพื่อการจัดเก็บไฟล์ข้อมูลในการทำงานทั่วๆ ไปก็อาจไม่ได้มีความจำเป็นต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อแลกกับพื้นที่จัดเก็บที่ใหญ่กว่าเดิม เพราะแฟลชไดร์ฟในระดับกิกะไบต์ เช่น 128Gb,  256Gb 500Gb ก็ถือว่าใหญ่เพียงพอครอบคลุมกับการใช้งานพื้นฐานในจัดเก็บไฟล์ดิจิทัลต่างๆ แล้ว

จัดเก็บไฟล์ที่มีความละเอียดสูง เช่น ไฟล์งานตัดต่อ ได้ พูดถึงข้อเสียกันไปแล้ว มาถึงข้อดีที่กันบ้าง นั่นก็คือการจัดเก็บไฟล์ที่มีความละเอียดสูงได้นั่นเอง สำหรับคนที่ทำงานเฉพาะทางด้านกราฟิก ตัดต่อวีดีโอ ซึ่งต้องข้องเกี่ยวกับไฟล์ที่มีความละเอียดสูงอยู่บ่อยๆ ก่อนหน้านี้แฟลชไดร์ฟอาจจะไม่ใช้อุปกรณ์ทางเลือกที่ดีสักเท่าไหร่ แต่ปัจจุบันแฟลชไดร์ฟในระดับความจุเทราไบต์ถือว่าค่อนข้างครอบคลุมการใช้งานเฉพาะทางที่ต้องการพื้นที่ในการจัดเก็บไฟล์ความละเอียดสูงมากขึ้น จึงถือเป็นข้อดีอย่างนึงที่ช่วยให้คนทำงานเฉพาะทางในวงการต่างๆ มีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้งานอุปกรณ์พกพามากขึ้น

ความเสี่ยงที่ไฟล์งานจะเสียหาย อีกหนึ่งจุดที่หลายคนอาจต้องพิจารณาความเหมาะสมในการใช้งานให้ดีก่อนตัดสินใจเลือกใช้แฟลชไดร์ระดับความจุเทราไบต์ก็คือเรื่องของความเสี่ยงที่ไฟล์งานจะเสียหายนั่นเอง กล่าวคือแฟลชไดร์ฟความจุระดับเทราไบต์นั้นย่อมมาพร้อมกับข้อดีเรื่องขนาดพื้นที่จัดเก็บ หรือบันทึกไฟล์ที่ใหญ่ ทำให้เราสามารถจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ไว้ได้มากกว่าแฟลชไดร์ฟระดับกิกะไบต์ แต่ขณะเดียวกันก็มาพร้อมความเสี่ยงเรื่องไฟล์เสียหายมากตามไปด้วย เพราะพื้นที่จัดเก็บขนาดใหญ่อาจทำให้เรานำไฟล์งาน หรือข้อมูลสำคัญต่างๆ มารวมไว้ในแฟลชไดร์ฟมากเกินไป ซึ่งหากตัวแฟลชไดร์ฟเกิดขัดข้อง หรือติดไวรัสก็เสี่ยงที่เราอาจเข้าถึง หรือเปิดไฟล์ทั้งหมดไม่ได้อีก สำหรับคนที่ไม่ได้มีความจำเป็นในใช้งานสำหรับจัดเก็บไฟล์ขนาดใหญ่(ไฟล์ที่กินขนาดพื้นที่ระดับหลายร้อยกิกะไบต์) การเลือกใช้งานในระดับความจุรองลงมา และเลือกกระจายการจัดเก็บไฟล์ต่างๆ ไว้ในหลายอุปกรณ์จึงอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

รวมไอเดียออกแบบแฟลชไดร์ฟพรีเมี่ยมแนวใหม่จากโรงงานผู้ผลิตของพรีเมี่ยม

ในการจัดทำสินค้าพรีเมี่ยมสักชิ้นนั้น แน่นอนว่าสิ่งสำคัญอย่างนึงก็คือการคิดหาไอเดียออกแบบให้สินค้าออกมามีหน้าตาแปลกใหม่ มีความโดดเด่น หรือแตกต่างไปจากสินค้าประเภทเดียวกัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดความสนใจในตัวสินค้าจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายสำหรับกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ...

ในการจัดทำสินค้าพรีเมี่ยมสักชิ้นนั้น แน่นอนว่าสิ่งสำคัญอย่างนึงก็คือการคิดหาไอเดียออกแบบให้สินค้าออกมามีหน้าตาแปลกใหม่ มีความโดดเด่น หรือแตกต่างไปจากสินค้าประเภทเดียวกัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดความสนใจในตัวสินค้าจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายสำหรับกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ เพราะโดยทั่วไปแล้วสินค้าที่เราเลือกนำมาทำเป็นของพรีเมี่ยมมักจะเป็นสินค้าที่มีประโยชน์ใช้สอยทั่วๆ ไป หาซื้อได้ง่าย เช่นเดียวกันกับแฟลชไดร์ฟ สินค้าพรีเมี่ยมยอดนิยมอีกหนึ่งชิ้น ซึ่งหลายบริษัท หลายองค์กรเลือกทำเป็นแฟลชไดร์ฟพรีเมี่ยม เช่น แฟลชไดร์ฟปากกา แฟลชไดร์ฟการ์ด เพื่อใช้เป็นของแจก ของรางวัลในกิจกรรมทางการตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกิจกรรมการตลาดสำหรับกลุ่มเป้าหมายดิจิทัลเจน หรือผู้ที่มีไลฟ์สไตล์แบบดิจิทัล ชื่นชอบการใช้งานแก็ดเจ็ตไอทีต่างๆ ซึ่งมักเป็นกลุ่มที่ชื่นชอบดีไซน์สินค้าที่มีความแปลกใหม่ แตกต่างจากสินค้าที่มีจำหน่ายทั่วไปในตลาดด้วย ในบทความนี้จึงได้รวบรวมไอเดียออกแบบแฟลชไดร์ฟพรีเมี่ยมดีไซน์แปลกใหม่ในปี 2022 จากโรงานผู้รับผลิตสินค้าพรีเมี่ยมมาบอกกล่าวให้หลายคนได้ใช้เป็นแนวทางในการเลือกออกแบบและสั่งผลิตแฟลชไดร์ฟพรีเมี่ยมกัน

แฟลชไดร์ฟริสแบนด์ หรือ แฟลชไดร์ฟยาง ไอเดียแรกที่ถือว่าค่อนข้างแปลกตาและน่าจะถูกใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชื่นชอบแก็ดเจ็ตไม่น้อยเลยก็คือ แฟลชไดร์ฟดีไซน์ริสแบนด์ หรือสายรัดข้อมือนั่นเอง โดยดีไซน์ดังกล่าวเป็นการนำเอาสินค้าพรีเมี่ยมสองชิ้นมารวมกัน ซึ่งก็คือริสแบนด์ และแฟลชไดร์ฟ โดยใช้วัสดุยาง หรือซิลิโคนทำเป็นตัวสาย และส่วนปลายของสายหุ้มตัวแฟลชไดร์ฟไว้ และทำให้ปลายสายอีกด้านสามารถสอดปิดตัว USB ได้พอ เป็นเหมือนฝาของตัวแฟลชไดร์ฟ เมื่อไม่ใช้งานจึงนำมาคล้องข้อมือเป็นริสแบนด์ได้พอดี สำหรับดีไซน์ริสแบนด์นี้นอกจากความโดดเด่นสะดุดตาของตัวสินค้าที่แน่นอนว่ามีหน้าตาแตกต่างจากแฟลชไดร์ฟที่มีจำหน่ายทั่วไปแล้ว ก็ยังมีข้อดีเรื่องของการใส่ไอเดียสื่อสารแคมเปญต่างๆ ผ่านตัวอักษร หรือข้อความ เพราะธรรมชาติของริสแบนด์ หรือสายรัดข้อมือนั้นถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์ในการสื่อสารแคมเปญอยู่แล้ว เรียกได้ว่าการสื่อสารข้อความในแคมเปญการตลาดใดๆ ผ่านริสแบนด์นี้ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับการจดจำจากกลุ่มลูกค้าได้ดีกว่าสินค้าพรีเมี่ยมอื่นๆ

แฟลชไดร์ฟทรงกลม เช่น แฟลชไดร์ฟไม้ อย่างที่ทราบกันดีว่าดีไซน์มาตรฐานของแก็ดเจ็ตชิ้นนี้มักจะเป็นทรงเหลี่ยมขนาดเล็ก(แท่งสี่เหลี่ยม) ด้วยข้อจำกัดด้านรูปทรงของตัว USB ซึ่งเป็นหัวเชื่อมต่อแฟลชไดร์ฟเข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ ดังนั้นหนึ่งในไอเดียการออกแบบที่จะทำให้ตัวแก็ดเจ็ตแตกต่างไปจากที่มีวางจำหน่ายทั่วไปก็คือการใช้รูปทรงที่ตรงข้ามกันอย่างรูปทรงวงกลม โดยอาจเป็นลักษณะของการ์ดทรงกลม ซึ่งปัจจุบันก็มีโรงงานผู้ผลิตของพรีเมี่ยมพัฒนาไอเดียออกแบบดังกล่าวขึ้นมาแล้ว โดยเป็นการใช้วัสดุพลาสติกทำเป็นตัวแฟลชไดร์ฟรูปการ์ดทรงกลม และออกแบบให้ส่วนหัว USB หมุนออกเพื่อใช้งาน และหมุนพับเก็บเข้ากึ่งกลางของการ์ดได้ ซึ่งขณะหมุนออกตัว USB ก็จะยื่นออกจากตัวการ์ดมาเพื่อเสียบใช้งานกับอุปกรณ์อื่นๆได้พอดี และเมื่อหมุนเก็บหลังใช้งานเสร็จ ตัว USB ก็จะเข้าล็อคส่วนฐานอีกด้านของวงกลมที่ถูกออกแบบมาให้เป็นฝาปิดในตัวด้วย นอกจากไอเดียรูปการ์ดทรงกลมดังกล่าวแล้ว ก็ยังมีไอเดียครีเอทรูปทรงแฟลชไดร์ฟพรีเมี่ยมอื่นๆ อีก เช่น รูปทรงกล่องสี่เหลี่ยม โดยลักษณะการออกแบบจะเป็นการเลือกใช้วัสดุพลาสติกทำให้ตัวแก็ดเจ็ตออกมามีหน้าตาคล้ายกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัส ซึ่งสามารถใช้งานในการวางเป็นของประดับตกแต่งโต๊ะทำงาน หรือใช้วางเป็นที่ทับกระดาษได้ด้วย ส่วนตัว USB ใช้หลักการเดียวกันกับรูปทรงการ์ดกลม โดยสามารถหมุนพับเก็บให้แนบสนิทกับตัวกล่อง และหมุนออกเพื่อให้ USB ยื่นออกมาสำหรับเสียบเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ

ส่วนประกอบของแฟลชไดรฟ์ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

แฟลชไดรฟ์นั้น เป็นอุปกรณ์ที่หลายคนเลือกที่จะหยิบมาใช้งานอยู่เสมอ เนื่องด้วยคุณประโยชน์ที่มากมายของอุปกรณ์ชนิดนี้ นอกจากจะสามารถเก็บข้อมูล บันทึกข้อมูล และทำการถ่ายโอนข้อมูลได้แล้ว อุปกรณ์อย่างแฟลชไดรฟ์...

แฟลชไดรฟ์นั้น เป็นอุปกรณ์ที่หลายคนเลือกที่จะหยิบมาใช้งานอยู่เสมอ เนื่องด้วยคุณประโยชน์ที่มากมายของอุปกรณ์ชนิดนี้ นอกจากจะสามารถเก็บข้อมูล บันทึกข้อมูล และทำการถ่ายโอนข้อมูลได้แล้ว อุปกรณ์อย่างแฟลชไดรฟ์ ยังเป็นอุปกรณ์ที่สามารถที่จะพกพาได้ง่าย เช่น แฟลชไดรฟ์ปากกา แฟลชไดรฟ์รีไซเคิล เล็กกะทัดรัด สามารถที่จะนำมาห้อยกับพวงกุญแจได้ หรืออาจนำมาใส่กระเป๋าเล็กๆ ไว้ก็ได้เหมือนกัน อีกทั้งยังสามารถที่จะจุข้อมูลได้มาก ยิ่งในปัจจุบันมีออกมาหลายรูปแบบ สามารถที่จะนำมาใช้กับสมาร์ตโฟน หรือแท็บเล็ตได้ด้วยเช่นกัน

 

ถึงหลายคนจะใช้แฟลชไดรฟ์กันอยู่ตลอด แต่ก็ไม่รู้ว่า อุปกรณ์สำคัญที่เราหยิบมาใช้งานกันอยู่บ่อยๆ ชิ้นนี้ มีส่วนประกอบหลักคืออะไรบ้าง ดังนั้นวันนี้เราจะมาดูกันด้วยเรื่องของ ส่วนประกอบหลักของแฟลชไดรฟ์ ว่าอุปกรณ์สำคัญชนิดนี้ ที่เราใช้ในการเก็บข้อมูลกันอยู่ตลอดนั้น มีส่วนประกอบใดบ้าง ทั้งส่วนประกอบที่เป็นส่วนประกอบหลัก และส่วนประกอบเสริมที่เพิ่มเติมขึ้นมา

 

ส่วนประกอบหลัก

 

โดยทั่วไปนั้น แฟลชไดรฟ์เป็นอุปกรณ์ที่จะมีส่วนประกอบหลักๆอยู่ด้วยกัน 5 ส่วน ส่วนแรกที่เป็นส่วนที่มีความสำคัญมาก คือส่วนปลั๊กเชื่อมต่อ ซึ่งปลั๊กเชื่อมต่อนี้ จะเป็นปลั๊กเชื่อมต่อแบบ USB เพื่อสามารถที่จะเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊คที่เราใช้งานได้ หากไม่มีปลั๊กเชื่อมต่อนี้ เราจะไม่สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์แฟลชไดรฟ์ของเรา เข้ากับอุปกรณ์ใดๆ ได้เลย

 

ส่วนประกอบต่อไป คือส่วนของแผงควบคุม USB ส่วนประกอบส่วนนี้ จะมีลักษณะคล้ายกับบอร์ด แต่มีลักษณะเป็นบอร์ดที่มีขนาดเล็ก และจะมีชิป ฝังอยู่ที่บอร์ดอยู่จำนวนมาก เป็นชิปที่มีทั้งแบบ ROM และ RAM

 

ส่วนประกอบที่สาม คือส่วนประกอบที่เป็นชิปหน่วยความจำ โดยทั่วไปแล้ว จะใช้ชิปหน่วยความจำที่เป็นในรูปแบบ NAND ชิปที่เป็นหน่วยความจำรูปแบบนี้ จะเป็นรูปแบบหน่วยความจำที่มักจะใช้ในกล้องดิจิตอลด้วย ส่วนประกอบต่อไปเป็นส่วนประกอบที่มาด้วยกัน ซึ่งทำหน้าที่ส่งสัญญาณ และควบคุมการส่งออกข้อมูลของอุปกรณ์ เรียกว่า คริสตัล oscillator

 

ส่วนประกอบสุดท้าย เป็นส่วนประกอบที่เราสามารถเห็นได้จากภายนอก นั่นก็คือฝาครอบ หรือกรอบที่อยู่รอบนอก ในปัจจุบันได้มีการดัดแปลงทำจากวัสดุหลายอย่าง ทั้งแบบพลาสติกซึ่งเราเห็นได้ทั่วไป อีกทั้งยังมีแบบโลหะ แบบหนัง หรือแบบที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลก็ยังมีให้เราเห็น ส่วนประกอบนี้สามารถที่จะใช้ในการป้องกันแฟลชไดรฟ์ของเรา ไม่ให้เกิดข้างในเสียหาย และที่สำคัญ สามารถที่จะป้องกันกระแสไฟฟ้าลัดวงจร หรือไฟช็อตตัวผู้ใช้ได้ด้วย

 

ส่วนประกอบเพิ่มเติม

 

ในอุปกรณ์แฟลชไดรฟ์นั้น ยังมีส่วนประกอบเพิ่มเติมอื่นๆ ที่จะเพิ่มเข้ามา ส่วนประกอบแรกคือตัวจัมเปอร์ และตัวหมุดสำหรับทดสอบ ใช้สำหรับการทดสอบ อุปกรณ์ของเราในช่วงการผลิต หรือการเข้ารหัสของอุปกรณ์แฟลชไดรฟ์ของเรา

 

ส่วนต่อไปจะเป็นส่วนของไฟ LED ซึ่งไฟตรงนี้ ทำหน้าที่แสดงข้อมูลการทำงาน เราจะสามารถดูในจุดนี้ได้ว่า อุปกรณ์เก็บข้อมูลของเรานี้ ทำงานอยู่หรือไม่อย่างไร ทำการถ่ายโอน หรือทำการคัดลอกข้อมูลอยู่หรือไม่ ทุกอย่างจะแสดงออกที่ตรงไฟนี่เอง อย่างเช่น ไฟกระพริบตรงตัวแฟลชไดรฟ์คลาสสิค

 

ต่อไปจะเป็นส่วนของส่วนประกอบที่เราอาจจะเห็นได้บ้าง เป็นทางเลือกสำหรับผู้ผลิตบางเจ้า อันแรกคือ สวิตช์ป้องกันการเขียน เราสามารถที่จะเปิดปิดสวิตช์นี้ เพื่อป้องกันการเขียนข้อมูลลงในหน่วยความจำของเราได้ หรืออาจจะเป็นฝาครอบ USB ใช้ในการป้องกันหัวอ่าน ซึ่งอาจเกิดความเสียหายได้จากการกระแทก หรือไม่ก็อาจเกิดสิ่งปนเปื้อนเข้าไปอุดตันข้างใน แต่สิ่งที่ควรระวังคือ เรามักจะทำฝ้าตรงนี้หายกันอยู่บ่อยๆ ในอุปกรณ์เก็บข้อมูลหลายรุ่น จึงมักทำออกมาในรูปแบบอื่นมากกว่า อย่างการพับเก็บลงไป หรือการใช้เกลียวเพื่อให้ บริเวณหัว USB นั้นออกมา ทั้งเพื่อไม่ให้สิ่งสกปรกไปอุดตัน ป้องกันการเสียหาย และป้องกันฝาครอบหายด้วย

แฟลชไดร์ฟเสีย เกิดจากอะไร และจะมีวิธีการดูแลอย่างไร

แฟลชไดร์ฟ ก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ ที่มีอายุการใช้งานของมันที่ค่อนข้างจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากนำอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟ มาใช้งานอย่างหนักหน่วง อุปกรณ์ชิ้นดีก็อาจเกิดการพังขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่เปราะบาง และเราควรที่จะดูแลรักษาเป็นอย่างดีด้วย...

แฟลชไดร์ฟ ก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ ที่มีอายุการใช้งานของมันที่ค่อนข้างจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากนำอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟ มาใช้งานอย่างหนักหน่วง อุปกรณ์ชิ้นดีก็อาจเกิดการพังขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่เปราะบาง และเราควรที่จะดูแลรักษาเป็นอย่างดีด้วย เพราะอุปกรณ์ชิ้นนี้ ไม่ว่าจะเป็นแฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟปากกา หรือแฟลชไดร์ฟรูปแบบต่าง เป็นอุปกรณ์ที่เราจะเก็บข้อมูลที่แสนสำคัญของเราไว้ข้างใน ดังนั้นหากแฟลชไดร์ฟ ของเราเกิดพังหรือเสียหายขึ้นมา ก็อาจเป็นเรื่องใหญ่ได้

 

ดังนั้นวันนี้เราจะมาคุยกันว่า แฟลชไดร์ฟเสีย เกิดได้จากสาเหตุอะไรกันบ้าง พร้อมกับวิธีการที่เราจะสามารถดูแลรักษา เพื่อที่จะสามารถให้เราใช้งานได้อย่างยาวนาน และข้อมูลที่เราเก็บไว้ข้างในแฟลชไดร์ฟ ไม่เกิดความเสียหาย ซึ่งอาจจะทำให้ลำบากกับตัวผู้ใช้งานได้ด้วย

 

ปัจจัยที่ทำให้แฟลชไดร์ฟ เกิดความเสียหาย

 

มีไม่กี่สาเหตุหลัก ที่ทำให้อุปกรณ์แฟลชไดร์ฟ เกิดความเสียหายได้ สาเหตุแรกนั้นก็คือเรื่องของปัจจัยภายนอก ยกตัวอย่างชิ้น การเกิดการกระแทก หรืออาจเพื่อจากการตกจากที่สูง สิ่งนี้ทำให้อุปกรณ์แฟลชไดร์ฟของเรา อาจเกิดความเสียหายได้ทั้งภายในวงจรเอง หรือแม้กระทั่งพอร์ตการเชื่อมต่อก็อาจเกิดการชำรุด ซึ่งเป็นสิ่งที่มักจะเกิดขึ้นกับหลายคน เนื่องจากอุปกรณ์แฟลชไดร์ฟ เช่น แฟลชไดร์ฟคลาสสิค เป็นอุปกรณ์ชิ้นเล็ก ดังนั้นจึงอาจเกิดการตกหล่น และการกระแทกได้อย่างง่ายดาย

 

อีกเรื่องที่มักจะพบเจออยู่บ่อยๆ คือเรื่องของการเกิดความชื้น หรือการที่น้ำ เข้าไปในอุปกรณ์เก็บข้อมูลของเรา อุปกรณ์เก็บข้อมูลชิ้นนี้ถึงอย่างไรก็ยังเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้มีความไวต่อการเกิดความชื้น หรืออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งแน่นอนว่าความชื้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อุปกรณ์ของเราเสียหายได้ นอกจากเรื่องของความชื้นแล้ว ยังมีเรื่องของอากาศที่ร้อนจัด ก็อาจทำให้อุปกรณ์ของเราเสียหายได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การนำแฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ไปไว้ในที่ร้อนๆ อย่างการเอาไว้ในรถที่จอดรถตากแดดทิ้งไว้ ก็อาจมีความเสี่ยงทำให้อุปกรณ์ของเราพังได้เช่นกัน

 

อีกเรื่องคือเรื่องของปัจจัยภายใน นั่นก็คือเรื่องของแผงวงจร ซึ่งอาจเกิดการเสียหายขึ้นได้ จากปัจจัยที่กล่าวไปแล้ว อย่างเรื่องของความชื้น หรือการเกิดการกระแทกตกหล่น แต่อีกสิ่งที่สำคัญ อาจเกิดจากการช็อตในวงจรเอง ซึ่งอาจเกิดจากการได้รับกระแสไฟที่ไม่คงที่ จากการนำไปเสียบกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นอย่างคอมพิวเตอร์ หรือไอแพด ซึ่งได้รับไฟไม่คงที่ สิ่งนี้นอกจากจะทำให้อุปกรณ์เก็บข้อมูลของเรามีปัญหาแล้ว ยังอาจทำให้อุปกรณ์พ่วงอื่นๆ เกิดความเสียหายตามไปด้วย

 

และอีกอย่างนึงคือ การที่เราซื้อมาใช้ได้ไม่นาน แล้วเกิดการชำรุดเสียหาย อันนี้น่าจะต้องมาดูเรื่องของแผงวงจรข้างใน อาจเกิดจากปัญหาด้านการผลิตแต่แรกแล้ว ดังนั้นทางที่ดี คือขอเปลี่ยนตัวใหม่เลย ในกรณีที่อุปกรณ์ของคุณมีประกัน ดังนั้นทางที่ดี เรื่องของประกันหรือบริการหลังการขาย ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่คุณควรตัดสินใจในการเลือกซื้ออุปกรณ์

 

วิธีการดูแลรักษา

 

วิธีการดูแลรักษานั้นก็ไม่ได้ยากเย็นอย่างที่คิด อย่างแรกคือ เราควรหลีกเลี่ยงการเก็บอุปกรณ์เก็บข้อมูลของเราไว้ในบริเวณที่มีความชื้น มีน้ำ หรือไม่ก็มีอากาศ หรืออุณหภูมิที่ค่อนข้างร้อน อย่างการเก็บไว้ในรถ ขณะที่จอดตากแดด อันนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้อุปกรณ์เก็บข้อมูลของเราพังได้อย่างง่ายดาย เรื่องของปัจจัยภายนอกเป็นเรื่องที่เราสามารถที่จะดูแลรักษาอุปกรณ์ของเราได้ง่าย

 

ต่อไปเป็นเรื่องของปัจจัยภายใน ก่อนที่เราจะถอดอุปกรณ์เก็บข้อมูลออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ให้เราทำการ eject อุปกรณ์ของเราก่อนทุกครั้ง เพื่อให้ไฟล์ข้างในของเราไม่เสียหาย และที่สำคัญ ควรที่จะสแกนไวรัสอยู่บ่อยๆ

ข้อควรระวัง และปัญหาที่พบบ่อยในการใช้งานแฟลชไดร์ฟ

แฟลชไดร์ฟถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่หลายคนขาดไม่ได้ โดยเฉพาะกับไลฟ์สไตล์ของหนุ่มสาววัยทำงาน ซึ่งระหว่างขั้นตอนการทำงานต่างๆ มักต้องมีการเคลื่อนย้ายไฟล์จากอุปกรณ์นึงไปยังอุปกรณ์นึง หรือส่งต่อไฟล์งานให้กับเพื่อนร่วมงาน แม้ว่าปัจจุบันจะมีอุปกรณ์พกพาอื่นๆ...

แฟลชไดร์ฟถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่หลายคนขาดไม่ได้ โดยเฉพาะกับไลฟ์สไตล์ของหนุ่มสาววัยทำงาน มีให้เลือกหลายหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟปากกา ซึ่งระหว่างขั้นตอนการทำงานต่างๆ มักต้องมีการเคลื่อนย้ายไฟล์จากอุปกรณ์นึงไปยังอุปกรณ์นึง หรือส่งต่อไฟล์งานให้กับเพื่อนร่วมงาน แม้ว่าปัจจุบันจะมีอุปกรณ์พกพาอื่นๆ ที่ช่วยให้ส่งไฟล์ เคลื่อนย้ายไฟล์ได้ไม่ต่างจากแฟลชไดร์ฟ หรือทรัมไดร์ฟก็ตาม เพราะถ้ามองในแง่ความสะดวกและความคุ้มค่า อุปกรณ์อย่างแฟลชไดร์ฟ ซึ่งมีราคาแค่หลักร้อยบาท และขนาดที่เล็กกะทัดรัด อย่างเช่น แฟลชไดร์ฟทวิสเตอร์ประกอบกับประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูลระดับหลายร้อยกิกะไบต์ก็นับเป็นอุปกรณ์ที่คุ้มค่ากับการใช้งานมากที่สุดอยู่ดี อย่างไรก็ตามแม้ว่าวิธีใช้งานโดยพื้นฐานของไอเทมชิ้นนี้จะไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนอะไร โดยเป็นลักษณะของการเสียบต่ออุปกรณ์ผ่านช่องเสียบ USB หรือพอร์ต USB ของอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ หรือแล็ปท็อปที่เราต้องการใช้งาน จากนั้นก็ทำการค้นหาไดร์ฟของอุปกรณ์ที่ขึ้นแสดงมาเพิ่มเติม เท่านี้เราก็สามารถทำการเคลื่อนย้าย คัดลอกไฟล์ที่ต้องการได้แล้ว แต่ทว่าในการใช้งานแฟลชไดร์ฟที่ถูกต้องจริงๆ นั้นก็มีข้อควรระวังต่างๆ อยู่พอสมควรเหมือนกัน และบ่อยครั้งที่การละเลยที่จะใช้งานตามวิธีที่ถูกต้องก็ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา ในบทความนี้จึงได้นำเอาข้อควรระวังและปัญหาที่พบได้บ่อยในการใช้งานอุปกรณ์เคลื่อนย้ายไฟล์ประเภทนี้มาบอกกล่าวให้ได้ทราบกัน

ทำการสแกนไวรัสทุกครั้งก่อนเปิดไดร์ฟ เนื่องจากการใช้งานแฟลชไดร์ฟเป็นลักษณะของการเสียบเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งโดยทั่วไปมักมีการใช้งานกับอุปกรณ์มากกว่าหนึ่งอุปกรณ์ขึ้นไป ปัญหายอดฮิตที่มักเกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องของไวรัสที่อาจติดมากับอุปกรณ์ใดก็ได้ ซึ่งไวรัสที่ติดมานั้นสามารถสร้างความเสียหายให้กับทั้งตัวแฟลชไดร์ฟ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือแล็ปท็อปที่เราทำการเสียบเชื่อมต่อ ดังนั้นสิ่งที่ควรทำทุกครั้งเมื่อเสียบใช้งานกับอุปกรณ์ใดๆ ก็คือการสแกนไวรัสก่อนเปิดไดร์ฟ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วโปรแกรมสแกนไวรัสบนอุปกรณ์ต่างๆ หากมีการตรวจพบไวรัสที่อาจสร้างความเสียหายให้กับอุปกรณ์ได้จะสามารถลบไวรัสที่ตรวจพบทิ้งได้ทันที เราจึงสามารถเปิดใช้งานไดร์ฟของแฟลชไดร์ฟนั้นๆ ได้อย่างสบายใจหลังจากการสแกนเสร็จสิ้นแล้ว

ไม่ควรดึงแฟลชไดร์ฟออกทันทีที่ใช้งานเสร็จ ความเข้าใจผิดอย่างนึงเกี่ยวกับการใช้งานไอเทมชิ้นนี้ก็คือ เมื่อใช้งานเสร็จแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนย้ายไฟล์ หรือคัดลอกข้อมูลใดๆ สามารถถอดแฟลชไดร์ฟออกได้ทันที ซึ่งในความเป็นจริงเมื่อเราทำการเสียบเชื่อมต่อแฟลชไดร์ฟเข้ากับอุปกรณ์ใดๆ ตัวแฟลชไดร์ฟจะรันตัวเองให้พร้อมสำหรับการทำงานบนอุปกรณ์นั้น หรือกล่าวได้ว่าเป็นโหมดสแตนบายด์เพื่อพร้อมให้เราทำการเปิดไฟล์ เคลื่อนย้าย คัดลอก หรือลบไฟล์ต่างๆที่จัดเก็บไว้ ดังนั้นหากเราดึงออกทันทีที่ใช้งานเสร็จ ย่อมเท่ากับว่าโหมดสแตนบายด์ถูกบังคับปิดไปดื้อๆ จึงอาจเกิดความเสียหายต่อแฟลชไดร์ฟ ถึงขั้นไม่สามารถนำกลับมาใช้งานต่อได้เลยทีเดียว โดยวิธีที่ถูกต้องคือ เมื่อใช้งานเสร็จแล้วต้องทำการกดตัดการเชื่อมต่อ โดยลากเม้าส์ไปที่ task bar ซึ่งแสดงการเชื่อมต่ออุปกรณ์ USB และทำการกดเมนู Safety Remove USB โดยเลือก Remove ไดร์ฟของอุปกรณ์ที่เราเสียบเชื่อมต่อ จากนั้นจึงค่อยดึงตัวแฟลชไดร์ฟออก

ปัญหาเชื่อมต่อแฟลชไดร์ฟ แต่ไดร์ฟไม่ขึ้นแสดงบนอุปกรณ์ ปัญหายอดฮิตที่สืบเนื่องจากข้อควรระวังในข้อที่ผ่านมาก็คือเมื่อทำการเสียบเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ใดๆ แล้ว กลับไม่มีไดร์ฟ ซึ่งจัดเก็บข้อมูลไว้ขึ้นแสดง ทำให้ไม่สามารถจัดการกับข้อมูลนั้นๆ ได้ ปัญหาดังกล่าวนี้อาจมาจากความเสียหายของตัวแฟลชไดร์ฟเอง ซึ่งมีสาเหตุมาจากการใช้งานผิดวิธีตามที่ได้กล่าวให้ได้ทราบกันไปในข้อที่แล้ว(เช่น ดึงอุปกรณ์ออกทันทีเมื่อใช้งานเสร็จ) หรือในกรณีอื่น อาจมาจากการที่อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือแล็ปท็อปนั้นๆ ไม่รู้จักกับรูปแบบการทำงานของไดร์ฟที่เราเชื่อมต่อเข้าไป เนื่องมาจากความแตกต่างกันของระบบปฏิบัติการ ตัวอย่างเช่น อาจมีการต่อใช้งานไดร์ฟกับอุปกรณ์แมคมาก่อน จากนั้นได้นำไดร์ฟมาต่อกับอุปกรณ์วินโดวส์ และไม่พบว่ามีไดร์ฟขึ้นแสดงบนวินโดวส์ ในกรณีแบบนี้ วิธีแก้ปัญหาคือให้ทำการฟอร์แมตแฟลชไดร์ฟก่อนการใช้งาน